กรณีสหรัฐอเมริกา พยายามก้าวก่ายแทรกแซงการเมืองไทย ในช่วงเลือกตั้งขณะนี้
เป็นที่มาทำให้คนไทยที่ตื่นรู้ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โต้ตอบการทำตัวเป็น “คุณพ่อรู้ดี” ของสหรัฐอเมริกา
1. สว.สมชาย แสวงการ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยข้อมูลและความเห็น ระบุว่า
“...เอกสารประกอบให้คนไทยได้รับรู้ครับ
ทั้งข้อเสนอให้สว. สหรัฐมีมติ 114 และให้สส. สหรัฐมีมติ 369 นั้น
ให้ร้ายต่อสถาบันและข้อเรียกร้องแทรกแซงการเลือกตั้ง
กระทบอธิปไตยไทย
*ส่งไปจากคนไทยที่ให้ร้ายประเทศตัวเอง วันที่ 28 ก.พ. 2566
*สว. สหรัฐ รับลูกทำร่างมติ 114 แทบจะทันที วันที่ 16 มี.ค. 2566
*สส. สหรัฐ ทำตามบ้างร่างมติ 369 ตามซ้ำ วันที่ 5 พ.ค. 2566
บทเรียนในประวัติศาสตร์ คนไทยกลุ่มหนึ่งเคยทรยศเปิดประตูเมืองให้พม่าบุกเข้าเมืองตีกรุงศรีอยุธยาแตก เมืองถูกเผาคนไทยกลายเป็นทาส !
#ชักศึกเข้าบ้าน หรือ #สหรัฐแทรกแซง #ทฤษฎีสมคบคิด...”
2. เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2566 สว. สมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้ให้ข้อมูลผ่านรายการโทรทัศน์ ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “สภาฯ สหรัฐ เปิดทางแทรกแซงเลือกตั้งไทย?” บางตอนระบุว่า
....ขอไล่เลียงไทม์ไลน์ เมื่อ 28 ก.พ.ที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นองค์กรเอกชน เช่น ไอลอว์, ฮิวแมนไรท์วอทช์, 112 วอทช์ ทำจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ
ถัดมาอีกเพียง 16 วัน 16 มี.ค. สว. สหรัฐฯสองท่านทำร่างญัตติลงลายมือชื่อทั้งคู่เพื่อขอมติเข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภา ขณะนี้กำลังรอการพิจารณา ซึ่งถ้าผ่านมติกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภา จะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา ที่สำคัญ 1 ใน 2 ท่าน เป็นประธานวิปวุฒิสภาเสียงข้างมากของเดโมแครต มีแนวโน้มถ้าเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาจะลงมติตามที่ท่านเสนอ
“ผมสมมุติฐานว่า เป็นไปได้อย่างไรที่สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งมีแค่ร้อยคน มาจาก 2 คนต่อ 1 รัฐ เรื่องมากมายเป็นพันเป็นหมื่นเรื่อง เทียบกับผมเป็นวุฒิสภาในไทยประเทศเล็กๆ เรื่องเข้ามาเป็นร้อย กว่าจะถึงมือพิจารณา 2 อาทิตย์ไม่ใช่แน่ๆ นี่ 2 อาทิตย์ร่างเสร็จเลย มันเป็นข้อสงสัยในทฤษฎีสมคบคิด จะเป็นคนไทยชักศึกเข้าบ้านโดยการไปส่งเอกสารแล้วมีการเคลื่อนไหวโดยการเดินทางไปสหรัฐฯ และยังมีการเขียนข้อความพาดพิงถึงสถาบันฯ ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น
นอกจากนี้ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา มี สส.ซึ่งเป็นอดีตประธานคณะกรรมาธิการคณะหนึ่งก็เคลื่อนไหวแบบเดียวกัน ข้อความเกือบเหมือนของ 2 สว. ส่งเรื่องเข้ากรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเช่นเดียวกัน
จะเห็นว่า มันมีความสอดรับกันหมด กลุ่มคนไทยที่รับเงิน NED มีคนไทย 2 คนไปพบทีมงานของ สว.กับ สส. ซึ่งทีมงานจะทำร่างญัตติให้ การไล่ข้อมูลจากเหล่านี้มันจึงเป็นที่สงสัยว่าการเขียนร่างเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เกิดจาก สว.-สส. สหรัฐฯ รู้เองหรือ หรือคนไทยไปขายอะไรบางเรื่องให้กับเขา การกล่าวหาประเทศไทยในหลายๆ เรื่องเป็นความเท็จ เช่น ห้ามฝ่ายค้านหาเสียงเลือกตั้ง, ห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวการเลือกตั้ง
การเคลื่อนไหวให้ร้ายรัฐบาลพวกเราชินแล้ว แต่ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานไม่แอ๊กชั่นขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้ญัตติผ่านกรรมาธิการที่ประชุม สว.-สส. มันคือมติประณามประเทศไทย เป็นมติแทรกแซงอธิปไตยของไทย แทรกแซงการเลือกตั้ง เพราะในข้อเสนอบอกว่าจะไม่รับรองผลการเลือกตั้งของประเทศไทย และยังระบุอีกด้วยว่าหากกองทัพและสถาบันฯ แทรกแซงการเลือกตั้งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ อย่างลึกซึ้ง ถือเป็นการปรามและข่มขู่ หรือร้ายแรงกว่านั้นคือ ยกระดับแซงก์ชันไทยหรือไม่...”
3. เพจข่าวการเมือง The States Times ได้นำเสนอเนื้อหารายละเอียด ร่างมติวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ 114 และ ร่างมติสภาผู้แทนสหรัฐฯ ที่ 369
เป็นข้อมูลสำคัญที่คนไทยพึงทราบ ว่าชาติมหาอำนาจกำลังสมคบกับคนไทยใจทาสบางส่วน
ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน อย่างไร
ระบุว่า ร่างมติวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ 114 และ ร่างมติสภาผู้แทนสหรัฐฯ ที่ 369 เรียกร้องหรือแทรกแซง ให้รัฐบาลไทยปกป้อง-สนับสนุนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน-เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ-เสรีภาพในการแสดงออก
“...จากเอกสารที่คนไทยกลุ่มหนึ่งได้กล่าวหาให้ร้ายประเทศไทย โดยส่งถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และวุฒิสมาชิก (Edward Markey วุฒิสมาชิกมลรัฐ Massachusetts พรรค Democratic) และสส. (Susan Wild สส. มลรัฐ Pennsylvania พรรค Democratic) ของสหรัฐฯ ซึ่งได้มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องที่จะออกมติวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ 114 และมติสภาผู้แทนสหรัฐฯ ที่ 369 อันมีเนื้อหาเป็นการกล่าวหาและมีลักษณะเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยนั้น
....บัดนี้ จึงมีมติว่าวุฒิสภา
(1) ยืนยันความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง 2 สหรัฐอเมริกาและไทย ความสัมพันธ์บนพื้นฐานของค่านิยมประชาธิปไตยและผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ร่วมกัน
(2) เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนชาวไทย ในการแสวงหารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย การปฏิรูปการเมือง สันติภาพในระยะยาว และความเคารพ ต่อจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
(3) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยสนับสนุน 10 ประการและสนับสนุนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน กฎ ของกฎหมายและสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ 1 เสรีภาพในการแสดงออกและความเป็นส่วนตัว
(4) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยสร้าง 3 เงื่อนไขสำหรับการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและยุติธรรมในวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 รวมถึง (A) เปิดโอกาสให้พรรคฝ่ายค้านและผู้นำทางการเมือง สามารถดำเนินกิจกรรมได้โดยปราศจากการแทรกแซงที่ไม่เหมาะสมจากรัฐเจ้าหน้าที่ (B) ทำให้สื่อ นักข่าว และสมาชิกภาคประชาสังคมสามารถใช้เสรีภาพในการกดขี่ ชุมนุมโดยสงบ และการสมาคมได้ โดยปราศจากผลกระทบและความกลัวต่อการดำเนินคดี (C) ทำให้มั่นใจว่าการนับคะแนนเสียงเป็นยุติธรรมและโปร่งใส
(5) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเข้มงวด ปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและงดเว้นจากการก่อกวน ข่มขู่หรือประหัตประหารผู้ที่มีส่วนร่วมในความสงบ การประท้วงเต็มรูปแบบและกิจกรรมของพลเมืองในวงกว้างมากขึ้น โดยการดูแลสิทธิและความเป็นอยู่ของเด็กและนักเรียนโดยเฉพาะ
(6) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงผลกำไรและการปฏิรูป กฎหมายและข้อบังคับอื่นๆ ที่บ่อนทำลายการแสดงออกอย่างเสรีและการเข้าถึงข้อมูล
(7) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยลงทุน ระงับและยุติการโจมตีด้วยสปายแวร์ที่มุ่งเป้าไปที่นักวิชาการ 4 คน นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และหลักของกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยต่างๆ
(8) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกและยุติการประกาศใช้กฎหมายและกฤษฎีกาที่ใช้ในการเซ็นเซอร์เนื้อหาและคำพูดออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง รวมถึงประเทศไทย (A) ในต่างประเทศ และกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่คลุมเครือ (B) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (C) กฎหมายยุยงปลุกปั่นในวงกว้าง
(9) สื่อสารไปยังรัฐบาลไทยว่ามีการละเมิดสิทธิอย่างต่อเนื่องต่อ ประชาชนชาวไทยที่จะอยู่อย่างสันติและเป็นประชาธิปไตย กำหนดอนาคตของพวกเขา ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐฯ จะยอมรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปอย่างเสรีและเป็นธรรมโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์
(10) กล่าวอย่างชัดเจนว่า การแทรกแซงทางทหารหรือราชวงศ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมก่อน ระหว่าง หรือหลังการเลือกตั้งทั่วไปจะ(A) บั่นทอนความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทยเป็นอย่างมากและ (B) เป็นอันตรายต่อความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงต่อประเทศไทยและการดำเนินการร่วมกันในระดับภูมิภาคและเศรษฐกิจ...”
4. เนื้อหาข้างต้นนั้น แทบไม่ต่างจากการรับข้อมูล มุมมอง แนวทางข้อเรียกร้องของม็อบสามนิ้วที่จาบจ้วงให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย นำมาป่าวประกาศข่มขู่และให้ร้ายต่อสถาบันสำคัญของไทย
เป็นเรื่องคนไทย รับไม่ได้แน่นอน
เป็นการเลือกถือหาง ฝ่ายพรรคการเมืองที่ให้ท้ายม็อบสามนิ้วจาบจ้วงสถาบัน
ให้ร้ายฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน และเลยเถิดไปถึงสถาบันที่อยู่เหนือการเมืองด้วย
ถึงเวลาคนไทยต้องตะโกนดังๆ ว่า “USA หยุดเผือกการเมืองไทย”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี