เกมทุกชนิดในโลก ที่มีการแข่งขัน “บดบี้ขยี้ขย้ำ”อีกฝ่ายให้พ่ายแพ้ รับรองได้ “ถ้าฝีมือหรือฝีเท้าใกล้เคียงกัน” เกมก็จะ “สุดมัน” มีการ “พลิกผัน”ไปมาอย่าง “สุดแสบ”

แต่เกมจะพลิกผันอย่างไร? ส่วนใหญ่มักจะมีการ “พลิกไปพลิกมาไม่กี่ตลบ” จากนั้นก็จะมีการสรุปผล “ฝ่ายไหนกันแน่ได้รับการชูมือโชว์จั๊กแร้”

มีเฉพาะ “เกมการเมือง” เท่านั้น ที่ผู้แข่งขันทั้ง “สองฝ่ายหรือหลายฝ่ายหรือทุกฝ่าย” จะใช้กลยุทธ์ที่เหนือชั้นและแอบแฝงไว้อย่างมืดดำอำมหิตเล่นเกม “พลิกไปพลิกมา” ชนิด “100 ตลบ” จนผู้ดูเกมและผู้เล่นเกมต่าง “อ้าปากค้าง” ปล่อยแมลงวันบินเข้าปากเป็นฝูงๆ ก็ยังสรุปผลไม่ได้ “ฝ่ายใดชนะขาด”

ก็ไม่ต้องดูอื่นไกล “ผู้นำอินทรีหัวขาว” ส่งรัฐมนตรีต่างประเทศ “บินไปพูดจาภาษาดอกไม้กับผู้นำจีนอย่างสุดหวาน” แต่ “ผู้เฒ่าโจ” กลับเล่นบท “ปามีดสั้น ขว้างมีดบิน” ใส่ผู้นำจีนอย่าง “สุดห้าว” ด้วยการให้ฉายา “จอมเผด็จการ”

หรืออย่าง “กลุ่มแวกเนอร์” ทำการ“ก่อกบฏ” ต่อรัฐบาลรัสเซียอย่างดุดัน แต่ยังไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ ก็ “พลิกเกม” ยอมยกธงขาวยอมแพ้

การฟอร์มรัฐบาลของ “8 พรรคการเมือง” ในบ้านเราก็เช่นกัน “6 พรรคจิ๋ว” ยอมเป็นบ๊อกๆให้พรรคสีส้มจูงไปไหนก็ได้ ผิดกับ “พรรคใหญ่สีแดง” ที่ “เล่นเกม” กับพรรคสีส้มอย่างถึงพริกถึงขิง

โดยเฉพาะตำแหน่ง “ประธานสภาฯ” ที่ “พลิกตำรา” มาด้อยค่าใส่กันอย่างท้าทาย

“สองพรรคงัดข้อกัน” ต่าง “พลิกไปพลิกมาอย่างใจหายใจคว่ำ”

“ยกแรก” พรรคสีแดงยอมพรรคสีส้ม

“ยกสอง” พรรคสีแดง “พลิกเกมสุดดุดัน”ตำแหน่งประธานสภาฯ นั้น “กูต้องได้”

“ยกสาม” เกมพลิกกลับมาอีกครั้ง พรรคเสื้อแดงจะยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรคส้มอย่าง “สุดง่าย”

“ยกสี่” ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 เดือนนี้ ซึ่งถือเป็น “วันตัดเชือก” ตำแหน่งประธานสภาฯ จะ“พลิกเกม” ไปแบบไหน? ยังไม่มีใครบอกได้?สุดท้ายของท้ายสุด “ใครหลอกใครรู้กันวันนั้น”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม