คำพังเพยและสุภาษิตไทยที่เป็นอมตะและนำมาใช้ได้ตลอดกาล คือ สุภาษิตที่เกี่ยวกับวาจาพาที หากพูดไม่ดีจะเสียหายดังคำพังเพยว่า “ปลาหมอตายเพราะปาก” หรือ ในนิราศภูเขาทองของเอกอัครมหากวีไทยในยุคต้นรัตนโกสินทร์ “สุนทรภู่” เขียนไว้ในนิราศภูเขาทองว่า “ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตรจะชอบผิดในมนุษย์ที่เพราะพูดจา..”
สุภาษิตที่กล่าวมานี้ ล้วนใช้ได้กับว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย นายเศรษฐาทวีสิน ที่พรรคเพื่อไทยหมายมั่นปั้นมือว่า จะเสนอให้ที่ประชุมร่วมสภาเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
ในช่วงต้นของการประกาศจัดตั้งรัฐบาลผสมใหม่ๆ ที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคผลักไสพรรคก้าวไกลออกไป แล้วร่วมตั้งรัฐผสมชุดใหม่กับ พรรคภูมิใจไทย ที่รวมเสียงกันได้ 211 เสียง คือ สส.เพื่อไทย 141 คน บวกกับ สส. 71 คน ของพรรคภูมิใจไทย วันแรกเปิดตัวได้ยินฮือฮาว่า อาจได้เป็นรัฐบาลที่มั่นคง และมีทีท่าจะผ่านการลงมติเลือกนายกฯในการประชุมร่วมของสองสภา 750 คนไปได้ เพราะมีกระแสข่าว สส.จากรัฐบาลรักษาการไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ตลอดถึงพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)ฯลฯ ต่างก็แบะท่าว่า จะยกมือให้นายเศรษฐา ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
นอกจาก พปชร. รทสช.และชพท.พูดลอยๆว่าจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทยเสนอแล้ว ยังมีสว.หมอดูคู่หมอเดา นายวันชัยสอนสิริ ออกมาประกาศปาวๆ ว่า สว. 90% จะยกมือสนับสนุนให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี จากคำพูดเหล่านี้ทำให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลฮึกเหิม เหิมเกริมประกาศว่า บัดนี้พรรคเพื่อไทยได้เสียงหนุนจัดตั้งรัฐบาลที่มั่นคงมีเสียงสนับสนุนเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร500 มาแล้ว คืออาจมีเสียงสนับสนุนจาก สส.เกิน 300 คน
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทย ยังสงวนท่าทีไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่ามีพรรคที่เคยเป็นคู่แค้นคู่แข่งสำคัญที่นายเศรษฐาและนางสาวแพทองธารชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวคนโปรดของนายทักษิณอดีตนายกรัฐมนตรีหนีคุก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย เคยประกาศไว้หลายเวทีหาเสียงว่า “มีเราไม่มีลุง(หมายถึง ลุงตู่กับลุงป้อม)แปดปีที่ผ่านมาประชาชนทุกข์ยากพอแล้ว ปิดสวิตช์ 3ป.เพื่อความอยู่ดีกินดีมีความสุขไปพร้อมกันๆ”
นอกจากนั้น นายเศรษฐายังดูหมิ่นดูแคลนลุงตู่และลุงป้อมในหลายวาระหลายโอกาส อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยแก้ตัวว่า“คำพูดเหล่านั้น เป็นเพียงวิธีการหาเสียง” ฝ่ายลุงป้อมก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรส่วนลุงตู่ซึ่งประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว ก็เดินหน้าปฏิบัติหน้าที่นายกฯรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
ทางด้านพรรคเพื่อไทยที่กำลังหลงระเริงกับอำนาจที่อาจได้คืนมาในเวลาอันใกล้นี้ก็ทำทีเป็นหวงก้างสั่งให้รัฐบาลรักษาการหยุดการทำงานสำคัญๆ แม้เรื่องเร่งด่วนที่จำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตทหารป่าที่ กลายมาเป็นร่างทรงของนายทักษิณ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลคนใหม่เหิมเกริมถึงกับออกแถลงการณ์ให้รัฐบาลรักษาการยุติการโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้จัดวางตำแหน่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ตามอำเภอใจ โดยเฉพาะในกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม ออกแถลงการณ์ โดยไม่คำนึงถึงระเบียบราชการที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลเช่นกฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม
และนายภูมิธรรมและพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ฉุกคิดว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตามอำเภอใจอาจพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย เหมือนที่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไปนั่งตบยุงใน สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีรัฐมนตรีอีกเจ็ดคนที่ร่วมลงมติให้ย้ายนายถวิล ต้องพ้นจากหน้าที่ไปด้วยในความผิดอาญา มาตรา 157
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นายภูมิธรรม ออกแถลงการณ์ในขณะที่กระทรวงกลาโหมนัดประชุม โดยมีวาระการแต่งตั้งโยกย้ายทหารประจำปีภายในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เป็นเรื่องหลัก ดังนั้น”แถลงการณ์”ของ ภูมิธรรม จึงถูกมองว่า ตั้งใจประณามออกสื่อหวังให้รัฐบาลรักษาการ“ลุงตู่”ยุติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงทุกตำแหน่ง โดยระบุว่า ควรให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการนั้น
นายภูมิธรรม และพรรคเพื่อไทยจะหยุดลุงตู่ในฐานะรมว.กลาโหม ไม่ได้เพราะมีกฎระเบียบในสภากลาโหมบัญญัติว่าอำนาจหน้าที่การแต่งตั้ง
โยกย้ายของผู้นำเหล่าทัพ ถือเป็นอำนาจของสภากลาโหมนั่นเอง...ฉะนั้นจะไม่ให้ลุงตู่จัดโผทหารได้ คือ ต้องมีนายกฯภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้..
ในขณะที่สภา ยังไม่กำหนดวันเลือกนายกฯ ถึงแม้อาจเลือกนายกฯได้ในวันที่ 22 สิงหาคม ก็ต้องมีกระบวนการอีกหลายวันกว่าจะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอย่างเป็นทางการได้ คือ ต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ต้องมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตลอดรัฐบาลต้องแถลงนโยบายต่อสภาก่อนจะบริหารประเทศได้ กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามสัปดาห์ ซึ่งการประชุมสภากลาโหมไม่อาจรอได้ ดังนั้น แถลงการณ์ของนายภูมิธรรมจึงถูกมองว่ามีเป้าหมายประณามลุงตู่ออกสื่อ และเป็นการสร้างศัตรูกับกองทัพโดยไม่จำเป็น ประเด็นนี้จึงตรงกับคำพังเพยว่าปลาหมอตายเพราะปาก
ส่วนว่าที่แคนดิเดตนายกฯก็เข้าข่ายปากพาจนตรอก ตรงที่พูดว่า “ไม่ให้คนเดิมพรรคเก่าไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงที่เคยเป็น” และให้จัดสรรแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี หลังจากเลือกตั้งนายกฯในรัฐสภาแล้ว” คำพูดของว่าที่แคนดิเดตนายกฯได้สร้างความสั่นสะเทือนในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล ทำให้แกนนำว่าที่พรรคร่วมไม่แน่ใจว่า จะถูกเพื่อไทยดัดหลังหรือไม่
โดยเฉพาะนายเศรษฐาที่เคยพูดว่า “อย่าหวังจะได้นั่งกระทรวงดีๆ เพื่อไทยหาเสียงแทบตาย(กู)ไม่ให้พวกมึงหรอก”คำพูดของนายเศรษฐา ทั้งตอนหาเสียงและขณะที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจึงพูดได้ว่า “ปากพาจน (ตรอก)” ไม่ใช่ปากพาจนเงิน เพราะมหาเศรษฐีอย่างเศรษฐาเงินที่มีอยู่ใช้ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมด ความมั่งคั่งอย่างนี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายเศรษฐาพูดจาโอหังไม่ฟังใคร ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
สำหรับคนไทยเป็นนายกรัฐมนตรีพูดจาทำนองนี้ เท่าที่มีประสบการณ์ทำข่าวการเมืองมาพบว่าการตั้งรัฐบาลในอดีตได้จัดสรร หรือแบ่งปันเก้าอี้รัฐมนตรีในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลตกลงกันตั้งแต่ก่อนวันเปิดสภา นายเศรษฐา นักธุรกิจบ้านจัดสรรเป็นนักธุรกิจที่เคยพูดว่าไม่สนใจการเมือง คงเข้าใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลเหมือนจัดตั้งบริษัทบ้านจัดสรร หรือ บริษัททำการค้า ที่จดทะเบียนบริษัทจัดตั้งที่ทำการเสร็จแล้วค่อยหาผู้บริหารและพนักงานเอาภายหลัง เพราะมีเงินจ้างคนเก่งการตลาดมาทำงานกี่คนก็ได้
จากพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยและคำพูดไม่มีหางเสียงของว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทำให้หลายฝ่ายเกิดความสงสัยว่าการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งต่อไปจะได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่
ดังที่ สว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ กล่าวหลังจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาแฉภูมิหลังของนายเศรษฐาและความไม่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยอาจให้นายเศรษฐา ตกม้าตายก็เป็นไปได้
...“คนถืออำนาจการต่อรองทั้งหมดขณะนี้อยู่ที่ 2 ลุง คือ ลุงป้อม กับลุงหนู-นายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.)เป็นคนกำหนด แค่ลุงหนูถอนตัว เพื่อไทยก็เจ๊ง หรือ ลุงป้อมไม่เข้าร่วมด้วย สว.ก็ไม่โหวตให้ ดังนั้น ลุงไม่มีเพื่อไทยได้ แต่เพื่อไทย ไม่มีลุงไม่ได้ ทางของพรรคเพื่อไทยตีบมากอาจไม่ได้อย่างที่หวัง เพราะอำนาจต่อรองน้อยกว่าฝั่ง 2 ลุง” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ถึงวันนี้ นายเศรษฐา สมควรต้องรู้ตัวว่า สถานะของตัวเองเป็นอย่างไร คำประกาศไม่ให้คนเดิมพรรคเก่าไปนั่งเก้าอี้ รมต.กระทรวงเดิมนั้น เป็นแค่ “ฝัน” กลางแดด ส่งผลกระทบให้ไทม์ไลน์ของการโหวตนายกฯ ระหว่างวันที่ 21-22 ส.ค. ดูต้องตามลุ้นกันต่อไป
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี