History repeats itself ซ้ำรอยความผิดเดิม เพราะผู้นำ ไม่เคยสรุปบทเรียนของรุ่นก่อนที่ทำผิดพลาดใหญ่ในการสรุปบทเรียนของเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติตั้งแต่ ๒๔ มิถุนา ๒๔๗๕ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ ฯลฯ จนมาถึงปัจจุบัน
ที่ไม่ได้ทำกัน เข้าใจได้ว่า มันยาก!
เพราะมีปัจจัยสำคัญคือ
๑. มีหลายฝ่ายในเหตุการณ์ โดยเฉพาะ มี ๒ ฝ่ายใหญ่ที่ขัดแย้งกัน อย่างเอาเป็นเอาตาย
๒. ความจริงจะปรากฏขึ้น จะทำให้ฝ่ายหนึ่ง เสียหาย เสียภาพพจน์ฯ
๓. เป็นเรื่องใหญ่ ยากมาก : ต้องอาศัย ความร่วมมือของทุกฝ่าย ที่จะมาคิดและทำร่วมกัน
๔. ผู้นำแต่ละฝ่ายในช่วงเหตุการณ์นั้น ไม่ได้เห็นความสำคัญของการสรุปเหตุการณ์ความเป็นจริง หรือ “ผู้นำในเหตุการณ์” ยังไม่สามารถก้าวพ้น “ผลประโยชน์ส่วนตนและกลุ่มของตน”
๕. ผู้นำในเหตุการณ์นั้นๆ ขาดวิสัยทัศน์ ที่จะมองออกว่า “การที่สังคมยังคงเดินซ้ำรอยผิดแบบเก่าๆ แบบเดิมๆ” เป็นเพราะความคิดที่ติดยึดตัวเอง ที่ไม่กล้าฯ ที่จะมาสรุปบทเรียน “เพื่ออนาคตของบ้านเมือง”
เพราะ
-การสรุปเหตุการณ์ พวกตนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องด้วย
-จะต้องขัดแย้งกับ คนอีกฝ่ายหนึ่งในเหตุการณ์นั้นที่ยังมีบทบาทในปัจจุบัน
-การสรุปเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นั้นๆ อาจจะพลิกโฉมหน้าที่แท้จริงของเหตุการณ์ ที่หลายฝ่ายรับไม่ได้
๗. การสรุปเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หนึ่งๆ เป็นเรื่องยาก มีหลายปัจจัย
(๑) การค้นคว้าเพื่อแสวงหาความเป็นจริง ทำได้ยาก เนื่องจากใช้เวลา บุคคลบางส่วนที่เกี่ยวข้องจากไปแล้ว
(๒) ต้องขัดแย้งกับ ผู้นำบางส่วนในเหตุการณ์ ที่นำเสนอเรื่องออกไปสู่สังคม ในเชิงปัจเจก และเหตุการณ์เฉพาะหน้าในส่วนของตน : หากการสรุปใหม่ ให้ข้อเท็จจริงที่ต่างออกไปมาก
(๓) ผู้นำในเหตุการณ์ ไม่พร้อมที่จะลงทุนลงแรงไปทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ ที่เปลืองแรง เปลืองตัวฯ
(๔) ไม่มีอำนาจที่จะจัดการทำในเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ได้ และมีอุปสรรคใหญ่มากมายในการแสวงหาความจริง
1.แต่มีหลายคน ที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ในฐานะนักต่อสู้เพื่อแสวงหาความเป็นจริง เห็นด้วยที่จะทำเราจักไม่อายลูกหลานที่ต้องยอมรับชะตากรรม (ผลลัพธ์ ที่เกิดจาก “ความไม่กล้าหาญของรุ่นพ่อรุ่นพี่”) เราจักใช้วาระโอกาส ในงานครบ ๕๐ ปี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ มาเริ่มต้น สรุปบทเรียนแสวงหาความจริงกัน
2.และมีผู้นำทางการเมืองและสังคม ในปัจจุบัน พูดถึงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ อย่างเจ็บปวดว่า “เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ จะพูดว่า สำเร็จผล ในทางประชาธิปไตย ได้อย่างไร” ในเมื่อเจตนาของประชาธิปไตยของประชาชน ยังไม่บรรลุฯ
การสรุปบทเรียน ความจริงของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จะบอกถึงความจริงแก่พวกเขาและประชาชนว่า
(๑) เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ คือ การเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของไทย
(๒) มีความสำเร็จใหญ่ยิ่ง คือ การเปิดฟ้าประชาธิปไตยของสังคมไทย ให้เปิดกว้างขึ้น ให้ประชาชนไทย ทุกฝ่าย ได้มีโอกาสใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน อย่างไม่เคยมีมาก่อน ฯลฯ
(๓) ได้รับรู้ว่าความสำเร็จ ความล้มเหลว ของการพัฒนาประชาธิปไตย เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในข้อนี้ ที่เกี่ยวโยงกับ เหตุการณ์ปัจจุบัน : เพื่อเป็นบทเรียนให้พรรคก้าวไกล และผู้ครอบงำที่อยู่เบื้องหลังและโดยเฉพาะประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ได้รับรู้ ซึ่งขอพูดโดยสรุปอย่างสังเขป ดังนี้
“สิ่งที่ครอบความคิดของพรรคก้าวไกลและกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังขณะนี้” คล้ายและใกล้เคียงกับ “ความคิด ท่าที พฤติกรรมของ แกนนำซ้ายจัด ในยุคหลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่ดุเดือดรุ่นแรง จะเริ่มหนักขึ้น ในช่วงปี ๒๕๑๘-๒๕๑๙”
พูดจากหลังฐานและข้อเท็จจริง ที่มีการกล่าวอ้างถึง
๑. แกนนำซ้ายจัด เป็นคนส่วนน้อยของสังคมฯ
๒. คำขวัญที่นำเสนอ
“กล้าต่อสู้ กล้าเสียสละ” : คือ หากไม่กล้าเสียสละ ย่อมทำให้การต่อสู้ ไม่สำเร็จ
“ตายสิบเกิดแสน” : คือ หากฝ่ายขวาจัด ฆ่า พวกเรา ๑๐ คน คนจะตื่นตัวขึ้นมาแสนคน
หมายเหตุ
ผู้เสนอคำขวัญ และปลุกกระแสนี้ จะเป็นแกนนำบางคน แต่ผู้ที่เสียสละ เสียชีวิต พิการ ส่วนใหญ่จะเป็นมวลชนที่เข้าร่วม
๓. สาย อ.ประเสริฐ และคุณผิน บัวอ่อน วิจารณ์
“ความคิดซ้ายจัดของแกนนำส่วนหนึ่ง ช่วงปี ๒๕๑๘ เป็นต้นมา” มีผลทำให้ประชาชนเริ่มไม่ยอมรับ และถอยห่างจากกลุ่มเคลื่อนไหวฯ
๔. อ.ทวี หมื่นนิกร พูดส่วนตัวกับผม ในการเคลื่อนไหวกรรมการฯ หลังปี ๒๕๑๘ “ผมหนักใจที่การเคลื่อนไหวของกรรมกร เดินไปด้วยดี ในระยะต้น แต่การที่มีกลุ่มซ้ายจัด เข้ามาเกี่ยวข้อง ” ทำให้การเคลื่อนไหวของกรรมกรบางส่วน เดินล้ำหน้ามวลชนไปนำเสนอคำขวัญ “ล้มทุนนิยม” โดย ไม่จำแนกแยกแยะ“นายทุนต่างชาติ นายทุนชาติ และทุนกลาง ทำให้เกิดการรวมตัวคัดค้านและต่อต้านการเคลื่อนไหว”
๕. เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เลขาธิการ ศนท.ในช่วงนั้นได้มาระบายกับผม “ผมอึดอัดใจมากในการทำงานฯ เพราะคนของฝ่ายซ้ายจัด เข้ามากำหนดกรอบคิดในการเคลื่อนไหวงานของนักศึกษา” ในทางที่รุนแรงเกินไป มวลชนรับไม่ได้ และเป็นผลเสียต่อกระบวนการฯประชาชน
๖. มีกลุ่มผู้นำของสังคม อย่างน้อย ๓ กลุ่ม ที่คิดและได้ข้อสรุปเหมือนกันว่า “อีกไม่นาน จะมีการปราบปรามประชาชนจากกลุ่มขวาจัดฯ เพราะมีกลุ่มซ้ายจัด ที่เคลื่อนไหวสุดโต่ง รุนแรง จนประชาชนรับไม่ได้เป็นการสร้างเงื่อนไข ให้ “พวกขวาจัด” ใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมประชาชน ไม่ให้ร่วมการเคลื่อนไหวฯ”
(๑) กลุ่มอ.เสกสรร เทิดภูมิฯ ออกเดินทางไปต่างประเทศ : สิงหาคม ๒๕๑๘
(๒) กลุ่มพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย นำโดยพี่ไขแสง สุกใส เดินทางเข้าไปต่อสู้ในป่า ต้นปี ๒๕๑๙
(๓) กลุ่ม อ.ธีรยุทธ บุญมี และคณะ เดินทางไปสู่ชนบท ๗ สิงหาคม ๒๕๑๙
ทั้งนี้ โดยพฤติกรรม และการกระทำของ “กลุ่มซ้ายจัดบางปีก” ที่สร้างผลเสียหายใหญ่ ต่อการเคลื่อนไหวของขบวนการการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน “ซึ่งไม่ยอมฟังเสียงใคร และเป็นฝ่ายกุมและกำหนด “ทิศทางการเคลื่อนไหวของประชาชน” แม้จะมีพวกเราหลายส่วนคัดค้าน และเตือนให้หยุดความคิดเคลื่อนไหวรุนแรงเกินเหตุ แต่พวกแกนนำซ้ายจัดไม่ยอมรับ แถมกล่าวหาว่า “พวกเรา เป็นฝ่ายยอมจำนวน ไม่สู้ถึงที่สุด”
• การคุยและการเตือนต่อมวลชน จะได้ผล คือ ต้องให้แกนนำซ้ายจัด เป็นผู้ไปเตือน เพราะ “เขากุมมวลชน และมวลชนฟังและเชื่อเขา” คล้ายกับ “ในยุคนี้ ผู้ที่คุย เตือน กลุ่มเด็กแอก เด็กส้ม ได้ ต้องเป็นแกนนำส้มแดง”
ในช่วงใกล้เกิดเหตุ เดือนตุลา ๒๕๑๙ มีผู้นำหลายคนออกมาเตือน รวมทั้ง ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ยังถูกแกนนำฝ่ายซ้ายจัดกล่าวหา “เป็นพวกยอมจำนน” “เป็นสมุนรับใช้เผด็จการ”
ที่น่าเศร้าใจ “ผู้ใหญ่บางคน ที่อยู่เบื้องหลังของ ส้มแดง”คือ คนส่วนหนึ่ง ของปีกซ้ายจัดในยุคนั้น
การนำเสนอ บทความนี้ออกมา ในช่วงนี้ เจตนาใหญ่ ๒ ประการ
๑. ไม่ต้องการให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย History repeats itself
๒. เป็นการผลักดันให้เกิด “ความคิดใหม่ ในการใช้วาระ ๕๐ ปี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ สรุปบทเรียนการต่อสู้ของประชาชน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี