“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า, แนวหน้าออนไลน์สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏให้สังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์นักการเมือง เสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ติ่งแดงด้อมส้มส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี สาวกโจรปล้นชาติอย่างเท่าเทียม”...
nn เริ่มความจริงแรกด้วยพิธีกรรมตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 156 ที่บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ ทั้งนี้ ภายใน 15 วันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ซึ่งมีกำหนดวาระการประชุมรัฐสภาวันที่ 11 ก.ย. 2566...
nn ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่อะไรเลย “รัฐนาวานิด 1” ก็เจอพิษไอ้โม่งนินจาไม่ปรากฏสังกัดเอา “คำแถลงนโยบายของ รัฐบาลนิด 1 ของนายเศรษฐา ทวีสิน” เอามาเผยแพร่สาธารณชนเสียอย่างนั้น ราวกับจะท้าทาย “นายกฯทิพย์และพลพรรคก้าวไกล” ที่ประกาศจะตรวจสอบนโยบายรัฐบาลเข้มข้นให้สาแก่ใจที่ถูกถีบมาเป็นฝ่ายค้าน จนลืม “ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง” วิพากษ์วิจารณ์ด้อยค่านโยบายรัฐนาวานิด 1 เสียแล้ว...
nn “ไม้หน้าสาม” เห็นร่างคำแถลงนโยบายรัฐนาวานิด 1 ที่มีความยาว 52 หน้า พบว่ามีนโยบายการแจกเงิน “ดิจิทัลเพื่อไทยคอยน์ 10,000 บาท” อยู่ด้วย โดยไม่ได้ระบุที่มาจำนวนเงินและแหล่งที่มาของเงินที่จะมาใช้ดำเนินการตามหนโยบาย ... “ไม้หน้าสาม” มองว่า “เรื่องงบประมาณรัฐถ้าไม่ใจบอดดำไม่อคติจนเกินไป “รัฐนาวานิด 1” ควรชื่นชมผลการปฏิบัติหน้าที่ของ “รัฐบาลลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่วางรากฐานจนผลิดอกออกผลมาให้รัฐบาลนี้ได้ดำเนินนโยบายอย่างไม่ขัดสน และหากจะใช้นโยบาย “ดิจิทัลเพื่อไทยคอยน์ หรือ พีดีซี (PDC)” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนด้วยการแจกกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)ที่มีจำนวนเงิน 10,000 บาท ซึ่งต้องใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 5.5 แสนล้านบาท...
nn ช่วยป่าวประกาศดังๆ ชัดๆ ด้วยว่า รัฐบาล “รปภ.ลุงตู่” สามารถจัดเก็บรายได้รัฐในปีงบประมาณ 2565 เกินเป้าหมาย 2.566แสนล้านบาท ในขณะที่ 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าประมาณการ 1.25 แสนล้านบาท มาใช้จ่ายสนับสนุน แล้วตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาด้วยว่าวินาทีนี้ยังต้องกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้อีกหรือไม่ ถ้าคณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อจากรัฐบาลลุงตู่ไม่ดำเนินการแบบ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”อย่างการทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดกว่า 7-8 แสนล้านบาท ซึ่งมีนักการเมืองขี้ข้าติดคุกตะรางแทนผู้บงการอยู่เฉกเช่นทุกวันนี้...
nn “ไม้หน้าสาม” เข้าใจความรู้สึกของผู้คนในสังคมไทยดีกับเม็ดเงินจำนวน 10,000 บาท ที่ได้มาฟรีๆ ทว่า ... นี่คือจุดเริ่มต้นของการปลุกผี “ระบอบทักษิณ” ให้กลับมาสร้างหายนะครั้งใหม่ฉุดรั้งการพัฒนาความเจริญของประเทศเหมือนอย่างที่ผ่านมา ซึ่งคนในตระกูลที่ทายาทผู้สืบทอด “ดีเอ็นเอ” ยกให้เป็น “เทวดา” แทนที่จะเป็นแค่ “นักโทษคดีทุจริตคอร์รัปชั่นหนีกบิลเมือง” ... วันนี้ “สังคมไทย”สามารถที่จะมีพัฒนาการความเจริญเทียมเท่าอารยประเทศได้อย่างไม่อายใครจาก “อานิสงส์” ที่ “ผู้นำ” ซึ่งเคยถูกปรามาสเคยถูกบูลลี่ว่า “ผนงรจตกม.-ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด” รดน้ำพรวนดินจนผลิดอกออกอานิสงส์มาในช่วงที่มีการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลตามประสงค์ของประชาชนชาวไทยผ่านการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566...
nn ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย แต่ ... ในเวลาที่เศรษฐกิจประเทศกำลังเดินเครื่องไปเรื่อยๆ อย่าง “มีระบบมีจังหวะจะโคน” จำเป็นต้องนำเงินกว่า 5.5 แสนล้านนี้ มาละลายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหรือ เปลี่ยนไปถ้านำเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งมาดำเนินการจ่ายให้ “ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วให้นโยบายพักหนี้เกษตรกรครอบคลุมทุกกลุ่ม ... นำเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งไปจ่ายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อกดราคาขายน้ำมันเบนซิน, ดีเซล ราคาก๊าซหุงต้ม ไปจ่ายอุดหนุนให้ราคาค่าไฟฟ้าปรับลดลงมา จะบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกครัวเรือนกว่าเดิมเมื่อต้นทุนลดต่ำลง “รัฐนาวานิด 1” คุมเข้มกลไกตลาดราคาสินค้าในตลาดก็ย่อมลดต่ำลง “ค่าครองชีพ” ก็จะลดลง “เงินเฟ้อ” จะย่อยสลายด้วย...
nn “รัฐนาวานิด 1 ของ เศรษฐา ทวีสิน” สามารถแบ่งเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งไปเป็นสวัสดิการประจำเดือนกลุ่มเปราะบาง จากที่เคยได้รับ 800 บาท เพิ่มเป็น1,500, 2,000 บาท เมื่ออำนาจการซื้อเพิ่มขึ้นการใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเกิดการหมุนเวียนในระบบหรือนำไปใช้จัดหาอุปกรณ์การแพทย์เพิ่มผลตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ป้องกันสมองไหล สร้างโรงพยาบาลพร้อมผลิตบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มจำนวนขึ้น เท่ากับเป็นการซื้อชีวิตประชาชนให้มีสุขภาพที่ดีรัฐมีความพร้อมในการดูแลรักษาชีวิตประชาชนให้แข็งแรงสมบูรณ์ เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ของประเทศชาติบ้านเมืองตามมาตรา 55 ในรัฐธรรมนูญ น่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดไม่ดีกว่าหรือ...
nn แบ่งเงินก้อนนี้มาเป็นทุนสนับสนุนต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้รัฐ ด้วยการอำนวยความสะดวกปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็ควีซ่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE) เพื่อดูดรายได้เข้าประเทศแล้วรัฐนาวานิด 1 ก็เร่งสร้างรายได้ต่างๆ ตามระบบเศรษฐกิจทั้งการส่งออกทั้งภาษีเงินได้มารอเวลาสุกงอม รัฐมีความพร้อมทุกอย่างก็กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการแจกเงินตามนโยบาย “ดิจิทัลเพื่อไทยคอยน์ หรือ พีดีซี (PDC)”เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนด้วยการแจกกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ที่มีจำนวนเงิน 10,000 บาท ก็ไม่เสียหายได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายในเวลาที่เหมาะสมที่ถูกที่ควรด้วย...
nn “ไม้หน้าสาม” สมเพชกรณีคำอภิปรายของนักการเมืองสาวศีลเสมอ “พิธาคิโอ้” อย่าง “ไอซ์-รักชนก ศรีนอก” สส.กทม. เขต 28 ที่หยิบข้อความใน “ถุงกระดาษใส่กล้วยแขกที่เป็นข่าวลือ” มาอภิปรายกล่าวหาใส่ร้าย “นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)” เป็นตุเป็นตะทำงานไม่คุ้มเงินเดือน ใช้ภาษีประชาชนไป “สหรัฐอเมริกา” เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวเนื่องจากมีคลินิกอยู่ที่นั่น ... แค่ข่าวลือก็เอามาอภิปรายโจมตีใส่ร้ายกันได้ถึงเพียงนี้... “น้องไอซ์-รักชนก ศรีนอก” การศึกษาก็น่าจะสูง ทว่า สามัญสำนึก วิจารณญาณและวุฒิภาวะหาได้สูงตามการศึกษาไม่??? ลองตริตรองและหา “วรรคทอง ใน ลิลิตพระลอ” อ่านเพื่อหลุดพ้น “กะลา” แล้วไม่สร้างพฤติกรรมต่ำตมเยี่ยงนี้ใน “สัปปายะสภาสถาน” อีก เมื่อมีสมาธิ สติ ปัญญาเกิดก็น่าจะเหมาะสมเป็น “ท่านผู้ทรงเกียรติ” ขึ้นมาบ้าง...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี