ออกอาการ “เจ๊กตื่นไฟ” ไม่น้อยกับรัฐนาวา “นิด1” ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเป็นกัปตันนำพาประเทศไทยและประชากรกว่า 66 ล้านคน ที่8-9 ปีก่อนหน้านี้ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นักการทหารในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหารคสช.เสียสละชีวิตส่วนตัว กระโจนลงสนามการเมือง มาสลายความขัดแย้งในสังคมไทย
นำพาสมาชิกในสังคมและประชากรไทยทั่วทุกภูมิภาคก้าวข้ามผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างสมควรยอมรับผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการจับมือก้าวข้ามผ่านโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
8-9 ปี ที่สังคมไทยผ่านความยากลำบากทั้งวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั้งสงครามการค้าของมหาอำนาจตะวันตกอย่าง “จักรวรรดินิยมอเมริกา” กับ “ยักษ์เอเชีย อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน” ไปจนถึงวิกฤตความขัดแย้งระหว่าง “ยูเครนกับ รัสเซีย” จนกลายเป็นสงครามที่ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตราคาพลังงานไปทั่วโลก
ผลการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ “รัฐบาลลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ถูกบูลลี่ว่าเป็นการกู้เงินมากกว่าการหารายได้เข้าประเทศ ปรากฏว่า ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะอยู่ที่ 10.7 ล้านล้านบาท แต่เป็นหนี้ต่างประเทศ 0.17 ล้านล้านบาท หรือราว 1.6% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าในอดีตมาก
ขณะเดียวกันการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตซ้อนวิกฤตด้วยการสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ปรากฏว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว สร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยรวมถึงนำเสนอศักยภาพด้านศิลปวัฒนธรรม ต่อยอดเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรม เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2564 สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประเทศถึง 2.16 แสนล้านบาท และสร้างรายได้เพิ่มเป็น 1.23 ล้านล้านบาท ในปี 2565
ในปี 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยราว 29.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว1.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 164.6 แล้วในปี 2567 รัฐบาลลุงตู่ตั้งเป้าว่า จะได้ตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยว 2.3 ล้านล้านบาท
แต่บัดนี้รัฐบาลเปลี่ยนมือแล้ว เป็นรัฐบาล “นิด1” ภายใต้กัปตันที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” และ “ปุ๋ง - สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เป้าหมายรายได้รัฐไม่ใช่ตัวเลขอุปโลกน์ ทว่ารัฐบาลลุงตู่สร้างอานิสงส์อย่างยิ่งใหญ่ให้รัฐบาลนี้เพราะ “นิตยสารอินเตอร์เนชั่นแนลลีฟวิง” จัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำเหมาะแก่คนวัยเกษียณมาพักอาศัยใช้ชีวิตแย่งคนไทยสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อต่ออายุขัยให้ยืนยาวในระดับ “ท็อปเทน” แถมเป็นประเทศเดียวในเอเชีย เพราะมี “ธรรมชาติสวยงาม อสังหาริมทรัพย์ถูก”
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ มาสเตอร์การ์ด ระบุว่า ในปี 2566 ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยม เพราะเสน่ห์ที่โดดเด่น “ธรรมชาติสวยงาม ค่าครองชีพต่ำ” มีนักท่องเที่ยวที่ต้องการกลับมาสัมผัสกับเสน่ห์ของประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
อะไรจะกระตุ้นให้ “เศรษฐา ทวีสิน” อยากโชว์ความสามารถในการบริหารประเทศตามนโยบายทักษิณคิดก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมอานิสงส์ที่“ลุงตู่”สร้างไว้ให้ต่อยอดให้ เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเครื่องนี้ พาสังคมไทยและเศรษฐกิจประเทศไทยเจริญพัฒนาเทียมอารยประเทศ
จะเจ๊กตื่นไฟกับการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร/แค่ไหน ทัวริสต์ต้องบูม
อย่าให้อานิสงส์“ลุงตู่”ทำโลกคลั่งไคล้เที่ยวไทย “สูญเปล่า”!?!?!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี