ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น “รัฐบาลลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผนงรจตกม.- ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด”ได้วางรากฐานและบริหารการคลังของประเทศจนมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 2.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.17 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก และถือว่าอยู่ในระดับมั่นคง โดยคิดเป็นประมาณ 3 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น สูงกว่ามหาอำนาจตะวันตกอย่างฝรั่งเศส และ อิตาลี ขณะที่บุพการีของนักการเมืองชังชาติอย่าง “จักรวรรดินิยมอเมริกา”อยู่อันดับ 13 ในอาเซียนเป็นรองแค่สิงคโปร์ชาติเดียวเท่านั้น
นอกจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เป็นสกุลดอลลาร์แล้ว ไทยยังถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศที่เป็นทองคำอยู่ที่ 157 ตัน เป็นอันดับที่ 27 ของโลกในปี 2013 และเพิ่มเป็น 2,544.16 ตัน ใน 10 ปี เป็นอันดับสองของเอเชียรองจากจีน
ช่างเข้ากับเสียงสำรอกสำรากติ่งแดงด้อมส้มอุปกรณ์การเกษตรที่ว่า ผู้นำโง่เราจะตายกันหมดจริงๆ แต่คงไม่ใช่ “ลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรอกเพราะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ไปแล้ว
แล้วเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีประโยชน์อย่างไร??
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เป็นกันชนให้ระบบเศรษฐกิจไทยในการรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนจนส่งผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกและราคาสินค้าซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่แท้จริงของประเทศได้ รวมทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญที่ต่างชาติใช้ประเมินความมั่นคงและเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศด้วย
เมื่อผลัดรัฐบาลใหม่ได้จอมโปรเจกท์อย่างพรรคเพื่อไทย ที่ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือพระกาฬที่บริหารธุรกิจของตนเอง “บริษัท แสนสิริ” ประสบความสำเร็จ และกำลังจะบริหาร “เมกะโปรเจกท์” ... “นโยบายระดับ Flagship” ที่เรียกกันว่า “ดิจิทัล วอลเลต หรือที่ “พรรคเพื่อไทย” เรียกว่า “เหรียญดิจิทัลเพื่อไทยคอยน์ หรือ พีดีซี (PDC)”โดยให้ตรรกะว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่สำคัญสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องกระตุ้น เพราะเศรษฐกิจของประเทศเจริญพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่นามธรรม แต่เป็นรูปธรรมที่แสดงด้วยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ศึกษาวิเคราะห์ได้
ในขณะที่มีภาคส่วนอื่นที่รัฐบาลสมควรเข้าไปดูแลอย่างเร่งด่วน อาทิ ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำต่อวัน, อัตราค่าพลังงานทั้งไฟฟ้า น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลส่งผลให้ค่าครองชีพประชาชนสูงทำให้ระดับราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคถีบตัวสูงขึ้น ค่าอาหารกลางวันเด็กที่จะต้องเจริญเติบโตให้ไปเป็นอนาคตที่สำคัญของประเทศยังไม่ได้รับการเหลียวแลจัดสรรให้อยู่ในระดับที่สมควรจะเป็น
ทว่างบประมาณบางส่วนถูกใช้ไปในสิ่งที่มีผลตอบแทนไม่คุ้มค่า
แถมยังเป็น งบประมาณเพื่อผู้ทรงเกียรติ...งบช้างป่วยโดยแท้
งบเพื่อผู้ทรงเกียรติที่รัฐจัดสรรงบประมาณค่าอาหารกลางวันท่านผู้ทรงเกียรติเฉลี่ยวันละ 1,000 บาท โดยไม่ได้ทำประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น สภาผู้แทนราษฎรยังมีความเสี่ยงองค์ประชุมไม่ครบ สภาฯล่มได้ทุกเมื่อเมื่อนำมาเทียบกับค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนต่อหัวแล้วต่างกันถึง 50 เท่า
งบช้างป่วยที่ ครั้งหนึ่ง “พิธาคิโอ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”นายกฯอุปโลกน์ - หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยอภิปรายท้วงติงว่ามียอดสูงเกือบสามแสนล้านบาทเทียบเท่างบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ เป็นงบประมาณที่เป็นภาระของประเทศทำให้ไม่มีงบเหลือมากพอจะนำไปพัฒนาประเทศชาติ ในด้านอื่นได้ ทั้งที่เป็นเงินภาษีอากรประชาชนที่นำมาดูแลอดีตขุนศึกที่สร้างคุณูปการตลอดชีวิตการทำงานกว่า 15 ปีจนเกษียณ“พิธาคิโอ”ประสงค์จะดำเนินการอย่างไรกับงบประมาณจำนวนนี้ เราไม่สามารถทราบสามัญสำนึกและความนึกคิดเหล่านั้นได้
แต่ที่ผ่านมา “พิธาคิโอ - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”กลับไม่พูดถึงงบประมาณที่จัดสรรตาม “พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2556” เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ทั้งการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ, การจ่ายเงินช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล, การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีทุพพลภาพ, การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีถึงแก่กรรม,การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีการให้การศึกษาบุตร และสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด
เงินนี้มาจากไหน “ ...(เงินกู) ... ภาษีอากรของประชาชนที่รัฐบาลจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจําปีให้ เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค รวมกับเงินที่สมาชิกรัฐสภาซึ่งได้ส่งเงินเข้ากองทุนมีสิทธิ์ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ แห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด
นักการเมืองเสียชาติเกิดและนักเลือกตั้งชังชาติที่ไม่มีสามัญสำนึกไร้จริยธรรมขาดมโนสำนึก จึงหน้าด้านกว่าตามพ่อสอนไว้ เลือกที่จะไม่พูดไม่อภิปรายใดๆ ที่จะเสียผลประโยชน์แห่งตนเอง จึงเดียงสาจัดลำดับความสำคัญไม่ถูกต้อง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี