กว่าที่พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจะได้ข้อสรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยจบที่ “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ก็มาจบในวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 หนึ่งวันก่อนโหวตในสภา
นอกเหนือจากตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้ว พรรคก้าวไกลยังนำข้อตกลง 4 ข้อ มาโพสต์ในเฟซบุ๊กของพรรคด้วย คือ
1.เสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาคนที่ 2 โดยพรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ พร้อมให้การสนับสนุนตามข้อตกลงนี้
2.บุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมผลักดันวาระที่ทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชน
3.ข้อตกลงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง 8 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เสนอและสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสุดความสามารถ โดยดำเนินการตามข้อตกลง MOU ที่ได้แถลงร่วมกันเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566
4.พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ
1) แต่ “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา - Nuttaa Mahattana ระบุว่า... “อาจไม่ทันสังเกตกัน แต่ตอนหนึ่งในการแถลงข่าวเมื่อสองทุ่ม ทำให้คำพูดของท่านวันนอร์ที่บอกว่าไม่ทราบเกี่ยวกับการเสนอชื่อมาทั้งวัน เป็นคำพูดที่ไม่จริงเลย เมื่อคุณชัยธวัช (เลขาฯ พรรคก้าวไกล) พูดขึ้นมากลางงานแถลงข่าวเองว่า ตนเป็นคนไปเชิญท่านเมื่อคืนที่ผ่านมา และได้นั่งพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานประธานสภากันถึงเที่ยงคืน จนมั่นใจได้ว่ามีทิศทางเดียวกันในการทำงาน
นั่นหมายความว่า ทีมเจรจาเรื่องประธานสภาของ พท-กก ตกลงกันตั้งแต่วันอาทิตย์ว่าจะให้ท่านเป็น พร้อมเงื่อนไข 4 ข้อ แล้วคืนนั้นทางก้าวไกลก็ไปคุยกับท่านวันนอร์ต่อ ก่อนเพื่อไทยจะมาแจ้งสส.พรรคในตอนเช้าแล้วแถลงร่วมสองพรรคในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา การพยายามปิดอะไรเป็นความลับแล้วสื่อสารให้ตรงกันในขณะที่มีคนเกี่ยวข้องเยอะ มันยากเกินไป และการทำงานกับบางพรรค ก็ไม่ง่าย”
2) หลังได้รับการโหวตเป็นประธานสภาฯ แล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนได้รับการประสานมาจากพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 14.00 น. เพื่อให้ตนรับตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้หากในที่ประชุมสภาฯ เลือกให้ตนเป็นประธานสภาฯ จะทำงานให้ดีที่สุด เพื่อบ้านเมืองและประชาธิปไตยตามที่ประชาชนคาดหวัง
“เมื่อได้รับการติดต่อมา ผมไม่ได้คิดนาน ใจจริงแล้วอยากให้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ตกลงกันเพื่อให้การทำงานราบรื่นดีกว่าพรรคเล็ก ทั้งนี้เมื่อ 2 ฝ่ายตกลงว่า ให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมือง อยากให้ทำหน้าที่นี้ ต้องทำหน้าที่เพราะเป็นภาระของพวกเราทุกคน” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
ปะติดปะต่อเรื่องราวแล้ว พบว่า นายวันมูหะมัดนอร์ เหมือนคนพูดไม่อยู่กับร่องกับรอยเสียแล้ว!!
3) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊กว่า การเล่นการเมืองของก้าวไกล ด้วยความอยากเป็นนายกฯตั้งแต่พิธา, ต๋อม มาจนถึงนักเชียร์อย่างปุ๊ แม้แต่ปิยบุตรที่เคยรักษาความเป็นอิสระในระดับหนึ่ง ครั้งนี้ต้องบอกว่า โง่ บัดซบ จริงๆ (ตั้งแต่ที่โดนเบี้ยวเรื่อง MOU ความจริงควรเตรียมตัวถอนตัวแล้ว)
พวกคุณ (ก้าวไกล) น่ะ ยิ่งกว่า “อ่อนหัด” อีก คิดจะ “ดีล” กับเพื่อไทย (อุ๊งอิ๊ง เศรษฐา เต้น อ๋อย ฯลฯ) ไอ้พวกนี้น่ะยิ่งกว่ารอบจัดอีก (นี่ดูสุทินเป็นตัวอย่างล่าสุด) คนที่พูดดีพูดหวานก็ให้พูดๆ ไป ไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไร บอกหลายหนแล้ว และเหนือกว่าอื่นใด ทักษิณครับ ไว้ใจไม่ได้โดยสิ้นเชิง
4) นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความว่า “หลักการต้องมาก่อน!” เนื้อหาระบุว่า
พรรคก้าวไกลยอมเป็นฝ่ายค้านสัก 1 สมัยจะดีเสียกว่า เพราะมีเสียงมากพอที่จะตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยืนยันในหลักการเพื่อสร้างประเพณีว่า พรรคเสียงข้างมากจะต้องได้ตำแหน่งทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานสภาฯ มิฉะนั้นจะเป็นการสร้างประเพณีทรามสำหรับการเลือกตั้งสมัยต่อๆ ไป ซึ่งก็จะมีปัญหาต่อรองเช่นนี้อีก ทำให้ระบอบประชาธิปไตยถอยหลังเข้าคลอง และไม่พัฒนา ต้นเหตุและพรรคที่ต้องรับผิดชอบหลักในการสร้างประเพณีทรามและตระบัดสัตย์นี้ คือ พรรคไหนย่อมรู้กันอยู่
5) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลโพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ภายหลังข้อสรุปการตัดสินใจร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมพรรคก้าวไกลถึงยอมถอยเรื่องตำแหน่งประธานสภา ทั้งที่ได้ประกาศวาระที่ต้องการผลักดันไปแล้วกับประชาชน ตนขอยืนยันว่า การตัดสินใจของเรา เราตัดสินใจภายใต้การรักษาเอกภาพการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พวกเราถอยจากเงื่อนไขเดิมที่พวกเราตั้ง ภายใต้เงื่อนไขการบริหารงานสภาภายใต้นโยบายที่พรรคก้าวไกลแถลงไปแล้ว “ก่อนที่เราจะทำการตัดสินใจ พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์วันนอร์ เราได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาว่า “สภาก้าวหน้า”, “สภาโปร่งใส”, “สภาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จะเป็นนโยบายหลักภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของอาจารย์วันนอร์”
นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ยังให้คำมั่นกับพวกเราว่ากฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล เช่น สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม กฎหมายเพื่อกลุ่มพี่น้องแรงงาน และกฎหมายเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ จะไม่ถูกขัดขวางหรือถ่วงให้ช้าไม่ว่าด้วยความไม่ไว้วางใจหรือความไร้ประสิทธิภาพภายใต้การทำงานของ นายวันมูหะมัดนอร์
โดยส่วนตัว ตนได้มีโอกาสร่วมงานกันภายใต้พรรคร่วมฝ่ายค้านในรัฐบาลที่ผ่านมา ในทุกการประชุมร่วมกัน นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนอยู่ข้างเหตุผลและความถูกต้องอยู่เสมอ ซึ่งเป็นจุดร่วมกันกับที่พรรคก้าวไกล จนตนกล้าพูดได้ว่า นายวันมูหะมัดนอร์ เป็นหนึ่งคนที่ตนสามารถไหว้ได้อย่างสนิทใจภายใต้ฉากทัศน์ที่ไม่แน่นอนของการเมืองไทย
พวกเราไม่ประมาทในทุกสถานการณ์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจของพวกเรา พรรคก้าวไกล ทำภายใต้ความคิดว่า หลักการสำคัญกว่าตัวบุคคล สาเหตุที่เราเสนอชื่อนายปดิพัทธ์ ไม่ใช่เพราะนายปดิพัทธ์คือ นายปดิพัทธ์ แต่เพราะเราเชื่อว่านายปดิพัทธ์คือคนที่พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสภาให้เป็นแบบที่เราอยากเห็นได้
สุดท้าย ไม่ว่าฉากทัศน์จะเป็นอย่างไร ตนพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ การตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเราไม่ใช่การเอาประโยชน์ของตนหรือพรรคก้าวไกลเป็นตัวตั้ง แต่เป็นภารกิจเพื่ออนาคตการฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศ การตัดสินใจภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลผสม สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะเดินหน้าและถอยภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม การตัดสินใจของพรรคก้าวไกลในวันนี้ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อเหตุผลทางการเมืองเฉพาะหน้า แต่เราตัดสินใจจากคุณค่าพื้นฐานร่วมกันของพรรคในการทำงานการเมืองระยะยาวเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้สำเร็จได้ โดยมีเส้นที่เราจะไม่สามารถล่วงล้ำได้เลย คือการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
สำหรับกฎหมายสำคัญที่พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอมีทั้งสิ้น 45 ฉบับ และหนึ่งในนั้นคือ การแก้ไขม.112
6) เมื่อสื่อถามถึงประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เป็นประเด็นจับตา นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ประเด็นแก้ไขมาตรา 112 ไม่อยู่ในข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะสนับสนุน แต่พรรคก้าวไกล ฐานะพรรคการเมืองในสภาฯ อยากเสนอเข้ามาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ต้องว่าไปตามกฎหมาย และบทบาท ทั้งนี้กฎหมายต่างๆ นั้น ทุกพรรคมีสิทธิเสนอรวมถึงประชาชนด้วย เพราะสภาฯ ยุคนี้ต้องโปร่งใสเพื่อประชาชน ทั้งนี้ส่วนตัวยินดีให้ทุกฝ่าย รวมถึงสื่อมวลชนตรวจสอบการทำงานของสภาฯ ได้
7) ปมปัญหาจึงมีอยู่ว่า พรรคก้าวไกล “โง่อย่างบัดซบ” และ “ไม่รักษาหลักการ” ตามที่สมศักดิ์ เจียม กับกมล กมลตระกูล ตั้งข้อสังเกตหรือไม่
“โง่” ดูแล้วไม่โง่ พยายามชิงไหวชิงพริบสุดฤทธิ์สุดเดชอยู่ เมื่อเทียบกับสมศักดิ์ เจียม ที่เคลื่อนไหวเรื่อง ม.112 แล้ว ดูท่าสมศักดิ์ เจียม จะโง่กว่า เพราะอยู่ในสภาพ “ลี้ภัย” ในขณะที่ก้าวไกลยังอยู่ในประเทศ
“บัดซบ” ไหม อันนี้ต้องดูระยะยาว ที่ผ่านมาก็พูดจาบัดซบอยู่บ้าง ในสร้างการเรียนรู้ที่ผิดให้เด็กและเยาวชน จนสังคมปั่นป่วน และเยาวจนต้องติดคุกติดตะรางมีประวัติจำคุกติดตัว ขณะไอ้พวกยุ ชี้นำ ให้ท้ายสุขสบายดี
ส่วนเรื่อง “รักษาหลักการ” นั้น ดูท่าว่า “สถานการณ์” เป็นตัวกำหนดว่าจะ “อ้าง” หลักการใด
คราวก่อน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ชื่อ “นายชวน หลีกภัย” ก็ไม่ได้มาจากพรรคใหญ่ พรรคชนะ สภาก็มิเห็นจะฉิบหาย หรือวิบัติบรรลัย แต่ประการใด ตรงกันข้าม กลับเป็นระเบียบเรียบร้อย ประธานมีบารมี มีความรู้ มีสติปัญญา ควบคุมการประชุมสภาให้ยังพอเป็นที่ศรัทธาเชื่อถือของ “คนในชาติ” ได้เป็นอย่างดี
เรื่องนี้จึงไม่รู้เหมือนกันว่า ความเห็นใด หรือใคร ที่โง่บัดซบกันแน่!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี