ในขณะที่ประเทศไทยกำลังรณรงค์เลือกตั้งทั่วไป มีการเคลื่อนไหวมวลชนครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในรูปแบบแปลกใหม่ที่กระพือโหมกระแสลุกลามโชติช่วงยิ่งกว่าไฟไหม้ป่า และในที่สุดก็สามารถดับกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยได้สำเร็จ แต่พรรคก้าวไกลกลับได้ชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วประเทศชนิดพลิกล็อกผิดคาด
ทั้งที่ฝ่ายผู้มีอำนาจคาดหวังว่าเมื่อทำลายแผนแลนด์สไลด์ได้สำเร็จก็จะเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น มีการนัดหมายผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไว้ที่เซฟเฮ้าส์ มีการเตรียมปูพรมแดงรอแถลงข่าวประกาศชัยไว้ที่ทำการของพรรคแกนในการจัดตั้งรัฐบาล และมีการแจ้งสื่อมวลชนให้ไปเตรียมทำข่าวสารกันอย่างเอิกเกริก
ครั้นปิดหีบเลือกตั้งผ่านไปเพียงสามชั่วโมง ผลการนับคะแนนทั้งของคณะสื่อมวลชนและของ กกต. ก็เป็นไปในทางเดียวกัน คือพรรคก้าวไกลมีแนวโน้มจะชนะท่วมท้นแบบพลิกล็อกน็อกคู่แข่งหงายท้องตามๆ กัน โดยเฉพาะพรรคลุงพ่ายแพ้ยับเยินชนิดไม่เห็นฝุ่น และต่อมาฝ่ายชนะเลือกตั้งก็ได้รวมตัวกันเพื่อเตรียมตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ
ในท่ามกลางการขับเคลื่อนกระแสการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลผสมนี้ก็เกิดการเคลื่อนไหวของประเทศมหาอำนาจ ของนักล่าอาณานิคม และประเทศเพื่อนบ้านอย่างแหลมคม และต้องกล่าวว่ามีลักษณะผิดปกติจากที่เคยเป็นมาแต่ก่อน
ในขณะที่คนทั้งหลายกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และความพยายามที่จะหักโค่นด้วยการรัฐประหารโดยไสยศาสตร์ทางกฎหมาย เพื่อให้อำนาจเก่าสืบทอดรักษาอำนาจต่อไป ก็เกิดการเคลื่อนไหวที่สำคัญและจำเป็นที่ชาวไทยทั้งประเทศจะต้องรับรู้ ซึ่งจะขอประมวลมานำเสนอโดยสังเขปดังต่อไปนี้
ประการแรก สถานการณ์สงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลพม่ากับกองกำลัง KNU ที่นักล่าอาณานิคมสนับสนุน และเกิดการสู้รบอยู่ตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ได้ยกระดับความรุนแรงขึ้นโดยฝ่าย KNU กลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังนอกแบบจากภายนอกเพิ่มขึ้น มีอาวุธทันสมัยและโดรนโจมตีเข้ามาใช้ในการปฏิบัติการรบกับกองทัพพม่าเป็นครั้งแรก ซึ่งก็รู้ๆ กันว่าอาวุธยุทโธปกรณ์และกองกำลังนอกแบบที่เข้าไปช่วยรบนั้นเป็นใครมาจากไหน
ดังนั้นพม่าจึงกำลังเตรียมปรับกำลังครั้งใหญ่ ทั้งด้านแสนยานุภาพและอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อทำสงครามทำลายล้างอย่างรุนแรง และต้องไม่ลืมว่าพม่ามีกำลังทหารประจำการ 400,000 คน เป็นหน่วยรบเกือบทั้งหมด มีกองทหารหน่วยรบพิเศษของจีนมาดูแลท่อแก๊สพม่า-จีน ตั้งแต่รัฐยะไข่ไปถึงคุนหมิงอีก 100,000 คน นอกน่านน้ำพม่าในมหาสมุทรอินเดียมีกองเรือดำน้ำของรัสเซีย จีน และอิหร่านและเรือดำน้ำของพม่าอีก 8 ลำ เฝ้ารักษาพื้นที่อยู่ มีฐานทัพจีนอยู่ที่ยะไข่ และฐานทัพย่อยอยู่ที่ทวาย มีลักษณะคุมเชิงสถานกงสุลสหรัฐที่เชียงใหม่และฐานทัพอากาศบางแห่งของประเทศไทยด้วย
หากเกิดสงครามขึ้น ฝ่ายที่จะเข้ากองทัพพม่าจะต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์และจำนวนทหารเท่าใด และถ้าเกิดสงครามขึ้น ประเทศไทยเราตั้งแต่ภาคเหนือถึงภาคกลาง ตลอดแนวตั้งแต่เชียงราย แม่สอด มาถึงกาญจนบุรีจะเป็นอย่างไร
ประการที่สอง กองเรือบรรทุกเครื่องบินนิมิตซ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทยเป็นครั้งแรก ตามหนังสือแจ้งของกระทรวงการต่างประเทศให้กองทัพเรือทราบ ต่อมาก็มีเรือรบขนาดใหญ่ทันสมัยของจีนเดินทางมาเยี่ยมฐานทัพเรือสัตหีบของไทย และกำลังจะมีกองเรือของชาติอื่นๆ เดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยอีก
ในขณะที่กองทัพกัมพูชาถูกสั่งเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับฝ่ายต่อต้านที่จะเคลื่อนไหวเข้าสู่กัมพูชาผ่านทางประเทศไทยหลังจากรัฐบาลใหม่จัดตั้งขึ้นแล้ว ในขณะที่ฐานทัพอากาศ ฐานทัพเรือ ในกัมพูชาก็ยกระดับความพร้อมรบ ซึ่งจะว่ากัมพูชาไม่ได้ เพราะความระแวดระวังจากอันตรายที่เคยถูกทำร้ายจากประเทศไทยยังคงเป็นแผลเป็นอยู่
ประการที่สาม ทางด้านประเทศลาว ซึ่งระยะที่ผ่านมาก็มีขบวนการด้อยค่าประเทศลาว ดูถูกเหยียดยามประเทศลาวในทุกรูปแบบ ก็ทราบดีว่ามีต่างชาติได้เข้าไปตรวจสอบและปรับปรุงฐานทัพอากาศและฐานทัพบกหลายแห่งในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งลาวก็เข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการร่วมมือตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และย่อมคาดหมายว่ามีการเคลื่อนไหวสนับสนุนฝ่ายขวาของลาวที่จ้องเข้าไปก่อการเคลื่อนไหวในประเทศลาว
ดังนั้นลาวจึงขยายพื้นที่จัดตั้งฐานทัพอากาศของตนเอง และอนุญาตให้รัสเซียเข้ามาตั้งฐานทัพอากาศที่กลางประเทศ และล่าสุดเมื่อมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังต่างๆ ในประเทศไทยคึกคักขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่กองเรือบรรทุกเครื่องบินนิมิตซ์เข้ามาที่ประเทศไทยก็ได้จัดการซ้อมรบใหญ่ขึ้นในประเทศลาวระหว่างรัสเซีย จีน และลาว พอให้เห็นว่าทั้งสามประเทศนี้ก็มีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามที่ต่างชาติจะปฏิบัติการต่อประเทศลาว โดยผ่านหรือร่วมกับประเทศไทย
ประการที่สี่ จีนซึ่งเตรียมรับมือกับภัยคุกคามของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เต็มที่มาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีทรัมป์ และได้เพิ่มแสนยานุภาพทางการทหารในภาคพื้นแปซิฟิกครั้งใหญ่ที่สุด ล่าสุดสี จิ้นผิง ก็ได้ประชุมหน่วยงานสำคัญที่อาจเรียกว่าสภาความมั่นคงของจีนก็ได้ กำหนดสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคว่ากำลังเข้าสู่จุดสูงสุดที่อาจเกิดเหตุร้ายแรงที่สุดโดยไม่คาดฝันขึ้น ให้แสนยานุภาพทั้งปวงของกองทัพจีนและประชาชาติจีนทั้งปวงมีความตื่นตัวขั้นสูงสุด
นับเป็นการเตือนภัยและเป็นการส่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงอันตรายสูงสุดที่กำลังจะเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ และเหล่านี้ก็เชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับวิกฤตสองด้านในประเทศไทย คือวิกฤตกลัวลุงจะเป็นรัฐบาลต่อ และวิกฤตกลัวรัฐบาลพรรคก้าวไกล ด้วยความห่วงใยว่าประเทศไทยกำลังจะเป็นยูเครน 2
โอ้พระสยามเทวาธิราช ผู้ทรงคุณอันประเสริฐแห่งพระราชอาณาจักรนี้ ปรากฏการณ์อันตรายทั้งหลายย่อมอยู่ในคลองพระเนตรแห่งพระองค์ และด้วยบารมีธรรมอันสูงยิ่งย่อมปกป้องคุ้มครองพระราชอาณาจักรนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยในที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี