หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุกนายอานนท์ นำภา 4 ปี
ปรากฏว่า คนบางกลุ่มหลับหูหลับตาโจมตีศาล และออกอาการหายใจไม่เต็มปอด
1.สส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า หายใจไม่ทั่วท้องระบุว่า
“..เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้รับหมาย 112 ส่งมาถึงบ้าน สืบพยานกันมากันไป จนในปีนี้วันที่ 2 ตุลาฯ จะเป็นวันฟังคำพิพากษาศาล แต่เนื่องจากติดภาระหน้าที่งานผู้แทนฯ จึงขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 14 ธันวาคม
หลังจากเห็นคำตัดสินของศาลและบรรทัดฐานการไม่ให้ประกันในคดีของทนายอานนท์ ก็ต้องบอกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง
จับตาดูกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ศาล ในรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วชุดนี้ จะดีขึ้นกว่ารัฐบาลประยุทธ์หรือไม่
ปล. เมื่อก่อนนี่ก็เริ่ดพอตัวเรยแหละนะนังคนนี้”
2. สส.ก้าวไกลจะหายใจไม่ทั่วท้อง หรือจะปอดแหกอย่างไร ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว
แต่จะมากล่าวหาให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมแบบนี้ไม่ได้
เพราะกรณีนายอานนท์ นำภา ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา จากการกระทำผิด ม.112 ปราศรัยหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการชุมนุมม็อบ 14 ตุลา 63 นั้น ชัดเจนว่ากระทำผิดจริง
แล้วพูดเช่นนี้ ต่อให้พูดยุคสมัยใครเป็นรัฐบาล ก็ต้องถูกดำเนินคดี และเชื่อว่าจะต้องถูกศาลยุติธรรมพิพากษาว่ามีความผิดอยู่นั่นเอง
และถ้านายธนาธร นายปิยบุตร นางสาวพรรณิการ์ หรือใครก็ตาม ฯลฯ บังอาจพูดแบบนี้ ก็จะต้องมีความผิดเช่นเดียวกัน
แน่จริง ก็ลองพูดแบบนายอานนท์ดูก็ได้ แล้วมาดูกันว่ามีความผิดตามกฎหมายหรือไม่
คงมีแต่พวกหลับหูหลับตาออกมาอุ้มนายอานนท์นั่นแหละ ที่ตอแหลโดยอ้างว่า คิดต่างทำไมต้องผิด หรือโมเมอ้างว่าพูดแสดงความคิดเห็นในเชิงหลักการ ฯลฯ
ในความเป็นจริง คำพูดที่นายอานนท์ปราศรัยแล้วมีความผิดนั้น เป็นการใส่ร้ายปรักปรำกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์โดยปราศจากมูลความจริง
เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อย่างชัดเจน
นายอานนท์ได้ปราศรัยว่า
“...ข้อที่ 3 มาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ข้อเรียกร้องมีสามข้อเท่านั้น วันนี้จะไม่เหมือนเมื่อวานเพราะพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดทยอยมาสมทบกันเรื่อยๆ และ นิสิตนักศึกษาก็ทยอยมาเรื่อยๆ ถ้ามีการสลายการชุมนุมวันนี้ คนที่จะสั่งสลายการชุมนุมมีเพียงคนเดียว คือ... ถ้ามีการสลายการชุมนุม ไม่ต้องไปหาคนอื่นใด”
“อย่างที่ผมเรียนไว้ ถ้ามีการสลายการชุมนุม คนอื่นจะสั่งไม่ได้นอกจาก...”
“อย่างที่บอกถ้าวันนี้มีการสลายการชุมนุม คนที่จะสั่งได้คนเดียว คือ....ให้รู้ไว้เช่นนั้น”
ข้อความแบบนี้ ควายก็ยังฟังรู้ว่าโกหกให้ร้ายสถาบันชัดเจน
ไม่ใช่คิดต่าง หรือแสดงความเห็นเชิงหลักการอะไรเลย
3. ทนายเชาว์ มีขวด ได้อ่านข้อความที่ สส.ไอซ์-รักชนก โพสต์ข้างต้น
ให้ความเห็นแนะนำแก่คนที่ถูกดำเนินคดี 112 อย่างน่าสนใจ ระบุว่า
“....ผมไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงในสำนวนที่สู้กันในชั้นพิจารณาของศาล ว่ามีประด็นใดบ้าง
แต่ถ้าดูคำสัมภาษณ์ ของ สส. รักชนก ตอนก่อนจะให้การกับพนักงานสอบสวน สส. รัชนกกล่าวว่า “อยากจะย้ำกับทุกคนว่ามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่กำลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่าเป็นกฎหมายที่มีปัญหา โดยมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน”
สอดรับลูกนัทที่มาให้กำลังใจ กล่าวว่า “ในวันนี้มาให้กำลังใจและมาเป็นเพื่อนไอซ์ จากการที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ทางไอซ์ไม่ได้เป็นห่วงอะไร ซึ่งคิดว่ากฎหมายที่ไม่ได้มีความชอบธรรมอยู่แล้วในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์หรือการที่จะแสดงออก การพูดของประชาชนจะต้องมีสิทธิ์ในการพูดโดยเฉพาะการพูดเรื่องจริง”
ชุดความคิดที่ทุกคนถูกเสี้ยมข้อมูดผิดๆ เกี่ยวกับมาตรา 112 ว่าเป็นกฎหมายที่ไม่ได้มีความเป็นธรรม ในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ปิดปากการวิจารณ์หรือการที่จะแสดงออกการพูดของประชาชนจะต้องมีสิทธิในการพูดโดยเฉพาะการพูดเรื่องจริง ต้องมีสิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันโดยไม่ผิดมาตรา 112
ผลที่ตามมา มีเยาวชนและคนรุ่นใหม่หลงผิดเชื่อตามคำเสี้ยมของผู้ชักใยจำนวนมาก
ใครออกตัวแรง ด่าตรงตรง หยาบๆ ถ่อยๆ จะได้รับปูนบำเหน็จ ยกเป็นแกนนำและจะได้รับการเสนอชื่อให้ลงสมัครสส.พรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา
โดยขาดความรู้ที่ถูกต้องว่าการใช้สิทธิเสรีภาพในทางใดก็ตาม ถ้าไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แม้จะเป็นเรื่องจริง ก็ผิดกฎหมาย หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา มาตรา 326, 328 มีโทษจำคุกสูงสุดถึงสองปี ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากมาตรา 112 แต่ที่บัญญัติโทษให้สูงขึ้น เพราะเป็นความผิดต่อพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะประมุขของรัฐ หรือแม้แต่ประมุขของรัฐต่างประเทศในข้อหาเดียวกับมาตรา 112 ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 133 ก็มีโทษสูงเช่นเดียวกัน แต่ไม่เห็นมีใครออกมาโจมตีคัดค้าน
...ผมจึงมองไม่เห็นว่าการมีสถาบันกษัตริย์แล้ว บ้านเมืองมันจะเสียหายอย่างไร หรือการไม่มีสถาบันแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นอย่างไร
แต่อย่างที่รู้กันว่า มันมีบุคคลที่คอยแอบชักใยอยู่เบื้องหลัง มีวาระซ่อนเร้นต้องการล้มล้างสถาบัน โดยอาศัยการปลุกปั่น เสี้ยมข้อมูลยัดสมองเยาวชน
หน่วยกล้าตายยอมเป็นหนูทดลองยาแลกกับผลประโยชน์เฉพาะหน้าที่ตนจะได้รับ
แต่พวกที่ชักใยอยู่ข้างหลังอยู่สบาย ไม่ต้องติดคุก เสวยสุขด้วยทุนต่างชาติ รอเสวยอำนาจถ้าทำสำเร็จ
แต่หน่วยกล้าตายที่กำลังติดคุกอย่างทนายอานนท์ ไม่ได้ประกันตัว และกำลังรอวันติดคุกเร็วๆ นี้ อีกหลายรายที่เป็น สส. นอกจาก ไอซ์-รักชนก และ ยังมี สส.ชลธิชา และอีกหลายคน
ซึ่งถ้าดูตามรูปคดีน่าจะไม่มีใครรอดสักคน เพราะความผิดตามตรา 112 ศาลถือพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง กระทบกระเทือนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่โทษอาจลดหลั่นกันไปความหนักเบาของถ้อยคำและพฤติการณ์ของแต่ละคน มองเห็นหนทางข้างหน้าแล้วมืดมนเต็มที
…ในฐานะทนายความที่ศึกษาและเกาะติดเรื่องนี้มาตลอด จึงรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของคนเหล่านี้
ตั้งแต่ทนายอานนท์ และที่จะตามมาอีกหลายสิบคน อย่าคิดสู้เลยครับ สู้อย่างไรก็ไม่ชนะ เพราะความผิดมันชัดแจ้ง ปรากฏตามภาพและแผ่นบันทึกเสียง จะเอาทนายเก่งขนาดไหนก็สู้ไม่หยุด
และอย่าคาดหวังคำหวานของคนเสี้ยมที่บอกว่าจะรอแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญล้มล้างการปกครอง
จึงเห็นว่ามีทางเดียวที่จะไม่ต้องติดคุก ก็คือการรับสารภาพต่อศาล ว่าที่ทำไปเพราะถูกปั่นหัวจากการฟังหรืออ่านชุดข้อมูลบิดเบือนมา
ถ้าอ้างอิงข้อมูลที่ได้รับมาด้วย หรือซัดทอดไปถึงตัวการคนที่เสี้ยมอยู่ข้างหลังอย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือด้วยแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในการพิจารณาโทษเป็นอย่างมาก
รวมทั้งแสดงความสำนึกผิดต่อศาล และยอมรับว่าต่อไปจะไม่กระทำผิดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้อีกแล้ว เชื่อว่าศาลคงเมตตาปรานี โทษจากหนักเป็นเบา
แทนที่จะติดคุก ศาลอาจรอการลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษให้ก็ได้
ไม่เชื่อลองไปศึกษาคดีที่หลานสาวนาย ธ. ที่โดนคดีมาตรา 112 มาก่อนนี้ดูสิว่าไม่ติดคุก เพราะได้รับคำแนะนำให้รับสารภาพใช่หรือไม่” -ทนายเชาว์กล่าว
4. ทั้งหมด ยังยืนยันได้ชัดเจนว่า มาตรา 112 ไม่ใช่ปัญหาของคนทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
แต่เป็นคนบางกลุ่มที่ถูกปั่นหัวให้ทำผิดกฎหมาย มาตรา 112
คนบางกลุ่มชักใยอยู่ข้างหลัง และยังคอยใช้คดี 112 มาเคลื่อนไหวอีกต่างหาก
ส่วนคนติดคุก เพราะทำผิดมาตรา 112 แลกกับผลประโยชน์บางประการ ก็ต้องเสียอนาคตตนเองและครอบครัวไปเมื่อถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี