แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ความเจริญของประเทศชาติเป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติตามความถนัดและความสามารถ และเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตัวเอง... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 กรกฎาคม 2506)...
nn นักกฎหมายไทยบางจำพวกคนสอนกฎหมายไทยบางราย และพวกที่ทำงานเกี่ยวข้องกับกฎหมายไทยจำนวนไม่น้อย ชอบเหลือเกินกับการตะแบง แล้วแหกกฎหมายไปเรื่อยๆ โดยไม่นำพาว่า หลักของกฎหมายนั้นยึดมั่นในเรื่องการให้ความเป็นธรรมโดยแท้จริง แต่คนจำพวกนั้นกลับหาทางแหกกฎ หาช่องว่าง แล้วจงใจตีความกฎหมายไปตามแต่จะพลิกลิ้น โดยไม่นำพาหลักนิติปรัชญา...
nn น่าสมเพชเวทนาทั้งคนสอนและคนเรียนกฎหมายในประเทศไทย ในสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่ที่สอนวิชากฎหมาย ที่บอกว่าน่าสมเพชเวทนาก็เพราะไม่เห็นว่าคนสอนกฎหมายและคนเรียนกฎหมายจะออกมายืนยันหลักนิติปรัชญาให้มั่นให้เหมาะ เพราะเห็นก็แต่คนสอนกฎหมายบางรายพยายามลอยหน้าออกมาแถ ใช้สีข้างเข้าถู เพื่อหาทางแก้ตัวให้กับนักการเมืองที่ถือหุ้นไอทีวีโดยอ้างว่าการถือหุ้นเพียง 4 หมื่นกว่าหุ้นไม่มีอำนาจเข้าไปชี้นำการทำงานของบริษัทนั้นๆ ได้ บอกตรงๆ ว่าเมื่อได้ฟังลมลวงเล่ห์ลิ้นจากคนสอนหนังสือในสำนักสอนกฎหมายที่เก่าแก่แห่งนั้นแล้ว หมดศรัทธาจนไม่เหลือหลออีกต่อไป ถามจริงๆ วิชาพระธรรมศาสตร์ไม่ได้ซึมซาบลงไปในกมลสันดานของคนสอนกฎหมายจำพวกเล่นลิ้นบ้างเลยหรือ แต่ที่น่าหนักใจยิ่งกว่าคือ ดันเป็นคนสอนกฎหมายในสำนักนั้นอีกด้วย น่าวิตกว่าผลผลิตของคณะนิติศาสตร์สำนักนั้นจะมีคุณภาพทางวิชาการบ้างไหม แล้วผู้จบการศึกษาจะยึดมั่นหลักนิติปรัชญาบ้างหรือเปล่า...
nn ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือ กฎหมายไทยกำหนดข้อห้ามใดๆ ไว้ เมื่อกฎหมายกำหนดข้อห้ามไว้แล้ว ก็หมายความว่าผู้ใดก็ตามละเมิดข้อห้ามนั้นๆ ก็คือการทำผิดกฎหมายวันยังค่ำ การที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นไอทีวีไว้ ก็คือมีหุ้นไอทีวีไว้ในครอบครอง คราวนี้ก็ต้องกลับไปดูข้อกำหนดในมาตรา 98 (3) ก็บ่งบอกชัดเจนว่าผิดกฎหมาย ครั้นจะไปดูข้อกำหนดในมาตรา 151 และมาตรา 160 ก็บ่งบอกชัดเจนเช่นกัน...
nn ถามว่าพิธาถือหุ้นไอทีวี ใช่หรือไม่ ตอบว่าใช่ ดังนั้น การถือหุ้นไอทีวี ไม่ว่าจะถือกี่หุ้น ก็คือผิดตามข้อกำหนดตามมาตรา 98 (3) เมื่อผิดกฎหมายแล้วเหตุไฉนจึงยังมีผู้ตะแบงว่าไม่ผิดกฎหมาย หากทำผิดกฎหมายแล้วไม่ถือว่าผิดกฎหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายอีกต่อไป ใช่หรือไม่ หรือว่ามีกฎหมายก็มีไป แต่ก็มีนักตะแบงกฎหมายจงใจออกมาตีรวนเพื่อทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ สรุปว่าบ้านเมืองเรามีกฎหมาย แต่จะไม่ทำตามข้อกำหนดของกฎหมาย ใช่หรือไม่...
nn มีคำถามจากวิญญูชนถามไปยังกกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ว่า ตกลงแล้ว กกต. ทำหน้าที่โดยซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ยุติธรรมแท้จริงหรือไม่ ในเมื่อมีมาตรา 151 อยู่แล้ว และมาตรานี้ก็ระบุชัดเจนว่า ผู้ใดรู้อยู่ชัดเจนแล้วว่าไม่มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้ง สส. เพราะขาดคุณสมบัติ หรือมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี...
nn เรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดในกรณีนี้คือ พิธารู้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นใช่ไหมว่าตนเองขาดคุณสมบัติ แต่ก็ยังดันทุรังทำไปทั้งๆ ที่รู้ แต่ที่ต้องประณามยิ่งกว่าก็คือ กกต. เพราะ กกต. มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติผู้รับสมัคร แต่ กกต. หละหลวม ละเลย เพิกเฉยการทำหน้าที่ของตน ปล่อยให้ผู้ขาดคุณสมบัติเข้าไปสมัคร สส. เรื่องนี้ความผิดหนักน่าจะอยู่ที่ กกต. ด้วย เพราะทำงานโดยไร้ประสิทธิภาพ เนื่องจากเลินเล่อ สะเพร่า และบกพร่องในหน้าที่อย่างรุนแรง จนเกิดผลเสียหายร้ายแรงตามมา...
nn เรื่องหุ้นไอทีวีนั้นตอบได้ชัดๆ ว่ายังมีหุ้นอยู่ ส่วนไอทีวีมีหรือไม่นั้น เรื่องนี้ชัดเจนว่าปัจจุบันไม่มีโทรทัศน์ช่องไอทีวี แต่ยังมีหุ้นไอทีวี แล้วไอทีวีก็ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อฯ อยู่ เพียงแต่ไม่มีช่องทีวีเท่านั้น ดังนั้นจะตะแบงไปเพื่ออะไร ในเมื่อไอทีวีมีหุ้น ไอทีวียังมีรายได้ และพิธาก็ถือหุ้นไอทีวี หากเรื่องนี้ยังถูกบิดเบือน ถูกตะแบงต่อไป อีกหน่อยก็จะมีผู้ตะแบงว่า ตอนนี้ตายแล้ว แม้จะยังมีลมหายใจ แต่ก็ตายไปแล้ว ส่วนที่เห็นว่ายังเดิน ยังกิน ยังไปไหนมาไหนได้ ก็เป็นเพียงภาพลวงตา แต่ตัวจริงตายไปแล้ว ตกลงว่าเราจะอ้าง จะตะแบงกันแบบนี้ใช่ไหม...
nn การขู่จะปิดถนนประท้วง หากพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทนายความรายหนึ่งที่สนับสนุนพิธา คือการประกาศที่หาได้ดูตาม้าตาเรือไม่ ทนายที่ชอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองรายนั้นบอกว่าคนมากมายเลือกพิธา ดังนั้น หากพิธาพลาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเกิดม็อบไร้แกนนำทั่วเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แล้วยังอ้างอีกว่าจะเกิดม็อบโดยธรรมชาติ...
nn เมื่อทนายความรายนั้นอ้างแบบน่าหัวเราะก็ทำให้วิญญูชนถามกลับว่า แล้วที่ทนายรายนี้ออกมาตีปี๊บทุกวันๆ ว่าหากพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเกิดม็อบ นั่นหมายความว่าทนายความรายดังกล่าวปลุกปั่นให้เกิดม็อบใช่หรือไม่ ที่ถามเช่นนี้เพราะเห็นว่าอ้างเรื่องพิธาได้คะแนนมากเป็นอันดับหนึ่งเป็นประจำ...
nn ต้องถามทนายที่ชื่นชอบพิธาว่า คิดเลขในใจเป็นไหม หรือว่าสมัยเรียนชั้นประถมสอบตกเลข การอ้างว่าพิธาได้คะแนนเป็นที่หนึ่งเป็นการอ้างที่ถูกเพียงส่วนเดียว แต่ในความจริงคือจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะเมื่อรวมคะแนนคนทั้งประเทศที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว พบชัดเจนว่าคะแนนคนที่ไม่เลือกพิธามากกว่า แถมทนายความที่น่าจะตกวิชาเลข ก็ยังใช้ตรรกะประหลาดว่า หากมีการเกิดม็อบในครั้งนี้ ทหารตำรวจจะไม่กล้าใช้ความรุนแรง เพราะม็อบคือชนชั้นกลาง เป็นนิสิต นักศึกษา แล้วจะมีชาวบ้านอีกมากมายไปร่วมม็อบ เมื่อจำนวนม็อบมากมายมหาศาล รัฐบาลก็ไม่มีปัญญาจัดการกับม็อบได้ แล้วทนายที่น่าจะชอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่าศรัทธาในตัวบทก็ยังอ้างประมาณว่าเพ้อไปเรื่อยๆ ว่า ตะวันตก โดยเฉพาะอียู สหรัฐฯ และชาติที่นิยมประชาธิปไตยไม่สนับสนุนการรัฐประหาร ก็ต้องบอกว่าทั้งหมดเป็นการอ้างแบบเพ้อไปเรื่อยๆ ของทนายที่นิยมฝ่ายพิธา และสมัยก่อนก็นิยมฝ่ายทักษิณ ชินวัตรถามตรงๆ ว่า หากอียู สหรัฐฯ และชาติไหนก็ไม่รู้ที่บอกว่ารักประชาธิปไตยเสียเหลือเกินไม่สามารถทนรับการรัฐประหารได้ แล้วทำไมจึงยังคงเห็นทูตอียูสารพัดชาติ รวมถึงทูตอเมริกายังคงลอยหน้าทำงานอยู่ในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยทำรัฐประหารครั้งล่าสุดมาตั้งแต่ปี 2557 แล้วหากทูตสารพัดทูตที่อ้างว่ารักประชาธิปไตยเสียเต็มประดาไม่เชื่อว่าการเลือกตั้ง 2562 เป็นประชาธิปไตย แล้วเหตุไฉนทูตเหล่านั้นยังคงลอยหน้าอยู่ในประเทศไทย หากเขาคิดว่าไทยไม่มีประชาธิปไตยจริงๆ แล้วเขาเหล่านั้นรักประชาธิปไตยเสียจนไม่สามารถหายใจต่อไปได้ ทำไมเขายังคงหายใจและหากินอยู่บนแผ่นดินไทยได้ หรือว่าทูตต่างๆ เหล่านั้นเขาไม่ได้มองว่าไทยขาดประชาธิปไตย แต่คนที่ทุรนทุรายจะเป็นจะตายเพราะเพ้อว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตยคือพวกของทนายที่นิยมพิธา และนิยมทักษิณ ถามใหม่ว่า หากทักษิณนิยมประชาธิปไตยจริงๆ แล้วเชื่อว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ทำไมลูกเมีย ญาติพี่น้อง และโคตรเหง้าของทักษิณยังทำมาหากินอยู่บนประเทศไทยต่อไป...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องการทูตเชิงสายลับจารกรรม เรื่องนี้มีมาโดยตลอด ส่วนทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยจะเป็นทูตแท้ๆ หรือทูตผสมนักจารกรรมหรือไม่นั้น ต้องดูพฤติกรรมกันลึกๆ แต่บอกได้คำเดียวว่า สหรัฐฯ นั้น ไม่เคยละทิ้งผลประโยชน์แห่งรัฐของตนเอง และต้องไม่ลืมว่าสหรัฐฯ ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าดีหรือชั่ว เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งรัฐของสหรัฐฯ เอาไว้ เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่คิดว่าสหรัฐฯ คือพระเจ้าผู้แสนบริสุทธิ์ ก็จงรู้ไว้ด้วยว่า พระเจ้าที่พวกคุณเข้าใจนั้น อาจจะเป็นซาตานในเสื้อคลุมของพระเจ้าก็เป็นได้ อย่าไว้ใจสหรัฐฯมากเกินไป ไปศึกษาความเลวทรามของสหรัฐฯ เสียก่อน แล้วจะรู้ซึ้งว่าสหรัฐฯ มีตัวตนแท้จริงเช่นไร...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี