•บทสรุปผู้บริหาร ผู้นำ และประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ ความสุขเสมอภาคของประชาชน
๑. เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 : ภาพรวมของเหตุการณ์ในช่วงนั้นของสังคมไทย
๒. บทสรุปบางประเด็นสั้นๆ ที่เป็นกลาง มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และหลักฐานยืนยัน :
(แต่ความจริงแท้แน่นอนต้องแสวงหาความจริงที่มากขึ้นต่อไป : ขอให้มีการเริ่มต้น)
๓. เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง : ที่เป็นตัวชี้ถึง “ปัญหาวิกฤตยุติโดยรวดเร็วได้อย่างไร
พระราชดำรัสพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยทั้งประเทศของในหลวง ร.๙
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
@ หนังสือแจก ในการรณรงค์เรียกร้องรัฐธรรมนูญ
ซึ่งอัญเชิญพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้บนปก
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎร โดยทั่วไปแต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร”
๔. สถานการณ์การเมือง และผู้นำบุคคลและสถาบันสำคัญที่เกี่ยวข้อง
๕. การมองสังคมหนึ่งๆ ในกรอบคิดที่ถูกต้อง : เราจะมองให้ออกถึงภาพรวมของสังคมนั้น ได้อย่างไร (๑)
๖. การจัดสัมมนา เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เขียนเรียบเรียง โดย อ.จรัล ดิษฐาอภิชัย
และบทบาทของ ฝ่ายนักศึกษา และ ประชาชนฯ
๗. พลังของสังคมในช่วงนั้น
๘. History repeats itself เพราะ ผู้นำ ไม่เคยสรุปบทเรียนของรุ่นก่อนที่ทำผิดพลาดใหญ่
๙. การสรุปบทเรียนประวัติศาสตร์ อย่างมีสติปัญญา ความจริง
โดยต้องอาศัย ความกล้าหาญ เสียสละ ของผู้นำที่กล้าริเริ่ม
๑๐. มาทำความเข้าใจ หลักคิดที่มีสาระที่เกิดขึ้นในสังคมไทย จากการสรุปบทเรียน ๕๐ ปี ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖
๑๑. เรามาทำความเข้าใจ ที่มา ต่อ “หลักการ ในการกำหนด วาทกรรมทางการเมือง” ของตะวันตก
๑๒. การเรียนรู้และความเข้าใจประวัติศาสตร์ไทย ควรใช้หลักการ หรือ หลักคิดอะไร?
๑๓. ความคิดเห็นของนักวิชาการของสังคมไทย
๑๔. แนวในการเขียนบทความประกอบหนังสือ ครบ ๕๐ ปี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
ของผู้นำที่ร่วมในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖
………………………………………..
• @ ทั้งหมดนี้นำมาเสนอให้ผู้อ่าน ผู้นำในเหตุการณ์ ก่อนหน้าและหลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
และผู้รักบ้านเมืองอย่างแท้จริง รวมทั้งผู้สนใจ
ได้นำไปคิด ไปศึกษาค้นคว้า และข้อสรุปที่เป็นตัวจริง
ที่สามารถนำมาใช้ได้จริง คือ
๑. ได้สรุป “ความจริงของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
๒. จะเป็นที่มาส่วนหนึ่ง ของแก้ไขวิกฤตของสังคมได้จริง
๓. ได้แนวทางในการเปลี่ยนผ่านสังคมไทย ไปสู่สังคมประชาธิปไตย ที่ประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง
๔. ได้มีการนำไปปฏิบัติจริง โดยเริ่มจาก
(๑) มีการร่วมกันสรุปบทเรียนที่เป็นจริง
(๒) ได้แนวทางใหม่ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทย
(๓) มีการนำไปปฏิบัติ โดยนำไปเผยแพร่ และมีการศึกษาหาข้อสรุปและแนวทางร่วมกันของคนทั้งชาติ
ลงมือปฏิบัติแล้วปฏิบัติอีก และขอสรุปต่อ
จนกระทั่งเป็นแนวคิดร่วมกันของคนทั้งชาติ ที่จะเป็นพลังแผ่นดิน ที่มีพลังเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริง
(๔) ทำทันที 50 ปี 14 ตุลาคม 2566
• ข้อสรุปขั้นต้น หลังจากการเอาจริง และลงมือปฏิบัติหาข้อมูล แลกเปลี่ยนรับฟัง
ความคิดของผู้คนหลากหลาย
จากผู้คนและแกนนำที่เข้าร่วมเหตุการณ์และญาติพี่น้องของผู้มีอำนาจ
และคู่ขัดแย้ง รวมทั้งคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
• โดยขอสรุปประเด็นที่สำคัญของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
ที่มีผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างรุนแรง
• @ ความหมายคุณค่า คุณูปการใหญ่ของเหตุการณ์๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
เป็นการลุกขึ้นของมหาประชาชนไทยครั้งใหญ่ ที่เปิดฟ้าประชาธิปไตยไทยให้กว้างขวางขึ้น
เป็นโอกาสของพลังฝ่ายต่างๆ ที่ได้มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์พัฒนาศักยภาพของฝ่ายตน
ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม (หลังจากที่ถูกปิดกั้นมายาวนานกว่าสิบปี)
มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าขึ้น มาจนถึงทุกวันนี้
คือ “ทุกกลุ่มทุกฝ่ายในสังคมไทย ได้มีโอกาส ในการพัฒนากลุ่มและพลังของตนในสังคมไทย
โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จบลง
คือ “อำนาจเผด็จการของอำนาจเก่า จอมพลถนอม ประภาส ณรงค์หมดบทบาทลง”
และ มีอำนาจสำคัญ ๒ ส่วนที่ขึ้นมามีอำนาจแทน คือ
๑. รัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ ขึ้นมาทำหน้าที่
๒. กลุ่มทหารของพลเอกกฤษณ์ ประเสริฐ ทวีฯ เข้ามามีอำนาจทางการทหารแทน
และมีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ซึ่งเปิดกว้างให้ฝ่ายต่างๆ ทั้งนักศึกษา กรรมกร ชาวนานักธุรกิจพ่อค้า สื่อ ข้าราชการ นักการเมือง
ได้แสดงบทบาทของตนอย่างเต็มที่
แต่มีความคิดเห็นที่สำคัญ มีสาระ ที่มองว่า
พลังที่ได้มีโอกาสในการเปิดฟ้าประชาธิปไตยในสังคมไทยในช่วงนั้น มีความแตกต่างกันมาก
คือ มีพลังที่มีโอกาสมากกว่าพลังฝ่ายอื่นๆ คือ “พลังฝ่ายเศรษฐกิจของกลุ่มทุนใหญ่กลาง”
ที่ทำให้ เกิดนายทุนใหญ่มากขึ้น และมีการขยายเติบโตในด้านเศรษฐกิจและการค้าของประเทศ
และขึ้นมากุมอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของประเทศ
โดยพลังที่ทำได้น้อยที่สุดคือ “พลังภาคประชาชน กรรมกร ชาวไร่ชาวนา นักศึกษาและประชาชน”
เพราะมีความจำกัดในด้านทุนของตนเอง ทั้งทุนความคิดความรู้ทุนเงินทอง และ
ทุนในการสร้างศักยภาพของตนเอง
ในช่วงเริ่มต้น “มีแนวความคิดในการเผยแพร่ประชาธิปไตยไปสู่ประชาชน โดยเฉพาะในชนบท”
ซึ่งทำได้ดี เพราะ เป็นความคิดที่เริ่มต้นด้วยปรารถนาดี และทำด้วยความเป็นอิสระ เป็นตัวของตนเอง
ทำให้ได้รับการยอมรับ และการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง
แต่ เป็นเรื่องน่าเสียใจ ที่ต่อมา มีเรื่องความผิดพลาดเกิดขึ้น
คือ มีกลุ่มผู้นำนักศึกษาประชาชน ที่ยึดความคิดแนวทางสังคมนิยม ก้าวขึ้นมามีบทบาท
และกุมพลังของนักศึกษาประชาชน
แนวความคิดสังคมนิยมช่วงนั้นแรง และออกในลักษณะซ้ายจัด
เช่น แนวทางกลุ่มRed Guard ของจีนฯ และปีกซ้ายจัดของพคท.ที่มีบทบาทงานในเมืองฯ
และใช้แนวคิดนี้ ดำเนินการในสังคมตามอุดมการณ์ของตนแบบซ้ายจัด
ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงความเสียหายใหญ่ต่อสังคมและบ้านเมือง
และเสียโอกาสในการพัฒนาทางการเมืองไปในทางที่ถูกต้องสอดคล้องกับ
ผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่
(ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ไม่ค่อยมีใคร หรือกลุ่มภาคประชาชนใดได้มีการสรุปบทเรียนของตน
และของประเทศไทย ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากแนวความคิดซ้ายจัดนั้น)
ซึ่งรวมทั้งฝ่ายวิชาการและงานด้านทฤษฎีของกลุ่มตนและประเทศ ที่ขาดการสรุปบทเรียนที่ผ่านมา
ทำให้ไม่ได้มองเห็น “แนวทางการพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศโดยฝ่ายประชาชนและประเทศ”ที่ถูกต้อง
จึงทำให้พลังของนักศึกษาประชาชน ถูกใช้ไปในทางที่รุนแรง
โดยมีผลกระทบอย่างรุนแรงในความรู้สึกของประชาชน และทำให้ประชาชนลดการสนับสนุน
และคัดค้าน “การเคลื่อนไหวของนักศึกษาประชาชน”มากขึ้นเรื่อยๆ
@ นี่คือผลเสียใหญ่หลวงประการหนึ่ง จากการไม่มีการสรุปเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
ทำให้มีการเดินทางไปในทางที่ผิดพลาด จนเกิดวิกฤตใหญ่เข้าแผนของกลุ่มขวาจัด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี