นึกเอาว่าท่านผู้ทรงเกียรติที่ประชาชนกว่า 52,238,594 รายเดินเข้าคูหากากบาทเลือกนักการเมืองมาทำงาน น่าจะมีวิจารณญาณ, สามัญสำนึกเพิ่มมากกว่าท่านผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 เสียอีก เพราะสภาฯชุดนั้นล่มครั้งแล้วครั้งเล่าจนกลายเป็นเรื่องปกติ ทว่า หน้าที่ไร้ยางเรื่องราวเช่นนี้ก็เกิดขึ้นสม่ำเสมอ กระทั่งหมดวาระการทำหน้าที่ และรัฐบาลจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปขึ้นเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า สังคมคิดกันไปเองว่าวิจารณญาณและสามัญสำนึกพึงบังเกิดกับนักการเมืองยุค 5จี แต่ตรงกันข้าม กลับเป็นความพยายามสร้างเกมการเมืองมาต่อรองกันมากขึ้น โดยที่สังคมไทยและประชาชนไม่ได้อะไรเลย แถมถูกจับเป็นตัวประกันในเกมนี้อีกต่างหาก
พุธที่ 30 สิงหาคม 2566 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ มีร่างพระราชบัญญัติและญัตติที่ค้างการพิจารณาทั้งสิ้น 37 เรื่อง ซึ่งมีญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ของ “อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ” และญัตติในทำนองเดียวกันของสส.อื่นๆ อีก 10 ฉบับ และยังมีญัตติที่เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีญัตติที่เสนอโดย “พรรคก้าวไกล” เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเสนอโดย “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล” อยู่ลำดับที่ 33 เรื่องนี้รัฐบาลเคยยืนยันว่าจะจัดเป็นวาระแห่งชาติและนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในคราวแรกที่รับหน้าที่ แต่พรรคก้าวไกลร้อนรนมองว่าเป็นวิกฤตเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการกว่าปัญหาปากท้องของประชาชน ขอเลื่อนญัตติที่ 33 ขึ้นมาให้สภาพิจารณาก่อน
“อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ” ไม่ยอม ทำให้สส.ก้าวไกลขอว่า ถ้าไม่เลื่อนในการประชุมครั้งที่ 11 ในการประชุมครั้งที่ 12 ขอให้เลื่อน เพราะต้องการให้รัฐบาลดำเนินการตามที่แถลงในวันจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถเจรจาต่อรองกันได้
พรรคก้าวไกลสำเหนียกเรื่องนี้ไหมว่า ต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนในการดำเนินการ “พรรคก้าวไกล” ... “พิธาคิโอ,ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ท่านผู้ทรงเกียรติที่หาเก้าอี้นั่งในฝ่ายบริหารตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”ไม่ได้ แถมเก้าอี้ท่านผู้ทรงเกียรติในสภาฯผู้แทนราษฎรก็ไม่มีให้นั่งเพราะฉลาดและพัฒนาการเจริญสุดโต่งแพ้ภัยมาตรา 98 อนุมาตรา 3 ทั้งไม่พยายามรับเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านอีกต่างหาก
เอาสั้นๆ ง่ายๆ เพื่อปูนบำเหน็จให้ “ท่านรองประธานหมูกระทะ-ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ที่เคยได้ยินเสียงเคาะกะลาให้เป็นประธานสภาฯและประธานรัฐสภา ก่อนเสียงเคาะกะลานั้นเป็นแค่ความฝันตื่นมาขึ้นมาพบความจริงแค่เก้าอี้รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง
ไม่สำเหนียกหรือไม่มีสำนึกที่ว่า “การออกเสียงลงคะแนนแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา โดยในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา”
4 ปีที่แล้ว ก็มีความพยายามกันหลายครั้งที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเข้ามาดำเนินการ ต้องใช้เสียงฝ่ายค้านอย่างน้อย 38 เสียง เมื่อ “พรรคก้าวไกล”ไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตามมาตรา 256 จะหา 38 เสียงมาจากไหน ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านร่วมอย่าง “ค่ายพระแม่ธรณี-พรรคประชาธิปัตย์” มีเพียง 25 ที่นั่งและยังแปลกแยกแตกเป็นสองฝ่ายในพรรคที่ยังไม่มีประมุขพรรคอีกต่างหาก
การขอลัดคิวญัตติ เพื่อ???เคาะกะลาหลอก “อุปกรณ์การเกษตร-ด้อมส้ม”อย่างนั้นหรือ
“พิธาคิโอ, ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-พรรคก้าวไกล” สำเหนียก-ปิดเวที “ก้าวไกลการละคร” เริ่มต้นจัดทุกอย่างตามระเบียบข้อบังคับและบทบัญญัติของกฎหมาย ก่อนดีกว่าไหม
ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร-ปัญหาปากท้องประชาชน คือปัญหาของแผ่นดิน
พฤติกรรมเกมเดิมๆในการนับองค์ประชุมอาจเอาชนะได้ในสภา แต่ชนะแล้วใครได้ประโยชน์ล่ะ
ปิดเวที “ก้าวไกลการละคร” ใช้สภาแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร-ประชาเหมือนเมื่อครั้งสำรอกสำรากบนเวทีปราศรัยหาเสียง เป็นคุณแก่แผ่นดินสักครั้งจะดีกว่าไหม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี