ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในมาเลเซียแสดงความกังวลเมื่อความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนา ที่มีทีท่าร้อนแรงขึ้นมาเนื่องจากว่านักการเมืองส่วนใหญ่ใช้เงื่อนไขเชื้อชาติและศาสนาสาดโคลนเข้าหากัน นายอับดุล กานี ซาลเลห์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซียกล่าวว่า จะมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นใน 6 รัฐของมาเลเซีย คือ สลังงอร์, ปีนัง, เนกรีเซมบิลัน, กลันตัน, ตรังกานู และเกดะห์ ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้และการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลผสมของ นายอันวาร์ อิบราฮิม ที่มีแนวคิดก้าวหน้ากับกลุ่มพันธมิตรมุสลิม มาเลย์ที่ยึดถือแนวอนุรักษ์นิยมที่ นำโดย นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน อดีตนายกรัฐมนตรี
ในขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่างแสดงความกังวลว่านักการเมืองใช้ยุทธศาสตร์หาเสียงโดยการปลุกระดมเรื่องเชื้อชาติศาสนาและวัฒนธรรม อาจนำไปสู่ความขัดแย้งแบ่งขั้วอย่างรุนแรงขึ้นในประเทศ สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์ รายงานจากรัฐปีนังและสลังงอร์ ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแสดงความวิตกกังวลว่าการที่นักการเมืองใช้โวหารปลุกเร้าประชาชนเรื่องเชื้อชาติและศาสนา จะนำมาซึ่งความขัดแย้งแบ่งขั้วขึ้นอย่างรุนแรงในประเทศมาเลเซียที่มีพหุศาสนา และวัฒนธรรม
ในรัฐปีนัง ซีเอ็นเอสัมภาษณ์ น.ส.คาเรน ตัน นักศึกษาปริญญาโท ที่กล่าวว่า เธอเคยศรัทธา ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อุปถัมภ์พหุวัฒนธรรมและเป็นผู้นำต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันของเชื้อชาติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ เธอหมดศรัทธากับข้อความที่ออกมา เป็นระยะก่อนหน้าการเลือกตั้งจากโซเชียลมีเดียของ ดร.มหาเธร์ ตัวอย่างเช่น ดร.มหาเธร์ เขียนบนเฟซบุ๊กว่า
“หยุดพูดเรื่องมาเลเซียเป็นประเทศพหุเชื้อชาติกันเสียที มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่ต้น มาเลเซียเป็นประเทศที่รับคนจากประเทศอื่นเข้ามาอาศัย” น.ส.ตันกล่าว และบ่นว่า”การเขียนอย่างนั้นมันสร้างความเจ็บปวดแก่ฉันและครอบครัว ซึ่งมีเชื้อชาติจีนและอยู่ในประเทศนี้มาสามชั่วคนแล้ว ดังนั้น พวกเราที่เป็นชาติพันธุ์จีนและชาติพันธุ์อินเดีย เป็นผู้อาศัยหรือ ที่นี้เป็นประเทศของเราเหมือนกันนะ มันน่ากลัวมากกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเมื่อนักการเมืองบางคนใช้วิธีการแบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนาหาเสียง ฉันคิดว่าวิธีนี้มันมีแต่สร้างความแตกแยก” เธอกล่าว
วันที่ 12 สิงหาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 6 รัฐ จะไปลงคะแนนให้กับสมาชิกสภาแห่งรัฐ จากข้อมูลของคณะกรรมการเลือกตั้งพลเมืองกว่า 9.7 ล้านคน มีสิทธิเลือกตั้งใน 6 รัฐดังกล่าว สำนักงานสถิติแห่งชาติ แจ้งว่ามีชาวมาเลย์และชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม 69.3% และ 22.9%เป็นเชื้อชาติจีน 6.4% เป็นอินเดีย และ 1.4% เชื้อชาติอื่นๆ
ในขณะที่การหาเสียงร้อนแรงขึ้น พรรคการเมืองต่างๆ ได้พากันข้ามเส้นห้ามสีแดงทั้งสองอย่าง ซึ่งมีรายงานว่า พรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นหาเสียงจากประเด็นเชื้อชาติและศาสนาโดยใช้วาทกรรมต่างๆ นานาเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง
อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่าง น.ส.ตัน ตลอดถึงผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองต่างกังวลว่า ถ้าสิ่งเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไป ประเทศชาติอาจมีความแตกแยกมากขึ้นและสงครามวัฒนธรรมอาจปะทุได้ขึ้น
ทั้งรัฐบาลผสมเอกภาพของพรรคปากาตัน ฮาราปันบาริซัน เนชั่นแนล(พีเอช-บีเอ็น) และพรรคฝ่ายค้าน เปอริกาตัน เนชั่นแนล(พีเอ็น) กำลังเปิดเกมรุกในการปลุกระดม เรื่องเชื้อชาติและศาสนาระหว่างการหาคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 6 รัฐ
ดร.มหาเธร์ ผู้รณรงค์หาเสียงในนามพรรคพีเอ็นเน้นย้ำประเด็นมาเลเซีย เป็นของคนมาเลย์เท่านั้นนักการเมืองวัย 98 ปี ผู้พ่ายแพ้เลือกตั้งทั่วไปเขตลังกาวีเมื่อปีกลายได้เขียนเฟซบุ๊กด้วยว่า
“ชาวมาเลย์ควรเลือกพรรคพีเอ็นเพื่อที่ให้ประเทศนี้ดำรงไว้ในฐานะแผ่นดินของคนมาเลย์” ระหว่างการหาเสียงในหมู่บ้านชนบท ใกล้บัตเตอร์เวอร์ธเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายวัน ไซฟูล ผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านพูดถึงประเด็นอื้อฉาวเร็วๆ นี้ คือ เรื่องเทศกาลดนตรีในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ถูกสั่งยกเลิก หลังจากนักร้องนำวงป๊อปร็อกอังกฤษจูบปากนักดนตรีเบสซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกัน บนเวทีแสดงและวิจารณ์ประเทศมาเลเซียที่มีกฎหมายต่อต้าน LGBT ทำให้เทศกาลดนตรีถูกสั่งระงับโดยรัฐบาล แต่นายวัน ไซฟุล กล่าวว่า “ความเสียหายได้เกิดขึ้นสำเร็จแล้ว ไม่เพียงแต่ผู้ชมนับหมื่นคนในเทศกาลดนตรีที่เห็นการจูบอุจาดตา แต่วีดีโอเหล่านั้นได้ระบาดแพร่หลายบนเฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ” วัน ไซฟุล กล่าวในเวทีปราศรัย
เมื่อซีเอ็นเอถามว่าคำปราศรัยในเวทีถือว่าใช้วาทกรรมทางศาสนาชักจูงโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนหรือเปล่า นายวัน ไซฟุล กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในเทศกาลดนตรี มันสะท้อนให้เห็นถึงความไร้สมรรถภาพของรัฐบาล คุณไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนจำนวนมาก กังวลเรื่องเชื้อชาติศาสนา แต่ผมคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความสามารถของคนที่อยู่ในอำนาจ” เขากล่าว
“วันนี้รัฐบาลที่ขาดแคลนผู้มีความสามารถในมาเลเซีย”นายวัน ไซฟุล กล่าว
ในเวลาเดียวกัน ประธานพรรคดีโมเครติคแอคชั่น (DAT) นายลิม กวง เอ๊ง ก็สร้างประเด็นขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่นำคำพูดของเขามาพาดหัวว่า พรรคพีเอ็นมีเป้าหมายทำลายวัดพุทธให้หมดไปถ้าได้รับเลือกตั้ง หนังสือพิมพ์มาเลเซียนาว รายงานข่าวด้วยว่า นายลิม เปรียบเทียบฉากทัศน์พรรคพีเอ็นชนะเลือกตั้งรัฐปีนังกับมองโกเลียรุกรานจักรวรรดิจีนในศตวรรษที่ 13 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แก้ข่าวภายหลังว่า ความจริงแล้ว นายลิม อ้างถึงวัดฮินดูในเคดะห์ที่สื่อรายงานว่า วัดฮินดูสามแห่ง ถูกทำลายระหว่างห้าปีที่พรรคพีเอ็น เป็นรัฐบาลรัฐเคดะห์
เมื่อซีเอ็นเอ ขอให้เขาชี้แจงเรื่องดังกล่าวนายลิมกล่าวว่า สื่อเข้าใจผิดเขาอ้างถึงวัดฮินดูไม่ใช่วัดพุทธ และเพิ่มเติมว่าการเปรียบเทียบมองโกเลียรุกรานจีนนั้นเป็นเรื่องบิดเบือนโดย นสพ.ที่เป็นปฏิบัติการข่าวของพรรคพีเอ็น
“ผมไม่เคยพูดเรื่องมองโกเลียรุกราน ผมคิดว่านี้เป็นอีกครั้งหนึ่งยุทธศาสตร์พรรคพีเอ็นที่โกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำให้ชุมชนมาเลย์หลงทางมาจนบัดนี้” นายลิมกล่าวและโจมตีพรรคพีเอ็นว่า ปั่นกระแสเรื่องคลื่นสีเขียวกำลังเติบใหญ่ในใจกลางชุมชนมุสลิม คลื่นสีเขียวเขาหมายถึงพรรค PAS (Pari Islam Malaysia) พรรคอนุรักษ์นิยมใช้นโยบายเคร่งครัดกฎหมายอิสลาม
ในที่ปราศรัยเดียวกัน นายลิม อ้างหนังสือพิมพ์จีน รายงานว่า “คลื่นเขียว” เป็นสีธงประจำพรรค PAS ซึ่งอาจเป็นพรรคที่ทำให้ชาวปีนังถูกลงโทษเรื่องนุ่งสั้นอยู่ในร้านค้าของตัวเอง
“เราคนหนุ่มสาวอยากมีสุขภาพอนามัยและหุ่นดีดังนั้นเราต้องการออกกำลังกาย เมื่อออกกำลังกายเราก็ต้องนุ่งสั้น แต่คลื่นเขียวบอกว่าไม่ให้เรานุ่งสั้นแม้แต่ในร้านตัวเอง ผมเห็นว่าในอนาคตคุณต้องใส่เสื้อผ้าแม้แต่เวลาอาบน้ำ” เขาอ้างว่าสื่อภาษาจีนรายงาน
สส.พรรค DAP ออง เคียน เขียนในคอมเมนต์เร็วๆ นี้ ว่า คลื่นเขียวมีบทบาทสำคัญในการสร้างความกลัวอิสลามที่ระบาดอยู่ในชุมชนไม่ใช่มุสลิมทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ
นำเรื่องนักการเมืองมาเลเซียใช้เรื่องเชื้อชาติและศาสนาสาดโคลนใส่กันระหว่างหาเสียงเลือกตั้งมาเล่าสู่กันฟังเพราะเห็นว่า มาเลเซียกับประเทศไทยเป็นพหุเชื้อชาติศาสนาและพหุวัฒนธรรมคล้ายคลึงกันแต่วิธีการหาเสียงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนักการเมืองมาเลเซียส่วนใหญ่ปลุกระดมให้รักเชื้อสายมาเลย์และเคร่งครัดในศาสนาอิสลาม
ส่วนพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ปลุกระดมปั่นกระแสให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชังความเป็นชาติไทย และปลุกระดมให้คนรุ่นใหม่โจมตีใส่ร้ายทำลายสถาบันหลักของชาติ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์พันลึกที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมากลงคะแนนให้พรรคชังชาติอาฆาตพยาบาทสถาบันมาเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. ที่ผ่านมา
ประเทศไทยต่างกับประเทศมาเลเซียและสหภาพเมียนมา ที่อังกฤษนำคนต่างชาติมาตั้งหลักปักฐานปะปนอยู่กับคนท้องถิ่นจนกลายเป็นประเทศพหุเชื้อชาติศาสนาและวัฒนธรรม อย่างไรตาม ประเทศไทยไม่มีปัญหาเรื่องเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม เนื่องจากว่าคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ตั้งใจมาอาศัยใต้ร่มโพธิสมภารด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกอังกฤษเกณฑ์มาเหมือนสหภาพเมียนมาและมาเลเซีย
คนไทยที่สืบสายเลือดมาจากบรรพบุรุษเสื่อผืนหมอนใบ บางคนบางกลุ่มพอมีฐานะได้เข้ามาทำงานการเมือง จึงมีปมในใจปลุกระดมให้คนรุ่นใหม่ชังชาติ อาฆาตพยาบาทสถาบันเพราะบรรพบุรุษของคนเหล่านั้นบางรายเคยเนรคุณแผ่นดินไทย ในฐานะหัวหน้าอั้งยี่
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี