หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของนายกรัฐมนตรีไทยคือ ต้องพิทักษ์ รักษา ปกป้อง เทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องดำเนินการเอาผิดขั้นเด็ดขาดกับใครก็ตามที่มีเจตนาทำร้าย ทำลาย โค่นล้ม สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่มีข้อละเว้นแต่ประการใด
สังคมไทย หรือสังคมสยามในอดีตเคยมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งพยายามโค่นล้ม ทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาแล้ว โดยอ้างว่าเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มคนที่จงใจโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มีอันเป็นไปทุกราย แต่ก่อนที่จะมีอันเป็นไปนั้นพวกกลุ่มโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ได้แย่งชิงอำนาจกันเอง จนต้องห้ำหั่นกันเองจนต่างฝ่ายต่างบรรลัยไปในที่สุด
มาบัดนี้ ในบ้านเมืองของเราก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มบางจำพวกแสดงเจตนาต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่าการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในสังคม มีการกดขี่ขูดรีดในสังคม
ข้ออ้างว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในสังคม เป็นข้ออ้างของคนจำพวกที่ต้องการดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมา เพราะต้องการให้ตนเองมีความเท่าเทียมกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งลึกๆ ก็คือการจงใจโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง
ถามว่า ทุกสังคมบนโลกใบนี้มีความเท่าเทียมกันจริงๆ หรือ มีสังคมไทยที่คนทุกคนเท่าเทียมกันในทุกกรณีบ้าง แม้กระทั่งในพรรคการเมืองที่ต้องการจะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ยังมีชนชั้น มีผู้มีสถานะเหนือกว่าคนอื่นๆ อยู่ในพรรคการเมือง ดังนั้นการโกหกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์คือต้นเหตุของความไม่เท่าเทียมในสังคมจึงเป็นเรื่องที่อ้างขึ้นโดยไม่มีตรรกะ
สังคมทุกสังคมต้องมีการแบ่งงานกันทำตามโครงสร้างของระบบสังคม คนแต่ละคนถือเป็นสมาชิกของสังคม แต่ละคนมีภาระหน้าที่ตามโครงสร้างของสังคม ไม่มีสังคมไทยที่คนทุกคนทำหน้าที่เดียวกันทั้งหมด ดังนั้นการอ้างความเท่าเทียมจึงเป็นการอ้างที่เข้าข่ายประดิษฐ์วาจาขึ้นมาเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง ไม่เคยมีสังคมใดที่คนทุกคนเท่าเทียมกันในทุกกรณี
ถามว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความจำเป็นต่อสังคมไทยหรือไม่ ตอบได้ว่า มีความจำเป็น และจำเป็นมากด้วย เพราะเป็นสถาบันหลักหนึ่งในสามสถาบัน คือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์ร่วมจิตใจของคนไทย เพราะพระมหากษัตริย์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทั้งปวงก็เพื่อให้สังคมไทยเจริญรุ่งเรือง และทรงปรารถนาให้คนไทยทุกคนมีความสุขตามอัตภาพ
การที่มีพรรคการเมืองบางพรรคเสนอแก้ไขมาตรา 112 โดยอ้างว่าเพื่อการพัฒนาปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการอ้างที่หาตรรกะได้ไม่ แต่ลึกๆ แล้วเป็นการกระทำเพื่อปูทางไปสู่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า
ถามว่าทำไมพรรคการเมืองบางพรรคต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ คำตอบเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงที่ว่า หากสังคมไทยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว คนในสังคมจะขาดศูนย์รวมจิตใจ เมื่อไร้ศูนย์ร่วมจิตใจแล้ว ก็ย่อมทำลายสังคมให้ย่อยยับแหลกสลายได้โดยง่าย
วันนี้ได้มีปรากฏการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในสังคมไทย คือพรรคการเมืองประกาศโดยมีนัยว่า ไม่ต้องการให้ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ทว่าพรรคการเมืองนั้นไม่กล้าประกาศตรง ๆ เพียงแต่อ้างว่าต้องปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112 ก่อน
ถามว่าทำไมต้องแก้ไขมาตรา 112 มาตราดังกล่าวเป็นอันตรายต่อคนทั่วไปกระนั้นหรือ เพราะอันที่จริงแล้วคนทั่วไปไม่ได้เดือดร้อนกับการมีมาตรา 112 เลย ส่วนพวกที่เดือดร้อนมากที่สุดกับมาตรา 112 คือพวกที่จ้องโค่นล้มทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น
ประเทศไทยดำรงอยู่ได้ด้วยปัจจัยสำคัญหลายประการ และหนึ่งในปัจจัยสำคัญนั้นคือการมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชน ประเทศไทยต้องมีพระมหากษัตริย์ แต่ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่มีเจตนาโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี