ประเด็นหมูเถื่อนแทรกเข้าตลาดเมืองไทย เป็นปัญหาใหญ่กว่าที่หลายคนคิด

เพราะระบบการผลิตหมูในไทยซวนเซจากโรคระบาด แล้วมาโดนหมูเถื่อนแทรกซึมเข้าทำลายอีก

ความเดือดร้อนจะเกิดแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูใหญ่หลวง และเกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยต่อผู้บริโภคด้วย

1. ระบบการผลิตหมูในไทย เจอภาวะ ASF เมื่อปี 2564

11 มกราคม 2565 กรมปศุสัตว์ ประกาศพบโรคระบาด ASF ในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูไทย

ทั้งหมูขุนและแม่พันธุ์ลดลงทันที 50%

หมายความว่า ปริมาณหมูหายไปจากระบบครึ่งต่อครึ่ง

ราคาหมูแพงขึ้น

ช่วงกุมภาพันธ์-ธันวาคม 2565 ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มกระโดดสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ สูงสุดที่ 110 บาท/กก. จากสถานการณ์ปกติที่ประมาณ 65-70 บาท/กก.

หมูสามชั้นสูงกว่า 300 บาท/กก. หมูเนื้อแดงประมาณ 250 บาท/กก. เป็นต้น

การเลี้ยงหมูในประเทศต้องปรับตัว เพิ่มการดูแลให้ปลอดภัยจากโรค

2. สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล รักษาระดับราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มที่ 100 บาท/กก. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค

สมาคมฯ ส่งสัญญาณภาครัฐ มีการลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” ราคาถูก จาก บราซิล เม็กซิโก สเปน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี เข้ามาฉวยประโยชน์จากราคาในประเทศสูง

ประเมินว่าต้นทุนหมูเถื่อนอยู่ที่ประมาณ 40-50 บาท เท่านั้น แต่สุ่มเสี่ยงโรคร้ายแรง

3. จากนั้น เกิดปัญหาหมูเถื่อน แทรกเข้าตลาดเมืองไทยอย่างหนักหน่วง หลายล้านกิโลกรัม กระจายอยู่ทั่วประเทศ กระทบกับราคาเนื้อหมูไทย

ช่วงแรก ปรากฏข่าว 700,000 กก. ต่อมาฮือฮาหนัก เจอหมูเถื่อนถึง 4.5 ล้านกิโลกรัมใน 161 ตู้ตกค้าง ณ แหลมฉบัง

กรมปศุสัตว์ เดินหน้าเชิงรุกปราบปรามหมูเถื่อน (ตามนโยบายกระทรวงเกษตรฯ) มีการโยกย้ายปศุสัตว์หลายตำแหน่ง เพื่ออำนวยความสะดวกการปราบปรามให้เกิดผลตามเป้าหมาย ทำให้หมูเถื่อนเปลี่ยนเส้นทางจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปลักลอบนำเข้าตามตะเข็บชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี อุบลราชธานี มุกดาหาร และสงขลา มีการจับกุมได้จำนวนมาก (กรมปศุสัตว์ มีการตั้งทีมสารวัตรปศุสัตว์ รวมกับตำรวจตระเวนชานแดนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนกลาง ตรวจสอบหมูเถื่อนทั้งตามชายแดนและห้องเย็นที่เป็นแหล่งซุกซ่อน)

ล่าสุด มีข่าวว่าเจอหมูเถื่อนเป็นพันตู้อีกแล้ว

เป็นไปได้ว่ายังมีหมูเถื่อนอีกมหาศาล เป็นเหมือนน้ำเสียไหลเข้ามาปนเปื้อนน้ำดี เหมือนยาพิษชามใหญ่ที่จะส่งผลกระทบระยะยาวต่อเกษตรกรทั่วประเทศ

4. ช่วงต้นปีนี้เอง ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มในประเทศ เริ่มปรับลดลงจาก 100 บาท เหลือ 90-95บาท/กก. และทยอยลดลงต่อเนื่อง

เนื่องจากมีการเร่งระบายหมูเถื่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในห้องเย็นทั่วประเทศ และดัมพ์ราคาต่ำ กดดันราคาในตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว

ประกอบกับการฟื้นฟูการผลิตหมูหลัง ASF ทำให้หมูไทยเริ่มออกสู่ตลาด

จนถึงขณะนี้ คาดว่าหมูไทยมากกว่า 12 ล้านตัว ออกสู่ตลาด และทั้งปี คาดว่าจะกลับไปที่ 18-19 ล้านตัว เท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด

เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทย ประสบปัญหาขาดทุนหนักมาก จากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า 30% ตั้งแต่ปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึง 2565 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปิดทางขนส่งธัญพืชในทะเลดำ

ขณะนี้ ต้นทุนการผลิตของผู้เลี้ยงหมูอยู่ที่ประมาณ 90 บาท/กก.แต่เกษตรกรขายหมูหน้าฟาร์มได้เฉลี่ยเพียง 53-60 บาท/กก.

เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูออกปากว่า อีกไม่เกิน 2 เดือน เกษตรกรเลี้ยงหมูจะล่มสลายทั้งหมด

เดิม ในไทยผู้เลี้ยงหมูกว่า 2 แสนราย แต่ปัจจุบัน เหลือเพียงแค่ 4 หมื่นกว่ารายเท่านั้น

5. คำถามใหญ่ คือ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจัดการอย่างไร?

ไล่ตั้งแต่กรมศุลกากร-กรมปศุสัตว์-กรมการค้าต่างประเทศ-กรมการค้าภายใน

ขณะนี้ คดีหมูเถื่อนถึงมือ DSI หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากร นําตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศเข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลวิธีการลักลอบเอาหมูเถื่อนออกจากท่าเรือว่า จะลักลอบออกมาทีละ 1-2 ตู้ และเปลี่ยนจากท่าเรือแหลมฉบังไปที่ท่าเรือคลองเตยแทน และหากมีการตรวจขันจับกุมที่ท่าเรือคลองเตยก็จะย้ายไปเรื่อยๆ

รูปการณ์แบบนี้ น่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวกับสายเดินเรือและบริษัทนำเข้า

ผลประโยชน์ส่งต่อเป็นท่อนํ้าเลี้ยงให้กับไอ้โม่ง

ตักตวงผลประโยชน์บนความทุกข์ของเกษตรกรไปแล้วนับพันล้านบาท

6. แม้กรมศุลฯ ยืนยันว่า ไม่มีหมูเถื่อนถึง 1,000 ตู้ดังที่เป็นข่าว

พร้อมแจงว่า แหลมฉบังมีตู้คงค้างจริงแค่ 937 ตู้ เป็นตู้เก็บความเย็นแค่ 258 ตู้ ซึ่งมีการแยกประเภทตู้เป็นกลุ่มที่อยู่ระหว่างสำรวจ กลุ่มที่ดำเนินการเสร็จสิ้นในเชิงศุลกากร และกลุ่มที่เป็นของกลางในคดีอาญา

แต่ประการสำคัญ ต้องรอดูว่า ดีเอสไอจะมีหลักฐานเด็ดอะไรหรือไม่

7. หมูเถื่อน กับขบวนการหากิน-หาผลประโยชน์กับหมูเถื่อน กำลังทำลายหมูไทยทั้งระบบ

ระบบการเลี้ยงที่ได้มาตรฐานของเกษตรกร การยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาด กลับจะถูกฆ่าตายด้วยขบวนการหมูเถื่อน!

การทำหน้าที่ปราบปราม ตรวจค้นและจับกุมขบวนการนำเข้าหมูเถื่อน จะต้องกวดขันจริงจังต่อเนื่อง เพราะเชื่อแน่ว่ายังมีการนำเข้าอีกมหาศาล!!