ตั้งแต่ก่อนจะถึงวันพิพากษา (14 พฤษภาคม 2566) จนได้ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาตะเกียกตะกายวิ่งพล่านร่านอยากคล้ายโดนน้ำร้อนลวก จนไม่สนใจ “มารยาททางการเมือง”ที่อุตส่าห์หยิกฟัดกัดขยำขยี้ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา” จนกลายเป็นว่า ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของเราเท่าเส้นผมซะอย่างนั้น
สร้างนิตินิยายสร้างอุปทานให้ด้อมส้มเชื่อว่า สาเหตุที่ถูกตรวจสอบคุณสมบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 อนุมาตรา 3 (3) เป็นเกมการเมืองเป็นกลเกมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นเสียงประชาชนกว่า 14 ล้านเสียงที่ถูกอุปโลกน์ว่า เป็น “ฉันทามติ” ทั้งที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งมีกว่า 52 ล้านเสียง และออกมาใช้สิทธิ์ในวันนั้นถึง 40 ล้านเสียง ส่วนต่างของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่กากบาทพรรคก้าวไกลจึงมีมากถึง 38 ล้านเสียงทีเดียว
ด้วยอาการทึกทักอย่างไร้เดียงสาจึงหลงตัวเอง ทะนงตนว่าคือบุคคลที่สังคมไทยล้วนต้องการให้มาเป็นผู้นำประเทศ มาเปลี่ยนประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม จนกลายเป็นความหลงงมงายอยู่ในเขาวงกตที่ยังหาทางออกไม่เจอยิ่งดิ้นยิ่งร่านยิ่งคล้ายลิงแก้แห เข้าไปทุกขณะ
อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็โยนกลองว่าเป็น “นิติสงคราม”เป็นกลเกมทางการเมืองสกัดกั้นการได้มา ซึ่งอำนาจการบริหารประเทศอย่างชอบธรรม ทั้งที่กติกาเงื่อนไขและข้อกฎหมายถูกบัญญัติมาแต่เมื่อครั้ง “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ยังไม่กระสันทางการเมือง ยังไม่กำเนิดพรรคก้าวไกล และเป็นกติกาที่ “พรรคอนาคตใหม่” ที่ตนเองร่วมก่อตั้งยอมรับและลงสนามสู้ศึกเมื่อวันที่24 มีนาคม 2562 ด้วยซ้ำ
ความประมาทความเดียงสาที่ไม่แตกฉานในข้อกฎหมายทั้งที่ภายในกลุ่มก๊วนมีนักกฎหมายมือพระกาฬอยู่แต่กลับตายน้ำตื้นเมื่อเกิดโทสะโมหะความโง่เขลาก็ครอบงำ อย่างพระท่านว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า โกรธตัวเองที่ไม่รอบคอบ โมโหคนรอบข้างที่แนะนำจนติดบ่วงตกหลุมที่ตัวเองขุด
หลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 14 ล้านคนเชื่อแนวนโยบายของพรรคก้าวไกลที่คาดว่าเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของสังคมไทยจะไม่เหมือนเดิม จึงตัดสินใจกากบาท
ทว่าตั้งแต่เลือกตั้งเรียบร้อยประกาศคะแนน “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”มักจะใช้คำว่า...กระผม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่30 ของคนไทย ทั้งที่ยังไม่ครบขั้นตอนของบทบัญญัติแห่งกฎหมายด้วยท่าทีที่มั่นอกมั่นใจมาก พกอารมณ์ร่านไปทุกพื้นที่ที่ไปขอบคุณพี่น้องด้อมส้มที่ยอมให้สนตะพาย ที่พร้อมจะออกมานั่งนอนกินบนถนนเพื่อประโยชน์ของใครบางคน ปฏิบัติจนกลายเป็นพฤติกรรมซ้ำซากไปทุกพื้นที่ แต่สิ่งที่ประเทศไทยไม่เปลี่ยนและเหมือนเดิมคือ สู้ไปตอแหลไปอย่างไม่รู้จบ
แม้จะรู้ตัวว่ากระทำความผิดบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 อนุมาตรา 3 (3) พิธาคิโอก็ยังหลงอยู่ในเขาวงกตยังอุปโลกน์สร้างนิยายตะแบงเล่าให้ด้อมส้มมาออกหน้าสู้เพื่อตนเอง
“พิธาคิโอ”ผู้นำฝูงส่ำสัตว์นักการเมืองเสียชาติเกิดนักเลือกตั้งชังชาติที่ศีลเสมอกันแท้จริง
เห็นแล้วให้น่าสมเพชอเนจอนาถใจแท้กับ “พิธาคิโอ”
หลงตัวเองหลงเขาวงกตตกสวรรค์กลายเป็นไอดอลให้สามสัสศึกษา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี