ท่ามกลางการสู้รบที่รุนแรงระหว่างกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (IDF) อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส กำลังเดือดพล่านมีผู้ได้รับบาดเจ็บมีคนตายนับพันราย#ผู้คนจากหลายชาติร้อยกว่าชีวิตถูกจับเป็นตัวประกัน ผู้สนับสนุนคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายเกิดปะทะตะลุมบอลกันในนิวยอร์กและอีกหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา สื่อมวลชนอาหรับกับสื่ออเมริกันก็ไม่น้อยหน้ายกประเด็นอ่อนไหวเรื่องสตรี เด็กเล็กและคนชราที่ประสบเคราะห์กรรมในสงครามกว่าครึ่งศตวรรษระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ขึ้นมาดราม่าแข่งกัน
สำนักข่าว อัล-จาซีระห์ ของกาตาร์ นำเสนอเรื่องผู้สื่อข่าวสาวของอัล-จาซีระห์ อุ้มลูกน้อยวัยสองเดือนไว้ในอ้อมกอด ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ที่ทำให้บ้านเรือนสั่นไหวและสะท้านไปถึงทรวงอกของนักข่าวสาวต้องกอดลูกน้อยไว้ในอ้อมอกไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน
ส่วนวารสารนิวส์วีค ของอเมริกา นำเสนอเรื่องราวของหลานยาย เพิ่งรู้ว่าคุณยายถูกฆ่าตาย หลังจากได้เห็นวีดีโอบนเฟซบุ๊กของกลุ่มฮามาส
อัล-จาซีระห์ พาดหัวข่าวว่า #หลังจากกลืนอาหารค่ำคำแรก ปฏิบัติการทิ้งระเบิดถล่มกาซาของอิสราเอลก็เริ่มขึ้น”
นี่เป็นคืนที่สามของการโจมตีกาซาโดยอิสราเอล เป็นสงครามยามค่ำคืน ในฉนวนกาซา สมาชิกแต่ละครอบครัวรวมตัวกันอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นป้อมปราการที่ปลอดภัยที่สุด ผู้คนติดตามความคืบหน้าการสู้รบทางทีวี และสตรีผู้คลุมผมอยู่ในที่สาธารณะ ต้องมั่นใจว่า ผ้าคลุมหัวยังอยู่ พร้อมที่จะได้หนีทุกวินาที การซุบซิบกันจนถึงขั้นโต้เถียงว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไป เป็นเรื่องพูดกันไม่มีที่สิ้นสุด แต่ที่เลวร้ายที่สุด คือ เสียงระเบิดโจมตีทางอากาศอันน่าสะพรึงกลัว
ที่แล้วมาเมื่อมีการปะทะขยายวงเข้ามาในกาซา สิ่งที่ชาวกาซาเกลียดที่สุดคือการโจมตีตอนกลางคืนที่มักเพิ่มความรุนแรงขึ้นๆ สองคืนที่ผ่านมาเสียงระเบิดถล่มทางอากาศดังไม่ขาดสายทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นเป้าทำลายเมื่อแรงระเบิดทำให้บ้านสั่นสะเทือน
สงครามกลางคืนทำให้เหนื่อยล้า ทุกๆ ความเคลื่อนไหวต้องระวัง จะอาบน้ำเข้าส้วมเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญ การทำสองสิ่งนั้น คุณอาจหนีไม่ทัน ดังนั้นเราต้องอดกลั้นไว้จนกว่าเสียงการโจมตีทางอากาศเงียบไปสักระยะหนึ่ง ระหว่างที่มีการปะทะพวกเรามักพูดว่า “ครั้งนี้ดูแตกต่างออกไป” แต่ความรู้สึกหวาดกลัวมันไม่ได้แตกต่างไปจากทุกครั้ง
มันเป็นคำพูดติดปากของพวกเรา บางคนอุทานออกมาอย่างนั้น ในตอนย่ำรุ่งที่ฮามาสโจมตีแบบสายฟ้าแลบฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางความกวาดกลัวที่สั่นสะท้านจากเสียงระเบิด ฉันกระโจนไปที่หน้าต่างจ้องดูกลุ่มควันไฟไหม้จุดนั้นจุดนี้จากแรงระเบิด ฉันพูดในใจว่า “นั่นเป็นของพวกเรา” สิ่งที่พวกเราคิดถึง คือ จรวดที่ยิงไปจากกาซา ไม่ใช่ของพวกเขา นั่นคืออิสราเอล จรวดที่ยิงออกไปไม่หยุดหย่อน และคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นสายน้ำทั้งทางเอสเอ็มเอสและทางโทรศัพท์ว่า “มันเกิดอะไรขึ้น”
ฉันเป็นผู้สื่อข่าวภาษาอังกฤษออนไลน์ของสำนักข่าวอัล-จาซีระห์ ที่มีสำนักงานในกรุงโดฮา และฉันเป็นแม่ลูกสอง ลูกคนเล็กยังแบเบาะเพิ่งลืมตามองโลกสองเดือน ในขณะที่ความคิดสับสน ฉันรีบเอาเสื้อผ้าลูกยัดใส่กระเป๋าพร้อมกับบัตรประชาชนและหนังสือเดินทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันทำจนเคยตัวทุกครั้งที่มีการปะทะขยายวงเข้ามาในกาซาหลังปรึกษาอย่างเคร่งเครียดกับสามีเราตัดสินใจอพยพไปอยู่บ้านพ่อแม่ของฉัน
บ้านของพ่อแม่เป็นที่ปลอดภัยกว่าสถานที่อื่นในกาซา ข้างทางบนถนนเราเห็นเพื่อนบ้านหอบหิ้วกระเป๋าเดินไปหาที่ปลอดภัยกว่า ฉันส่งครอบครัวลงจากรถที่บ้านพ่อแม่ แล้วบึ่งรถมุ่งหน้าไป ยังสำนักงานอัล-จาซีระห์ ใส่เสื้อแจ๊กเกตและหมวกกันกระสุน ฉันพบว่าเพื่อนร่วมงานอยู่ในชุดปลอดภัยเช่นกัน เห็นเช่นนั้นทำให้ฉันเครียดคิดว่า วันนี้มันจะนำอะไรมา ฉันขึ้นลิฟต์ไปยังออฟฟิศเห็นโปรดิวเซอร์ ผู้ประกาศข่าวและช่างภาพ เตรียมพร้อมลุยงาน มองจากหน้าต่างฉันเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งที่บริเวณชายแดนกาซา ฉันเริ่มรายงานข่าวไปยังโต๊ะข่าวในโดฮา บอกเล่าบรรณาธิการข่าวทุกๆ ความเคลื่อนไหวและพัฒนาการด้วยความรู้สึกประหลาดใจและหวาดกลัว ในขณะที่ดูข่าวฉันนึกถึงเรื่องอิสราเอลตอบโต้ ว่ามันรุนแรงและอันตรายแค่ไหน? ฉันคิดถึงครอบครัวและลูกชายวัยสองเดือนที่ผ่านสงครามครั้งแรกของชีวิต ฉันสอบถามไปยังครอบครัวเป็นระยะๆ
การเริ่มต้นของคืนที่หวาดกลัวอันยาวนาน การขับรถกลับบ้านคืนนั้นเป็นวันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต บ้านพ่อแม่ฉันใช้เวลาเพียง 15 นาที แต่ฉันรู้สึกราวกับว่ามันนานเป็นปี ถนนว่างเปล่า ร้านรวงปิดหมดมีแค่เสียงระเบิดตลอดทาง ทำให้ฉันนึกในใจว่านี้เป็นฉากแรกของสงครามในกาซา
ฉันโล่งใจเมื่อถึงบ้านพ่อแม่และได้รับการต้อนรับด้วยความดีใจอย่างอลม่าน พี่ชายสามคนของฉันที่แต่งงานแล้วได้หอบหิ้วครอบครัวมาหาที่ปลอดภัยในบ้านพ่อแม่เช่นกันพวกเขาออกันอยู่หน้าจอทีวี
ลูกสาววัยแปดขวบวิ่งเข้ามากอดฉัน สามีอุ้มลูกวัยสองเดือนออกมาต้อนรับลูกสาว บอกเขาว่า “แม่กลับมาแล้ว” พ่อแม่ยิ้มรับฉันราวกับว่าฉันหายไปเป็นชาติ เพราะว่าระหว่างสงครามในกาซาไม่เคยมีใครรับประกันว่าจะได้กลับบ้าน
ฉันเอาลูกมาไว้ในอ้อมกอดแล้วพวกเรานั่งร่วมทานอาหารค่ำ และแลกเปลี่ยนสิ่งที่พบเห็นมาตลอดวันซึ่งกันและกัน แต่หลังจากเคี้ยวอาหารคำแรกเสียงระเบิดโจมตีของอิสราเอลก็เริ่มขึ้น เสียงระเบิดลูกแรกเป็นประกาศการเริ่มต้นของคืนแห่งความหวาดกลัว ครอบครัวฝืนยิ้มบนใบหน้าขาวซีดและพูดถึงคำที่คุ้นเคยทุกครั้งที่มีการปะทะกันขยายวงเข้ามาใกล้ “ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว แต่ความรู้สึกหวาดกลัวยังเหมือนเดิม” ในที่สุดคุณพ่อช่วยลดความตึงเครียดด้วยคำพูดว่า “เอาละเราเริ่มสังสรรค์กันได้แล้ว”
ในวันเดียวกัน ที่ สำนักข่าว อัล-จาซีระห์ เสนอความรู้สึกของนักข่าวลูกสอง วารสารนิวส์วีค ของอเมริกาเสนอข่าวพาดหัวว่า #สตรีอิสราเอล พบว่ายายของเธอตายแล้วจากเฟซบุ๊กของฮามาส
นิวส์วีคให้รายละเอียดว่า หญิงสาวอิสราเอลพบว่า ยาย
ของเธอถูกฆ่าตายจากวีดีโอที่กลุ่มฮามาสโพสต์บนเฟซบุ๊ก
“คุณยายของสตรีท่านนี้ถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้ายฮามาส เธอได้รับข่าวร้ายนี้จากเฟซบุ๊กที่ฮามาสโพสต์วีดีโอการสังหารหญิงชราผู้เคราะห์ร้าย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล เขียนบนเฟซบุ๊ก “นี่คือสิ่งที่เราต้องสู้รบกับมัน”
ข้อความนี้ถูกโพสต์เป็นสาธารณะเมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางการสู้รบระหว่างที่ร้อนแรงของกองกำลังพิทักษ์ดินแดนอิสราเอล (IDF) กับผู้ก่อการร้ายฮามาสในฉนวนกาซา ตอนย่ำรุ่งวันเสาร์ ฮามาสจู่โจมแบบสายฟ้าแลบหลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่าประเทศอยู่ในภาวะสงคราม
“เราจะแก้แค้นอย่างเหี้ยมหาญสำหรับวันทมิฬที่พวกมันทำกับอิสราเอล เราจะปฏิบัติการทุกแห่งด้วยกองกำลังเราทั้งหมด สงครามครั้งนี้ ต้องใช้เวลาและความยากลำบากแต่เราจะชนะ” เนทันยาฮู กล่าว
โฆษก IDF พลเรือเอก แดเนี่ยล ฮาจารี่ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ว่า“ทหารอิสราเอลสู้รบใน 22 จุดทางตอนใต้ของอิสราเอล ซึ่งเราไม่มีกองกำลังทหารประจำการในเมืองเหล่านั้น เนื่องจากเป็นชุมชนที่เรากวาดล้างผู้ก่อการร้ายหมดแล้ว แต่เราต้องตรวจสอบสถานที่ก่อนที่ประกาศปฏิบัติการ” เขาโพสต์การสรุปข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ ซึ่งนิวสวีกแชร์ข่าวนั้นด้วย
ในขณะที่มีการแชร์เรื่องคุณยายของสตรีที่ถูกฆ่าตายแพร่หลาย เหมือนกับรายงานที่ชาวอิสราเอลถกกันเรื่องพลเรือนถูกจับเป็นตัวประกัน มีภาพวีดีโอจำนวนมากถูกนำมาโพสต์บนโซเชียลมีเดียขณะที่ฮามาสจับตัวประกันที่งานเทศกาลดนตรีแห่งชนเผ่าโนวา ในตอนใต้ของอิสราเอลใกล้กาซาในวันสุดสัปดาห์
แอดวา อาดาร์ หญิงสาวที่คุณยายถูกสังหารก็โพสต์บนเฟซบุ๊กเช่นกันว่าคุณยาย #ยาฟฟา อาดาร์ถูกจับเป็นตัวประกัน คุณยายของฉันจัดตั้งคิบบุตซ์ (ชุมชนเกษตรยุคใหม่) ด้วยสองมือของเธอซึ่งคุณยายเป็นผู้ศรัทธาในไซออนิสต์ (ยิวชาตินิยม) ผู้รักประเทศนี้ประเทศที่ปล่อยปละละเลยให้เธอถูกลักพาตัว” อาดาร์กล่าว
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แอนโธนี่ บลิงเคิ่ล กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ว่าได้รับรายงานว่าชาวอเมริกันหลายคนถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอล “เราได้รับรายงานว่าอเมริกันหลายรายอาจเป็นศพในหมู่คนตาย...เราทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อตรวจสอบรายงาน ในทำนองเดียวกันกับที่เราได้รับรายงานเรื่องจับตัวประกัน”บลิงเคิ่ลกล่าวกับ ทีวี NBC เมื่อวันอาทิตย์
“ชาวอเมริกันคนใดคนหนึ่งถูกคุมขังหรือจับเป็นตัวประกันไม่ว่าเป็นที่ไหน ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลนี้และสำหรับผม” นิวส์วีคติดต่อกระทรวงต่างประเทศอิสราเอล ผ่านอีเมลเพื่อขอความกระจ่างในเรื่องฮามาสสังหารคุณยายของอาดาร์
นอกจากนั้น นิวส์วีค ยังเสนอข่าวด้วยว่าการปะทะกันครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ทำให้ชาวโลกแบ่งเป็นสองฝ่าย ประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรปต่างก็ยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล ในขณะที่โลกอาหรับ เช่น อิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ประกาศสนับสนุนปาเลสไตน์ และความแตกแยกแบ่งฝ่ายได้แพร่กระจายเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งไปยังกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยด้วย ดังที่ผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ กับผู้ชุมนุมสนับสนุนอิสราเอลปะทะกันหลายพันไมล์จากการสู้รบจริง กลุ่มสนับสนุนทั้งสองปะทะแลกกำปั้นกระชากลากถูกันชุลมุนวุ่นวายในนิวยอร์กและหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา
ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องราวที่สำนักข่าวของอาหรับกับสื่ออเมริกันแข่งกันเสนอข่าวอ่อนไหวเพื่อให้ชาวโลกเห็นใจเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมไทยมีสติปัญญามีวุฒิภาวะมากพอที่จะยืนอยู่ตรงกลางไม่เข้าฝ่ายใดออกหน้า เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่มีต่อกันกับทุกฝ่าย และรักษาชีวิตคนไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี