นายกฯ สิงคโปร์คนปัจจุบัน ได้สรุปถึง “ประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำ” อย่างกระชับย่อ ดังนี้ (ตอนที่ 3)
“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อินเดียนแดง” นับตั้งแต่ “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” ค้นพบทวีปอเมริกาในปี ค.ศ.1492 ชาวผิวขาวจากยุโรปก็เริ่มอพยพไปสู่ดินแดนที่ถูกเรียกว่า “แผ่นดินใหม่” กันอย่าง “สุดกระหน่ำ”
โดย “สเปน” เข้าไปไล่ล่าครอบครองอเมริกาใต้ได้เกือบทั้งทวีปอย่างเบ็ดเสร็จ ปล่อยให้ “บราซิล” เท่านั้นที่เป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส ในขณะที่
เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ดินแดนในอเมริกาใต้ แบบ “จิ๊บ จิ๊บ” ระดับ “เศษเนื้อข้างเขียง”
ชาวยุโรปส่วนใหญ่ “เฮโล” ไปแสวงหาโชคลาภที่ทวีปอเมริกาเหนือ โดยชาวผิวขาวทั้งหลายต่างประจักษ์แจ้งว่า “อินเดียนแดง” ที่เป็นเจ้าของแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้น ล้วนเป็น “มนุษย์ล้าหลัง” ที่ไร้ศักยภาพในการปกป้องแผ่นดินของตนเอง
ดังนั้น “กองทัพสเปน” จึง “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อินเดียนแดงในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ สูญพันธุ์ไปหลายเผ่า”
ส่วน “คาวบอยชักปืนไว” ก็ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อินเดียนแดงในอเมริกาเหนือจนสูญพันธุ์ไปหลายสิบเผ่าเช่นกัน
อินเดียนแดงในปัจจุบันที่เหลือ กลายเป็นชนกลุ่มน้อย เป็นพลเมืองระดับล่างและที่ “กลายพันธุ์” จนไม่เหลือความเป็นอินเดียนแดง ก็มีไม่ใช่น้อย
ส่วนชาวผิวขาวเชื้อสายอังกฤษ ที่ไป “ครอบครองดินแดนในทะเลใต้” ในประเทศออสเตรเลีย ก็ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” คนพื้นเมือง หรือ “ชาวอะบอริจิน”
อย่าง “สุดโหด” จนวันนี้ชาวอะบอริจินแทบจะ “สูญพันธุ์” ในแดนจิงโจ้
“ชาวเมารี” ในประเทศนิวซีแลนด์ แม้จะไม่มีการบันทึก “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อย่างสุดโหด แต่ปรากฏว่า “ชาวเมารีนั้น ส่วนใหญ่กลายเป็นคนมีอายุสั้นตามธรรมชาติ” อายุแค่ 40-50 เท่านั้นก็บ๊ายบายโลกอย่างอัศจรรย์ ทำให้ชาวเมารีไม่เป็นปัญหาของชาวผิวขาว ที่เป็นมนุษย์มีอายุยืนยาวเหมือนคนทั่วโลก
“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โหดที่สุด” ได้เกิดขึ้นใน “สงครามโลกครั้งที่ 2”โดย “ฮิตเลอร์ได้ฆ่ายิวในยุโรปตายไปกว่า 6 ล้านคน” แล้วยังฆ่ายิปซีฆ่ากะเทย ฆ่าคอมมิวนิสต์และฆ่าคนนอกศาสนาอีกมากมาย
รายการที่ “โหดร้ายไม่แพ้ใคร” ได้แก่ “แฮร์รี เอส. ทรูแมน” ผู้นำอินทรีหัวขาว เป็น “มนุษย์อำมหิตคนแรกของโลกที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์
2 ลูกฆ่าประชาชนคนบริสุทธิ์ชาวปลาดิบ”
“ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกชื่อ ลิตเติ้ลบอย” ถูกสั่งให้ทิ้งใส่ “เมืองฮิโรชิมา”
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945
“ระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่สองชื่อ แฟตแมน” ถูกทิ้งใส่ “เมืองนางาซากิ” เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 จนทำให้ชาวปลาดิบที่บริสุทธิ์ทั้งสองเมือง “ต้องตายทันที และตายผ่อนส่ง” ไม่ต่ำกว่าสองแสนราย
นับแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ยังไม่มีจอมอำมหิตคนใดในโลกสั่งทิ้งระเบิดนิวเคลียร์สังหารผู้บริสุทธิ์อีก
อ่านตอนจบฉบับพรุ่งนี้ครับ
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี