ความจริงหนึ่งที่หลายคนอาจจะลืมเลือนหลังจากที่พรรคก้าวไกลแลนด์สไลด์แล้วพากันรุมถล่มพรรคก้าวไกล กระทั่งร้องเรียกเพรียกหาให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์คือการจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล นั่นคือ 18 ปีแห่งความหลังที่หลายฝ่ายหลายพวกรุมกระหน่ำซ้ำตีถล่มจนต้องยุบพรรคไปแล้วถึงสองพรรค และประมุขแห่งตระกูลชินวัตรต้องตกอยู่ในสภาพไม่มีแผ่นดินอยู่ถึง 18 ปี
ผู้คนในเครือข่ายต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองหลายร้อยคน นักรบทางการเมืองต้องล้มหายตายจากต้องติดคุกติดตะรางเป็นจำนวนมาก เลือดเนื้อ น้ำตา และชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องยังอยู่ในความทรงจำของผู้ที่เสียหายและผู้ที่กระหยิ่มยิ้มย่องตลอดมา
ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง ขั้วอำนาจเก่าทุกสายหวาดผวากับกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย โหมกระหน่ำโจมตีทุกวิถีทาง กระทั่งพยายามอ้างอิงการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลไปชนกับพรรคเพื่อไทย แม้กระทั่งขุดโคตรเหง้าตระกูลและกล่าวหาเรื่องทุจริตสารพัดเพื่อจะดับกระแสแลนด์สไลด์นั้น
โดยไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่ทรุดหนักลงและอยู่ในขั้นวิกฤต เต็มไปด้วยการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎรต่อเนื่องมาหลายปีได้สร้างรูปการจิตสำนึกในความคิดของประชาชนทั่วประเทศ ที่เรียกร้องต้องการความเปลี่ยนแปลงเพื่อบรรยากาศใหม่ สถานการณ์ใหม่ของบ้านเมือง เพื่อที่ทุกคนจะได้เงยหน้าอ้าปากได้บ้าง
ดังนั้น เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏจึงสร้างความตื่นตระหนกตกใจทั่วประเทศ รวมทั้งพรรคการเมืองทั้งหมด เพราะพรรคก้าวไกลชนะเป็นลำดับหนึ่งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ทั้งๆ ที่มีข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริต ทำให้พรรคก้าวไกลไม่ได้รับการเลือกตั้งระหว่าง 30-50 คน ซึ่งหมายความว่ามีผู้เชื่อว่าถ้าการเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม พรรคก้าวไกลอาจได้รับเลือกตั้งถึง 200 ที่นั่ง
ดังนั้น เรื่องราวและข่าวคราวที่เตรียมการยุบพรรค เตรียมการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของผู้ที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยจึงหายเงียบไป แต่กลับพุ่งปลายหอกดาบไปที่พรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของมวลชนทั่วประเทศและเสียงสนับสนุนจากต่างประเทศอย่างกึกก้อง
จึงเกิดการพร่ำเพรียกเรียกหาความสามัคคีกับพรรคเพื่อไทย เกิดความต้องการที่จะจับมือกับตระกูลชินวัตร เพื่อรับมือกับพรรคก้าวไกล และในที่สุดเพียงชั่วเวลาเดือนเศษ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกคดีข้อกล่าวหาสารพัดเกือบ 30 เรื่อง มีเรื่องขอยุบพรรคเกือบ 10 เรื่อง ยิ่งสร้างความขุ่นแค้นเคืองใจให้กับประชาชนผู้เลือกตั้ง และพากันเพ่งหาไอ้โม่งผู้บงการการเคลื่อนไหวเหล่านี้
เกิดการสร้างความแตกแยกในชาติครั้งร้ายแรงที่สุด โดยอาศัยสถาบันมาเป็นเส้นแบ่งว่าฝ่ายนี้เป็นฝ่ายจงรักภักดีต่อสถาบัน ฝ่ายที่เห็นต่างเป็นฝ่ายชังสถาบัน จนก่อเกิดสภาพที่ชัดเจนว่าประชาชนถูกผลักไสให้เป็นฝ่ายชังสถาบันร่วม 28 ล้านคน กระทั่งล่าสุดไม่เว้นแม้กระทั่งพระเจ้าก็ถูกผลักไสไล่ส่งให้สึกออกจากความเป็นภิกษุ โดยไม่คิดว่าจะกระทบต่อบรรดาสานุศิษย์แห่งสำนักนั้นนับร้อยนับพันที่จะถูกผลักให้เป็นพวกชังสถาบัน
นั่นคืออันตรายร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นต่อโครงสร้างของประเทศ และมาถึงวันนี้ข่าวคราวที่จะปฏิบัติการต่อพรรคก้าวไกลประการใดก็เกิดขึ้นท่ามกลางความตะลึงงันของประชาชนผู้เลือกตั้ง จนกระทั่งเปิดทางให้ต่างชาติเข้าแทรกแซง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและประชาชาติยุโรปได้เรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับผลการเลือกตั้ง และรับรองให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยครั้งร้ายแรงที่สุด
และแล้วพรรคก้าวไกลก็ถูกกดดันจนต้องส่งไม้คิวต่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล จากนั้นพรรคก้าวไกลก็ถูกขับออกจากพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาล แล้วมีการก่อตั้งพันธมิตรขึ้นใหม่เพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกน
บรรดาคำมั่นสัญญาทั้งหลายที่ได้ให้ไว้กับประชาชนในการเลือกตั้งถูกโยนทิ้งลงถังขยะ อ้างว่าเป็นแค่การหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่พันธสัญญาในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหมายความว่าขอให้รวมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้เกินครึ่ง รวมเสียงในรัฐสภาได้เกินครึ่งก็ได้รับเลือกเป็นนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลได้ คุณธรรมและความสัตย์ตลอดจนคำสัญญาทั้งหลายในการเลือกตั้งเป็นอันไม่ต้องคำนึงถึงอีกต่อไป
ถ้าใครคิดว่าการดังกล่าวนั้นจะเป็นประโยชน์แก่สองลุงก็ต้องถือว่าถ้าไม่ใช่พวกขี้หลงขี้ลืมจนเลอะเทอะเลอะเลือนก็ต้องถือว่าเป็นผู้เสียสติหรือฟั่นเฟือนในทางการเมือง
เพราะสภาพเช่นนั้นไม่ได้เป็นผลดีต่อสองลุงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเวลาเร่งรัดที่จะต้องมีรัฐบาลร้อนรนเท่าใดก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อสองลุงมากขึ้นเท่านั้น และวันนี้ความกดดันและความเรียกร้องต้องการทั้งประเทศล้วนต้องการให้มีรัฐบาลโดยเร็วที่สุด
จึงเข้าทางพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ภายใต้บรรยากาศทางการเมืองดังกล่าว เพียง 3 วัน พรรคเพื่อไทยจึงสามารถรวมคะแนนเสียงจากพรรคการเมืองต่างๆ เกือบทั้งหมดยกเว้นพรรคก้าวไกลเข้ามาอยู่ในเครือข่ายร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
พรรคการเมืองของลุงหนึ่งแตกกระเจิง สส. กลุ่มใหญ่ได้แห่ไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลและพรรคการเมืองของอีกลุงหนึ่งกลุ่มใหญ่เช่นเดียวกันก็มีทีท่าว่าจะไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกันทำให้คะแนนเสียงจาก สส. เกินกว่า 375 เสียง
โดยพรรคก้าวไกลและสองลุงอาจต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน แต่ลุงหนึ่งนั้นวางมือไปแล้ว ก็อาจเหลืออีกลุงหนึ่งต้องเป็นฝ่ายค้าน และสถานการณ์เช่นนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ต้องเพ่งจับตาดูว่าสองลุงจะแก้เกมแก้กลอย่างไร
และถ้าเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ไม่เกิน 1 เดือน ก็จะรวบรวมพรรคทั้งหลายเข้ามาอยู่ใต้มหาอาณาจักรเพื่อไทยได้ไม่เกิน 3 เดือน การควบคุมตำรวจทั่วประเทศก็จะอยู่ในมือ และไม่เกิน 6 เดือน ก็จะควบคุมฝ่ายทหารและกองทัพให้เป็นปึกแผ่นได้ จากนั้นก็เหลือแต่เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี