“ครูกายแก้ว” กำลังเป็นที่กล่าวขาน มีความพยายามสร้างกระแสปั้นแต่งเรื่องราว
จากรูปปั้นที่มีลักษณะน่ากลัว เหมือนอสุรกาย ตั้งไว้กลางกรุงเทพฯ
อ้างว่า เป็นเทพกึ่งมนุษย์กึ่งนก เป็นตำนานผู้เรืองเวทย์ ขอพรโชคลาภ
ขอหวย ฯลฯ
1. เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา
รถเครน 6 ล้อที่บรรทุกรูปปั้นขนาดใหญ่ “ครูกายแก้ว” ไม่สามารถลอดผ่านสะพานลอยไปได้ จนกลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกโซเชียล
รูปปั้นดังกล่าว ถูกนำมาตั้งไว้ที่ศาลครูกายแก้ว ณ ลานโรงแรมเดอะบาซาร์ รัชดาภิเษก
จากนั้น มีการทำพิธีบวงสรวงเบิกเนตรครูกายแก้ว มีคนดัง คนวงการ
เซียนพระไปช่วยกันปั่นกระแสมากมาย
มีการแจกเหรียญครูกายแก้วรุ่นแรก ในวันดังกล่าว
เชื่อว่า ถ้าการปั่นกระแสสำเร็จ เหรียญรุ่นแรกก็คงจะถีบราคาสูงขึ้น
2. อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม ได้เตือนสังคมว่า “ที่แท้ กายแก้ว มาจาก การ์กอยส์” ระบุว่า
“แปลกแต่จริงที่มีคนหลงเชื่องมงายได้เพียงนี้
โดยไม่ไปศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะเชื่อสิ่งใด จึงอาจกลายเป็นเหยื่อถูกล่อลวง มอมเมาเข้าสู่ความมีอคติต่อความเชื่อความดีในทางศาสนา
กายแก้ว อาจมีที่มาคือการ์กอยส์ ซึ่งเป็นสัตว์ผสมหากินกลางคืน เป็นมารกึ่งอมนุษย์ - มังกร ที่ปกปักรักษาผู้คนตามความเชื่อของชาวยุโรป
เป็นเครื่องประดับอาคารสถานต่างๆ บริเวณที่เรียกว่า ปนาลี ช่องรางน้ำทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส
แน่นอนว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชกัมพูชาในอดีต
และย่อมไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยที่พยายามทำรูปลักษณ์ให้เป็นยักษามีปีก
สังคมไทยไปไกลสุดกู่ เอาทุกอย่างมาบูชาปะปนกันโดยความไม่รู้เรื่องจริง”
3. อ.ธงทอง จันทรางศุ ก็ถึงกับออกโรงเตือนสติสังคมเช่นกันว่า การไปบูชารูปปั้นอย่างนี้จะเป็นสวัสดิมงคลได้อย่างไร
ระบุว่า
“ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ปรากฏข่าวเรื่อง ครูกายแก้ว ว่าเป็นรูปเคารพที่ได้รับความนับถือในหมู่คนจำนวนหนึ่ง
นัยว่าครูกายแก้วนี้เป็นครูบาอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่เจ็ด ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ผมยังไม่เคยเห็นหลักฐานยืนยันได้แน่นอนว่าเล่าลือกันมาจากที่ไหน
ความเลื่อมใสในเรื่องอย่างนี้แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่สามารถบ่งบอกถึงความไม่มั่นคงทางจิตใจของสมาชิกในสังคมได้ในระดับหนึ่ง และถ้าไม่เกรงใจกันแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นระดับที่สูงมากเสียด้วย
รูปอะไรก็ไม่รู้ที่กราบไหว้กันอยู่นี้ มองในทางศิลปะก็สอบไม่ผ่านแน่ จะว่าเป็นมนุษย์ก็เห็นจะไม่ใช่ จะเป็นสัตว์ก็ไม่เชิง
ผมยังนึกไม่ออกว่าการไปบูชารูปปั้นอย่างนี้จะเป็นสวัสดิมงคลได้อย่างไร แถมเกรงว่าจะเกิดผลตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ
สำหรับประเพณีบ้านเมือง สถานการณ์อย่างนี้คล้ายกับที่คนแต่โบราณท่านพูดว่า ผีป่าก็จะวิ่งมาสิงเมือง ยิ่งนัก เฮ้อ”
4. คำถาม คือ คนในสังคมหาที่พึ่งทางจิตใจอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ
หรือเป็นเพียงความพยายามของคนบางกลุ่มที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากการปั่นกระแสสร้างแลนด์มาร์ค สร้างจุดขายทางความเชื่อ แล้วกอบโกยผลประโยชน์ที่ตามมาเท่านั้นเอง
5. ในทางพุทธศาสนา ที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุด คือ “พระธรรม”คำสอนของพระพุทธเจ้า
5.1 อาจารย์พุทธทาสภิกขุ เคยกล่าวถึง “ดิรัจฉานวิชา” ระบุว่า
“ดิรัจฉานวิชา คำนี้ไม่ใช่ หรือไม่หมายถึงวิชาของสัตว์เดรัจฉาน
สัตว์เดรัจฉานไม่มีวิชา หรือถ้ามีวิชาก็มาใช้กับมนุษย์ไม่ได้
แต่ในพระบาลีวินัย เขามีความหมายตามความหมายของคำว่า ดิรัจฉานะ แปลว่า ขวาง ขวางคลอง ขวางถนนขวางอะไรก็ตาม แปลว่า ขวาง
วิชาไหนมันขวางทางของอัฏฐังคิกมรรค วิชานั้นเป็นเดรัจฉานวิชา ที่มีอยู่ในบาลีก็คือวิชาไสยศาสตร์...
ดิรัจฉานวิชา คือ วิชาที่ขวางคลองของอัฏฐังคิกมรรค... ก็จะปิดทางไปนิพพาน วิชานี้มันจะมาขวางทางที่จะไปสู่นิพพาน
เหมือนกับว่าคลองคลองหนึ่ง ถนนสายหนึ่งมันเอาไม้ซุงมาขวางเต็มไปหมดรถก็เดินไม่ได้ เรือก็เดินไม่ได้ ไอ้ที่ขวางนั่นแหละ คือ ดิรัจฉานวิชา
คือ เอามาใช้มันจะขวางไปทางนิพพาน ไปไม่ได้” – พุทธทาสภิกขุ (แสดงธรรมล้ออายุ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔)
5.2 อาจารย์พุทธทาสภิกขุ ยังเคยแสดงเทศนาธรรมไว้อีกด้วย ความว่า
“...เดรัจฉานเป็นอบาย ปราศจากความเจริญ
แล้วความเป็นสัตว์เดรัจฉาน ความหมายสำคัญอยู่ที่ตรงไหน ถ้าพูดให้ดีแล้วมันสบายกว่าคน มันคดโกงน้อยกว่าคน มันขี้ฉ้อตอแหลน้อยกว่าคน หรืออะไรมันน้อยกว่าคนทั้งนั้น
เดรัจฉานนี่ แต่มันจัดเป็นอบาย ก็เพราะมันปราศจากความรู้ เรียกว่ามีความโง่
ถ้าเราไม่อยากโง่ เราจึงจัดเดรัจฉานเป็นอบาย
ความหมายของสัตว์เดรัจฉานจึงอยู่ที่ว่า โง่ คือไม่รู้อะไร ปราศจากปัญญา
ที่แท้ความโง่นั้นเป็นอบาย
ถ้าคนเราโง่แล้วมันก็มีปัญหามาก คือมีความทุกข์เกิดขึ้นเพราะความโง่อีกมากมาย ทำบาปทำชั่วเพราะความโง่ แล้วโง่อย่างคนนี่อันตรายมากกว่าโง่อย่างสัตว์เดรัจฉานเสียอีก
เพราะงั้น คนโง่คือสัตว์เดรัจฉานกำลังสอง กำลังสาม กำลังสิบ สิบเท่า ยี่สิบเท่า
คนที่โง่คือสัตว์เดรัจฉานที่แท้จริง ร้อยเปอร์เซ็นต์ สองร้อยเปอร์เซ็นต์ สามร้อยเปอร์เซ็นต์
.... เปรต ความหมายของเปรต เรื่องราวของเปรต ทั้งหมดทั้งสิ้น มาประมวลดูสรุปดูแล้ว ก็คือความหิวในทางวิญญาณ หรือหิวในทางจิตใจ จะมาเขียนภาพหิวในทางจิตใจไม่ได้ ก็เลยเขียนภาพหิวอาหาร ผอมแห้งผอมโซ ความหิวทางร่างกายนี่ไม่ร้ายเท่าความหิวในทางจิต ทางวิญญาณ ผอมแห้งผอมโซทางร่างกายก็ไม่ร้ายเท่ากับผอมแห้งผอมโซในทางวิญญาณ ทางจิตใจ...
...อสุรกาย อันสุดท้าย สำหรับพวกคนขลาด
กายนี่แปลว่าหมู่หรือพวก
อสุระแปลว่าไม่กล้าหาญ กลัวหรือขลาดก็คือกลัว
ทีนี้กลัวอะไรก็ตามไม่เป็นความผาสุก ถ้ามีความกลัวแล้วไม่มีความผาสุกเป็นความเสื่อมเสียเป็นการทรมาน
ดูกันได้ในโลกนี้ในปัจจุบันนี้ โลกมนุษย์ในปัจจุบันนี้เป็นโลกอสุรกาย มีความหวาดเสียวหวาดกลัวต่างๆ นานาสารพัด ไม่รู้กี่หมื่นอย่างแสนอย่าง อยู่ใจกลางพระนครก็ไม่เบาใจ หรือนอนใจได้ว่าจะปลอดภัย มันก็สะดุ้งกลัว ในทางโลกมันเป็นอย่างนี้ เป็นมากขึ้นด้วย เป็นอาณาจักรแห่งความกลัว ครอบงำมนุษย์ทั้งโลก
แล้วก็เป็นโลกแห่งอสุรกาย คือโลกแห่งคนกลัว
ทีนี้ไปพูดถึงอสุรกายที่เขียนรูปตามฝาผนัง มันก็มีความหมายว่ากลัว ตามฝาผนังนี้มันก็มีความหมายถึง ความกลัวว่ากลัว ซ่อนตัวไม่กล้าให้ใครเห็นเพราะมันกลัว ยิ่งไปทำชั่ว ทำผิด ก็ซ่อนตัวเพราะความกลัวเขาจะจับไปลงโทษ นี่ก็เป็นอสุรกาย
คนกลัวว่าความทุกข์ ความร้อน ผลกรรมจะมาถึงเข้าเมื่อไร เป็นความกลัวนี่ก็เป็นอสุรกาย
อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยอันธพาล มีแต่จะรบราฆ่าฟันกันเรื่อย ก็กลัว อย่างนี้ก็เป็นอสุรกาย
ถ้าไม่เชื่อขื่อแปของบ้านเมือง รู้สึกบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป มันเป็นเรื่องหวาดเสียวมีความกลัว มันก็เป็นอสุรกาย
อสุรกายคือความกลัว ความหมายมันคือความกลัว...”
ธรรมะของพระพุทธเจ้า อยู่เหนือกาลเวลา เหนือยุคสมัย
พึ่งพาพุทธศาสนาอย่างถูกต้องกันเถิด พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย !!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี