อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน สำหรับรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ที่เร่งมือในการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตามที่สัญญาไว้กับประชาชนซึ่งจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ขอพยายามให้ทำอย่าให้ประชาชนมองว่าโดนหลอก หลังจากที่นายกฯเศรษฐา ลงพื้นที่หลายจังหวัดในภาคเหนือ สัปดาห์นี้นายกฯเศรษฐาพร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ จะเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ถ้าเดาใจนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ได้ก็คงรู้ว่านายกฯเศรษฐา คงไม่ประสงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้มันยุ่งยาก เพราะยังหาคำตอบไม่ได้ว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วประชาชนได้ประโยชน์อะไรบ้าง แต่ประเด็นดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องมาจากการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ต้องจำยอมยึดมั่นใจคำสัญญา แต่จะทำได้หรือไม่ได้ก็ยังไม่มีใครรู้ได้
ประมาณปลายปี 2563 กลุ่มไทยภักดีที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ออกแถลงการณ์ เรื่องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่โดยตั้ง ส.ส.ร. มีเนื้อหาน่าสนใจหลายประการขอเชิญชวนประชาชน ที่เป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่วมกันปกป้อง คัดค้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ด้วยเหตุผล รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านการลงประชามติเสียงข้างมากของประชาชน 16.8 ล้านเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการใช้อำนาจอธิปไตย โดยตรงของประชาชน และถือว่าเป็นอำนาจสูงสุด ที่นักการเมืองต้องเคารพ ถ้ายอมให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะนำไปสู่การต้องร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ เท่ากับว่าจะต้องร่างกฎหมายใหม่ทั้งสิ้น11 ฉบับ ทำให้ง่ายแก่การซุกประโยชน์ของนักการเมือง มีพรรคการเมืองบางพรรค อาศัยการล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่ (ที่ทะลุเพดานรัฐธรรมนูญ)
จุดเด่นของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ การปราบโกงโดยเฉพาะคดีอาญาไม่หมดอายุความ และการพิจารณาคดีลับหลังหากจำเลยหนีซึ่งอยู่ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีคดีทุจริตถูกตัดสิทธิ์สมัครสส.ตลอดชีวิต ซึ่งนักการเมืองไม่ชอบ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สามารถป้องกันสส.มาผลาญงบประมาณแผ่นดิน ปีละสามถึงสี่หมื่นล้านบาท เพราะในอดีตรัฐธรรมนูญไม่เข้มงวด แต่ฉบับนี้ทั้งรัฐมนตรีและสส. ถ้าถูกจับได้มีความผิด ต้องถูกถอดถอน
เจตนารมณ์กว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ ระบุว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีผู้ไม่นำพาหรือไม่นับถือยำเกรงกฎหมายการปกครองบ้านเมืองทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล
เหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่พบว่าปัญหาของรัฐธรรมนูญนี้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน กลับกลายว่ารัฐธรรมนูญนี้ ช่วยปกป้องประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ประชาชนยังยากลำบาก ควรจะประหยัดงบประมาณ 15,000 ล้านบาท ในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
จึงเห็นว่า ถ้าบรรดาพรรคการเมืองจะซีกรัฐบาล หรือฝ่ายค้านที่จะคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น ควรต้องตอบคำถามให้ชัดว่าแก้เพื่อใครและประชาชนได้ประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ก็ควรเสนอหน้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี