พรุ่งนี้จะเป็นวันเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์บ้านเมืองอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง และในโอกาสนี้ทุกคนจะมีคำถามอยู่ในใจว่าจะเลือกใครให้เข้าไปจัดตั้งรัฐบาลดูแลบ้านเมืองต่อไป
ระยะเวลาที่ผ่านมามีการอวดการอ้างทุกเรื่องราวสารพัด จริงบ้าง โกหกบ้าง บิดเบือนบ้าง หลอกลวงบ้าง แหกตาบ้าง ก็หวังเพียงเพื่อให้ประชาชนนิยมลงคะแนนเสียงให้
แม้กระนั้น การตัดสินใจเลือกของประชาชนก็ยังอยู่ในวังวนว่าจะเลือกฝ่ายไหน นั่นคือจะเลือกสภาพที่เป็นมาแล้ว 8 ปี และที่จะทำกันต่อไป คือทำอะไรไว้ก็จะทำกันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าไฟฟ้าค่าพลังงาน หรือการบริหารต่างๆ ในบ้านเมือง หรือว่าจะเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นมาแล้ว 8 ปี เพื่อฟื้นฟูพัฒนาประเทศไทยใหม่
ถ้าตัดสินใจที่จะเลือกชะตากรรมแบบที่เป็นมาแล้วในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาก็ต้องสนับสนุนพรรคการเมืองที่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาซึ่งขณะนี้ก็มีพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคหลัก ในขณะที่มีพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังคงมีท่าทีเหนียวแน่น ส่วนพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทยนั้นได้แสดงทีท่าที่จะร่วมมือกับฝ่ายไหนก็ได้
ถ้าตัดสินใจที่จะเลือกชะตากรรมใหม่ที่ไม่เอาแบบเก่าอีกต่อไปแล้วก็ต้องสนับสนุนพรรคการเมืองที่ไม่เอา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นนายกรัฐมนตรีโดยเด็ดขาด และฝ่ายนี้ก็มีพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ
และถ้าหวังที่จะให้มีการปรองดองก็อาจต้องตัดสินใจเลือกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ชูธงการเมืองชัดเจนว่าบ้านเมืองของเราในทุกวันนี้จะไปรอดปลอดภัยได้ก็ด้วยการปรองดองสมานฉันท์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง เริ่มต้นใหม่ประเทศไทย ซึ่งก็มีพรรคการเมืองหลายพรรคได้เข้าร่วมทิศทางนี้ตามที่มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย ก็สนับสนุนแนวทางนี้
ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ คือได้ สส.ไม่ถึง 50 คน และไม่สามารถรวมเสียงพันธมิตรเดิมได้ถึง 376 เสียง ก็อาจจำเป็นต้องยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อก้าวสู่การปรองดองสมานฉันท์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง
แต่จะมองข้าม สว. ไม่ได้ ขณะนี้มี สว. 3-4 คนแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่สนใจปิดสวิตช์ตนเอง แต่จะสนับสนุนคนที่ตั้งตัวเองมา ไม่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็จะเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งก็เป็นไปตามหลักทั่วไปว่าวัวควายคอกไหนก็ต้องเข้าคอกนั้นเป็นธรรมดา
แต่อย่าลืมว่า สว.ปัจจุบันนี้ไม่เหมือน สว. ปี 2562อีกแล้ว สภาพความเป็นรัฐล้มเหลว การทุจริต การฉ้อฉลการบิดเบือนการใช้อำนาจ การไม่ดูแลความเดือดร้อนของประชาชน และความเดือดร้อนในหมู่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถึงขั้นตั้งขบวนรีดนาทาเร้นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ตลอดจนการคุกคามสถาบันและการแทรกแซงของต่างชาติก็เป็นเรื่องที่ทุกคนมีความห่วงใยและต้องการแก้ไขปัญหานี้ให้จงได้ ดังนั้นมีแต่ความเปลี่ยนแปลงเท่านั้นจึงเป็นเงื่อนไขของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ดังนั้น สว. 250 คน จึงแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ไม่มีใครที่จะกุมเสียงชี้ขาด และขณะนี้ส่วนใหญ่ก็มีท่าทีว่าจะฟังความคิดเห็นของประชาชน คือประชาชนเลือกพรรคใดให้มีคะแนนเสียงมากก็จะสนับสนุนพรรคนั้น
แต่ทว่าการท้าทายของ สว. 3-4 คน ที่ท้าทายว่าพรรคการเมืองต้องรวบรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง สว.ก็จะปิดสวิตช์ตัวเอง ซึ่งเป็นการพูดชนิดที่ลืมตัว เพราะถ้าพรรคการเมืองรวบรวมเสียงได้ 376 เสียง เขาก็ปิดสวิตช์ สว.เสียเอง หรืออาจกล่าวได้ว่าเหยียบหน้า สว. 3-4 คนนี้จมธรณีไปแล้ว
ผลโพลล์ทุกโพลล์ขณะนี้ชัดเจนว่าพรรคใดจะได้รับเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 1 ลำดับ 2 และพรรคใดที่แข่งขันลำดับ 3 และ 4 โดยสรุปคือพรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่ได้รับเสียงมากกว่าพรรคการเมืองอื่น และยากที่จะรวบรวมเสียงได้เกิน 250 เสียง ดังนั้นจึงมีท่าทีที่จะชิงจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยซึ่งถูกต่อต้านกันทั้งประเทศ เพราะนี่คือหนทางทำลายชาติบ้านเมืองให้พินาศฉิบหาย
ดังนั้น ในวันสุกดิบของการเลือกตั้ง จึงเป็นวันเวลาที่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศจะต้องตัดสินใจว่าจะให้บ้านเมืองเป็นแบบเก่าเหมือนที่เป็นมาแล้ว 8 ปี หรือว่าต้องการเปลี่ยนแปลง จากนั้นก็ตัดสินใจเลือกพรรคและผู้สมัครตามที่ต้องการ
ถ้าประชาชนลงฉันทามติ ลงคะแนนเสียงเด็ดขาดให้พรรคการเมืองใดมีเสียงเกิน 250 เสียง สว. จำนวนมากก็จะคล้อยตามฉันทามติของประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี
ฉันทามติของประชาชนในเรื่องนี้เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจอธิปไตยของปวงชนที่ไม่มีอะไรจะต้านทานได้ จึงขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะสำแดงอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองของเราหรือไม่เท่านั้น และไม่ว่าตัดสินใจปฏิบัติอย่างไรก็ต้องรับผลแห่งการตัดสินใจนั้นตามกฎแห่งกรรมเป็นธรรมดา
ที่สำคัญ ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศต้องไม่ลืมว่า ขณะนี้ยังมีอันตรายสองอย่างเผชิญหน้าอยู่ นั่นคือความคิดของคนบางกลุ่มที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพื่อให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการไปอีกนานเท่านาน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ส่ออาการว่าบ้านเมืองจะถึงกาลสิ้นชาติเป็นแน่แท้
อีกอย่างหนึ่ง นักล่าอาณานิคมกำลังจ้องเขมือบประเทศไทย ได้เตรียมการเพื่อให้เกิดการปฏิวัติสีที่ระดมมวลชนจากทุกภาคส่วนเข้ามายังกรุงเทพมหานคร เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศไทย และขณะนี้ก็เตรียมการทั้งปวงไว้พร้อมจะเคลื่อนพล รอเพียงสัญญาณการยุบพรรคเท่านั้น
ดังนั้นประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจึงต้องพร้อมใจกันคิดอ่านเพื่อรับมือกับการปฏิวัติสีให้ทันท่วงทีและประสบความสำเร็จให้จงได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี