เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ “พระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษ” นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือจำคุกต่อไปอีก 1 ปี
1. เนื้อความใน “พระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษ” ระบุว่า “นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตรยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ”
ระบุถึงคำพิพากษา ๓ คดี คดีที่ ๑ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก ๓ ปี คดีที่ ๒ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก ๒ ปี ซึ่งคดีที่ ๑ กับคดีที่ ๒ นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก ๓ ปี และคดีที่ ๓ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก ๕ ปี รวมกำหนดโทษจำคุก ๘ ปี
ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา
ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน เหลือโทษจำคุก ๗ ปี ๑๑ เดือน ๒๐ วัน
ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร อายุมากมีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
“...ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ ให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก ๑ ปีตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือ และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป”
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ผมเห็นว่า ต่อไปนี้ ทักษิณ และพวก ไม่อาจอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดี คดีการเมือง ไม่ยอมรับคำพิพากษา หรืออ้างวาทกรรมเรื่องผลไม้พิษ ผลพวงรัฐประหาร โจมตีดิสเครดิตคำพิพากษาคดีทุจริตประพฤติมิชอบทั้ง 3 คดีข้างต้นอีกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะถือว่าขัดต่อพระราชโองการที่ตนถวายฎีกายอมรับด้วยตนเอง
หลังจากนี้ นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ควรจะแสดงความจงรักภักดีอย่างแท้จริง โดยรับโทษจำคุก 1 ปี ติดคุก 1 ปี เป็นแบบอย่างให้คนทั้งประเทศเห็นว่า ยอมรับโทษจำคุก 1 ปีจริงๆ จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชน
ไม่ใช่ไปนอนพักในห้องหรูหราชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจจนถึงวันออกจากคุก
2. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรณีของทักษิณ ถือว่า เป็นนักโทษที่ถูกจำคุก 1 ปีซึ่งนักโทษจำคุก 1 ปี คนอื่นได้รับสิทธิประโยชน์อย่างไร นายทักษิณก็อยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิเช่นนั้น รวมถึงการได้รับการลดหย่อนโทษเมื่อถึงเวลาลดหย่อนทั่วประเทศ ถ้ามีการลดกันก็จะได้สิทธิเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ
“ยังลดโทษได้อีก แต่จะลดมั้ยไม่รู้ บางคนคาดหมายว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ วันพ่อแห่งชาติ อาจลดได้อีก” นายวิษณุ กล่าว
3. นับจากวันที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ
เท่ากับว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือจำคุกต่อไปอีก 1 ปี
ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่า ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังและการแยกคุมขัง การเลื่อนหรือลดชั้นนักโทษเด็ดขาด การลดวันต้องโทษจำคุกและการพักการลงโทษ พ.ศ. 2559 นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร จะต้องถูกจัดชั้นโดยราชทัณฑ์ต่อไป
สถานีข่าว Top News รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ถูกจัดเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง และถูกปรับเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีโดยอัตโนมัติ ตามระเบียบดังกล่าวที่กำหนดไว้ว่า ให้นักโทษเด็ดขาดที่เข้าเรือนจำในเดือนสิงหาคม ถูกเลื่อนชั้นจากนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี
ทั้งนี้ หากผู้ต้องขังรายใดเข้าเรือนจำฯ ในเดือนกันยายน ก็จะต้องรอรับการปรับชั้นนักโทษในเดือนธันวาคม
4. การพักโทษ นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
แหล่งข่าวระบุว่า เรื่องของการพระราชทานอภัยโทษตามวันสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะที่จะถึงในเร็ววันนี้ คือวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ซึ่งไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่า ในวันสำคัญต่าง ๆ นั้น จะมีพระราชทานอภัยโทษหรือพระราชทานอภัยลดโทษให้อีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่มิอาจก้าวล่วงได้
อย่างไรก็ตาม จะมีเรื่องเกณฑ์อายุของผู้ต้องขัง เช่น กรณีเป็นผู้ต้องขังสูงวัย พ่วงด้วยโรคอาการเจ็บป่วย ซึ่งอาจจะได้รับการพิจารณาพักโทษ
ผู้บัญชาการเรือนจำจะดำเนินการตรวจดูเรื่องหลักเกณฑ์ว่า ผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดีรายใด เข้าเกณฑ์พักโทษ และรายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ แล้วจะพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติ ท้ายสุด จึงจะแจ้งให้ผู้ต้องขังรับทราบ
ที่ผ่านมา มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายรายที่ได้รับการพักโทษและออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้านนอก เพียงแต่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในการรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ เช่น
กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย / กรณีของนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นต้น
อีกทั้งบางรายอาจจะมีการติดกำไลอีเอ็มสักระยะ แต่หากคณะกรรมการเห็นว่ามารายงานตัวปกติ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะอนุญาตปลดกำไลอีเอ็ม
แหล่งข่าวอธิบายอีกว่า ถือเป็นเกณฑ์ปกติสำหรับนักโทษเด็ดขาดที่ได้เข้าเกณฑ์การพักโทษ เช่น การเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ไม่เคยประพฤติผิดวินัย หรือขณะที่อยู่ในเรือนจำมีความประพฤติดี ซึ่งเรือนจำฯ ก็จะมีการเสนอแจ้งไปยังผู้ต้องขังว่า เข้าเกณฑ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ ระหว่างการพักโทษ ผู้ต้องขังจะอยู่พื้นที่ใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีเงื่อนไข คือ ห้ามก่อคดี ห้ามกระทำความผิดระหว่างการคุมประพฤติ
กรณีของนายทักษิณที่เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ทางคณะกรรมการอาจพิจารณาการพักโทษตามเงื่อนไขการที่ระบุไว้ข้างตน ส่วนเรื่องจำกัดรัศมีกิโลเมตรหลังการพักโทษนั้น แล้วแต่รายบุคคล เพราะบางรายอาจจะถูกเงื่อนไขจำกัดได้แค่พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนถ้าจะไปต่างจังหวัด ก็ต้องดำเนินการแจ้งขออนุญาต อย่างไรก็ตาม การพักโทษจะเป็นความรับผิดชอบของหน้างานกรมคุมประพฤติ และเมื่อจบกระบวนการพักโทษ จึงค่อยดำเนินการรายงานต่อศาล แล้วเข้าสู่กระบวนการปล่อยตัวตามวันเวลา เพราะถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว
5. นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร จะได้กลับไปนอนในเรือนจำเมื่อไหร่?
สถานีข่าว Top News ถามถึงเรื่องการนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจ จะมีกรอบเวลาถึงเมื่อไหร่?
แหล่งข่าวระบุว่า การนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ จะนานเท่าใดก็ขึ้นอยู่ที่อาการความเจ็บป่วยหนักหรือเจ็บป่วยเบา ซึ่งจะต้องได้รับการประเมินวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ทำการรักษา
หากแพทย์ประเมินว่า จะต้องอยู่รับการรักษาต่อเนื่องก็ต้องอยู่
แต่ถ้าประเมินว่าอาการทุเลาดีขึ้นพิจารณาส่งกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็สามารถกลับเข้าไปรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้
แหล่งข่าวยังยืนยันด้วยว่า นายทักษิณได้ดำเนินการยื่นเอกสารขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา อันเป็นวันแรกที่นายทักษิณเดินทางกลับมายังประเทศไทยและถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งมีเอกสารประกอบการถวายฎีกา ทั้งคำพิพากษาของศาลรายคดี / เอกสารรายงานคุณงามความดี / ข้อมูลประวัติการรักษาอาการเจ็บป่วย / และหลักฐานอื่นๆ ส่วนตัว
แต่ภายหลังการยื่นนั้น ก็เป็นกระบวนการตรวจสอบเอกสารของทางเรือนจำฯ /กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ไปตามลำดับชั้น จึงเป็นห้วงเวลาตามที่สังคมได้เห็นกัน 10 วัน นับแต่วันที่ 22 สิงหาคม ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยลดโทษลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566
6. สุดท้าย ...
หลังผลการเลือกตั้งออกมาเช่นว่า... พรรคก้าวไกลมาอันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยอันดับสอง พรรคภูมิใจไทยอันดับสาม...
คงไม่มีใครคิดว่าทักษิณจะกลับมาเพื่อติดคุก 10 ปี
ลองคิดว่า ถ้าฝ่ายก้าวไกลเป็นรัฐบาลกับเพื่อไทย อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?
ความพยายามจะช่วยทักษิณ มีถึงขนาดว่าศาสดาสามนิ้วบอกว่าทักษิณไม่ต้องติดคุกเลยด้วยซ้ำ จะมีการลบล้างคำพิพากษาคดีทักษิณแน่นอน
แนวทางนั้น ผลลัพธ์ต่างกับพระราชทานอภัยลดโทษ ที่ นักโทษเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร ต้องยอมรับคำพิพากษา ยอมรับว่าทำผิดจริง ในคดีความผิดต่อหน้าที่ราชการ 3 คดี
ลองคิดว่า หากประเทศไทยได้รัฐบาลเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟอย่างไร? มหาอำนาจต่างชาติจะฉวยโอกาสเข้าแทรกแซงได้ขนาดไหน?
ถ้าแบบนั้น ใครจะชนะสุดท้าย ยังไม่รู้หรอก
รู้แต่ว่า อยู่บนซากปรักหักพังของประเทศชาติแน่นอน
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี