สองสามวันที่ผ่านมา มีนักวิชาการครูอาจารย์ แสนรู้ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลอย่างเข้มข้นดุเดือด โดยเฉพาะประเด็นแตกหักระหว่างพรรคก้าวไกล-พิธาคิโอ และ พรรคเพื่อไทย-นายใหญ่ทักษิณ” แย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาฯอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครลดราวาศอกให้ใครด้วยเหตุผลของแต่ละฝ่าย
นักวิชาการฟันธงว่า ถ้าปล่อยฟรีโหวตในวันเลือกประธานสภา พรรคเพื่อไทยย่อมได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ซึ่งไม่สมเจตนารมณ์ของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจกากบาทเลือกพรรคก้าวไกลมา เป็นเสียงสำรอกของนักวิชาการที่เพ้อเจ้อไร้สาระราวกับว่า 14 ล้านเสียงเศษคือ “ประชามติ-ฉันทานุมัติ” เสียอย่างนั้น จนไม่นึกถึงเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวม 10 ล้านคน ที่เลือกพรรคเพื่อไทย และอีกเกือบ 30 ล้านคนที่เลือกพรรคการเมืองอื่นๆ
ไม่เพียงแค่นั้น ยังตำหนิติเตียนพรรคเพื่อไทย หากแยกตัวไปจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว พลางให้นึกถึง “อ้วนเสี้ยว” ขุนพลทหาร นักการเมืองชาวจีนที่เป็นหัวหอกของเหล่าขุนศึกที่จัดตั้งแนวร่วมพันธมิตรต่อต้านตั๋งโต๊ะ ซึ่งมี “พระเจ้าเหี้ยนเต้ ยุวจักรพรรดิ” เป็นตัวประกันในเมืองลั่วหยาง แต่ประสบความล้มเหลวเนื่องจากเกิดความแตกแยกกันเอง ต่อมานำทัพลุกฮือต่อต้าน “โจโฉ” แต่ประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับในยุทธการที่กัวต๋อ และได้ถึงแก่อสัญกรรมในอีกสองปีต่อมา
เหตุที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับเพราะเป็นคนถือยศไม่ได้เอาความคิดผู้ใด หยาบช้า ทำการโดยโวหารจะว่ากิจการสิ่งใดมิได้สิทธิ์ขาด เห็นแก่ญาติพี่น้อง คิดการสิ่งใด มักกลับเอาดีเป็นร้าย เอาร้ายเป็นดี มิได้เชื่อใจตัวเอง จะเลี้ยงผู้ใดก็ตอแหลกลับกลอก ต่อหน้าว่ารัก ลับหลังว่าชัง จะทำการสิ่งใด ตามอำเภอใจ มิได้ทำตามอย่างธรรมเนียมโบราณ
วันนี้ “พิธาคิโอ, ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ยังหลงตัวเองอยู่กับความเชื่อที่ว่ามี 14 ล้านเสียงหนุนหลังจึงดึงดันสุดโต่งไม่ยอมถอยไม่ยอมงออย่างธรรมเนียมโบราณ ไม่มีประชาธิปไตยยอมรับเสียงบริสุทธิ์ของประชาชน อ้างแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง ไม่เอาความคิดผู้ใด หยาบช้ากลับกลอก ตอแหลประชาชนรายวัน
วันนี้ปัญหาข้อกฎหมายและความเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้มีแค่ “พิธาคิโอ”ที่ถูกร้องเรียนเท่านั้น ทว่า“พรรคก้าวไกลโดยกรรมการบริหารพรรคและพิธาคิโอ”เองยังถูกสมาชิกพรรคร้องเรียนกรณีปล่อยให้ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคก้าวไกลขึ้นเวทีร่วมปราศรัยหาเสียงโจมตีพรรคการเมืองอื่น ซึ่งอาจเป็นเหตุทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมและขัดมาตรา 22 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองด้วย
แถมยังเลือกปฏิบัติกับสมาชิกพรรคที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี “อานุภาพ ธารทอง สก.เขตสาทรพรรคก้าวไกล” ในข้อหาคุกคามทางเพศ ครั้งนั้น“ตือโป๊ยก่ายตาแดง-วิโรจน์ ลักขณาอดิสร” ตัวตึงพรรคก้าวไกลระบุว่า “เป็นหน้าที่ของอานุภาพธารทอง ที่ต้องพิจารณาตำแหน่งทางการเมืองของตัวเอง แต่กรณีของสส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 31 ทวีวัฒนา-ตลิ่งชัน กลับให้รอการพิจารณาของคณะกรรมการวินัยของพรรค ไม่เรียกร้องพิจารณาตำแหน่งทางการเมืองของตนเอง”
ปัญหาที่ถั่งโถมพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เกมการเมือง ไม่ใช่ “นิตินิยาย-นิติสงคราม”หากแต่เป็นหมากก้าวเดินของพรรคก้าวไกลที่ผิดพลาดด้วยวุฒิภาวะ ประมาทเลินเล่อ และไม่เคารพต่อกฎหมาย จนทำให้สะดุดขาตัวเองล้มบาดเจ็บขั้นเดินต่อไปไม่ไหว
หากวันนี้ “พรรคเพื่อไทย”จะถอนออกมาจาก 8 พรรคร่วมเดิมที่จับมือกันหลังการเลือกตั้งจำนวน 312 เสียง และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเสียเองเพื่อปากท้องประชาชน เพื่อกู้เศรษฐกิจประเทศ ก็เป็นความชอบธรรม เป็นเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 27 ล้านเสียงมิใช่หรือ
ศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ ไล่ข่มเหง
เพราะ “พรรคก้าวไกล”หกคะเมน หน้าคะมำ ตกสวรรค์ฝันค้าง ด้วยตนเองมิใช่หรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี