จากรายงานของสื่อทั่วโลกและจากแหล่งข่าวในประเทศอิสราเอล เรื่องสงครามระหว่างกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นปีกกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กับกองกำลังพิทักษ์อิสราเอล ที่กำลังขยายวงออกไปและอาจกลายเป็นสงครามในตะวันออกกลางและมีความเป็นไปได้ ลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามโลก
หากใช้มุมมองจากแหล่งข่าว และข่าวที่สื่อทั่วโลกเผยแพร่ออกมา พิเคราะห์ได้ว่า สหรัฐอเมริกากับอิสราเอลวางแผนหรือตั้งใจให้ชนวนไฟสงครามปะทุขึ้นมา โดยการปิดหูหลับตา เปิดทางให้ฮามาสเข้าโจมตีฆ่าทำลายล้างเพื่อเป็นข้ออ้างให้สหรัฐอเมริกาส่งกองทัพเรือเข้าไปช่วยอิสราเอลแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง เพื่อสร้างความชอบธรรมทำให้สงครามขยายวงออกไปทั่วอ่าวอาหรับและอาจเป็นไปได้ที่ขยายวงกว้างออกไปกลายเป็นสงครามโลก
สาเหตุที่พิเคราะห์ทำนองนี้ เพราะเหตุว่า แหล่งข่าวที่ไว้ใจได้ในประเทศอิสราเอล บอกกับผู้เขียนล่วงหน้าว่า นายกรัฐมนตรีขวาสุดโต่งนายเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้กำลังประสบปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตการเมืองกำลังวางแผนสมคบกับอเมริกายั่วยุให้เกิดความรุนแรงครั้งใหม่ขึ้นมา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพและคอร์รัปชั่น โดยการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นผนวกดินแดนทั้งหมดบนเวสต์แบงก์เข้าเป็นอิสราเอล
และในเมื่อทั่วโลกรู้ว่ารัฐบาลปาเลสไตน์บริหารงานอย่างสงบในเวสต์แบงก์มาหลายปี เมื่อมีคนยิวเข้าไปตั้งรกรากมากขึ้นแน่นอนต้องได้รับการต่อต้านจากชาวปาเลสไตน์ แหล่งข่าวซึ่งอดีตเป็นผู้สื่อข่าวสงครามหัวหน้าสำนักข่าวยูพีไอ และ ไปตั้งรกรากในอิสราเอลกว่ายี่สิบปี เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เพื่อให้ปราบปรามผู้ต่อต้านการผนวกดินแดนชาวปาเลสไตน์ได้รุนแรงขึ้น รัฐบาลเนทันยาฮูได้โยกย้ายทหารจำนวนมากที่เคยประจำการอยู่ใกล้ชายแดนกาซาไปปราบปรามปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์...
...“เวลานานเป็นปีแล้วที่ชาวยิวอาศัยอยู่ใกล้ชายแดนกาซาอยู่อย่างไร้ความปลอดภัย ไม่มีทหารคุ้มครองป้องกัน ทหารอิสราเอลที่เคยอยู่ชายแดนกาซานับพันๆ นาย ในระยะหลังนี้มีเพียงหลักร้อย” เธอกล่าวว่าในบางฐานทหารใกล้ชายแดน กาซาแทบเป็นค่ายร้าง “อาวุธทันสมัยและทหารเกือบทั้งหมดโยกย้ายไปประจำการในเวสต์แบงก์” เธอกล่าวด้วยว่า บรรดา คิบบุตซ์ (นิคมเกษตรกรรม) นับเป็นร้อยแห่งตั้งอยู่ใกล้แดนกาซาห่างเพียงสองสามร้อยเมตร ตลอดแนวยาวประมาณ 41 กิโลเมตร กว้างประมาณ 10 กม.ของชนวนกาซาที่ประชากรปาเลสไตน์ยัดเยียดแออัดกันอยู่ถึง 2.3 ล้านคน
ในแต่ละ คิบบุตซ์ มีพลเรือน และอาสาสมัครพลเรือนกับแรงงานต่างชาติอาศัยอยู่ คิบบุตซ์ต่างๆ ในบ้านพักของพลเรือนชาวยิวนั้น แต่ละหลัง
อย่างน้อยมีห้องนิรภัยภัยที่สร้างไว้หนาแน่นหนึ่งห้อง กล่าวคือฝาผนังทุกด้านบุด้วยโลหะอย่างดีสองชั้นกันแรงระเบิดขนาดเล็กได้ ส่วนแรงงานต่างชาติมีที่พักต่างหากซึ่งมีเพียงหลุมหลบภัยในกรณีเกิดเหตุร้าย นอกจากนั้นฐานทหารอยู่ใกล้คิบบุตซ์ลดน้อยลงไปมาก
จึงเกิดคำถามว่า กองกำลังฮามาส กว่าสองพันคนบุกตะลุยข้ามชายแดนไปได้อย่างไร โดยที่กองทัพอิสราเอล ซึ่งมีเครื่องมือสื่อทางทหารทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลางไม่รู้ตัว ถ้าเป็นการบุกแบบสายฟ้าแลบ อย่างช้าที่สุดภายในครึ่งชั่วโมงข่าวต้องแพร่กระจายออกไปในประเทศที่มีการสื่อสารทันสมัย มีเครื่องมือป้องกันโต้ตอบการโจมตีขีปนาวุธที่เรียก Iron Dom โดมเหล็ก ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก
จึงมีคำถามว่าทำไมอิสราเอลปล่อยให้ฮามาสฆ่าทำลายลงได้ 1,400 ศพ ในเวลาเกือบแปดชั่วโมงได้อย่างไร เพราะนอกจากอิสราเอลมีดาวเทียมสื่อสารทันสมัยแล้ว ยังมีดาวเทียมของสหรัฐอเมริกาที่เหมือนตาสับปะรดจับจ้องอยู่ทุกความเคลื่อนไหวในตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอิสราเอลทำไมจึงจับสัญญาณเหตุการณ์ร้ายรุนแรงไม่ได้ ตามรายงานของสื่อทั่วโลกกล่าวว่าวันที่ 7 ตุลาคม ฮามาสใช้จรวดประมาณ 5,000 ถล่มอิสราเอลตั้งแต่รุ่งสาง
แต่กองกำลังอันแข็งแกร่งของอิสราเอลตอบโต้ฮามาส 7 ชั่วโมง หลังจากฮามาสฆ่าคนเป็นพันและจับตัวประกันไปเกือบ 300 คน ซึ่งตัวประกัน และผู้ถูกสังหารมีถึงยี่สิบสองสัญชาติรวมทั้งคนไทย ที่มีรายงานว่าถูกฆ่าตาย 33 ศพ บาดเจ็บ 22 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 18 คน จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าที่อิสราเอลกับอเมริกาปล่อยให้ฮามาสอาละวาดอยู่นานกว่าเจ็ดชั่วโมงและฆ่าคนตายไป 1,400 คน จากยี่สิบสองสัญชาติ หรืออิสราเอลกับสหรัฐอเมริกาต้องการให้ยี่สิบสองประเทศนั้นโกรธแค้นชิงชังฮามาสและปาเลสไตน์ เพื่อที่อิสราเอลกับอเมริกาจะได้มีความชอบธรรมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุปาเลสไตน์ และมียี่สิบสองประเทศเป็นแนวร่วมหรือไม่? เพราะเห็นว่าอิสราเอลที่ถูกกระทำก่อน
เป็นที่น่าสังเกตว่าทันทีที่กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเคลื่อนไปลอยลำในทะเลแดงและในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นเกราะทองแดงกำแพงเหล็กให้ กองกำลังพิทักษ์อิสราเอล (Istael Defense Force=IDF) ถึงได้ถล่มกาซาอย่างบ้าเลือด ทั้งทางบกทางทะเลและทางอากาศ ระเบิดถล่มแม้แต่โรงพยาบาล สังหารทั้งหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์คนป่วยเด็กเล็กและคนชรา ถึงวันนี้อิสราเอลฆ่าปาเลสไตน์ตายไปแล้วกว่า 9,000 คน เลขาธิการสหประชาชาติ และผู้นำนานาชาติขอร้องให้ยุติการสังหารพลเรือนอย่างไร อิสราเอลก็ไม่ฟังแถมกองทัพเรืออเมริกาให้ท้ายคอยยิงขีปนาวุธและอาวุธทำลายล้างสูงไปยังประเทศเลบานอน ซีเรีย และ อิรักที่สงสัยว่าเป็นที่ซ่องสุมกองกำลังฮิซบอลเลาะห์และพร้อมจะเข้ามาช่วยรบฮามาส
สำหรับประเทศไทยซึ่งมีคนงานไทยส่วนใหญ่มีแคมป์อยู่ในคิบบุตซ์ต่างๆ อยู่ใกล้ชนวนกาซาใจกลางของห่ากระสุนและคาวเลือด รัฐบาลไทยใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถนำแรงงานไทยกลับบ้าน แต่กลับถูกขัดขวางโดยนายจ้างชาวยิวที่เสนอขึ้นเงินเดือนเพิ่มค่าจ้างให้เป็นสิ่งล่อใจทำให้แรงงานจำนวนมากยอมเสี่ยงตายไม่ยอมกลับบ้านขออยู่ทำงานในอิสราเอลต่อไป ที่เลวร้ายไปกว่านั้นอิสราเอลพยายามยุยงให้คนไทยเกลียดชังปาเลสไตน์และฮามาสโดยการนำวีดีโอที่ฮามาสสังหารแรงงานไทยออกมาประจานในที่ประชุมสหประชาชาติ
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ออกแถลงการณ์ ทักท้วงและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่อิสราเอลนำคลิปวีดีโอการสังหารโหดเหยื่อ ซึ่งยืนยันว่าเป็นแรงงานไทยมาฉายในที่ประชุมสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ว่า วีดีโอความโหดร้ายทารุณเช่นนั้นไม่ได้สร้างความโกรธแค้นชิงชังเฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้นมันทำให้เกิดความเกลียดชิงชังไปทั่วโลก กระทรวงการต่างประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับการนำภาพวีดีโอประเภทนั้น มาฉายซึ่งไม่ได้แสดงการให้เกียรติหรือแสดงความเคารพต่อผู้สูญเสียตลอดถึงครอบครัวของเหยื่อเคราะห์ร้าย”
กระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวในแถลงการณ์ อ้างถึงคลิปวีดีโอที่ฉายโดย Gilard Erdan ทูตถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ขณะที่เขาปราศรัยในที่ประชุมนัดพิเศษว่าด้วยเรื่องความรุนแรงระหว่างฮามาสกับอิสราเอล เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ทูตอิสราเอลได้ฉายคลิปวีดีโอที่ฮามาส ใช้เครื่องมือการเกษตรฆ่าคนต่างชาติอย่างโหดร้ายทารุณระหว่างการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เหยื่อเคราะห์ร้ายยืนยันว่าเป็นคนไทย
พฤติกรรมทั้งหมดของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาถึงวันนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกากับอิสราเอล ทำโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวโลกอย่างน้อยยี่สิบสองประเทศรวมทั้งประเทศไทยที่ตกเป็นเหยื่อสงครามเลวร้ายให้เกลียดชังฮามาสและปาเลสไตน์เพื่อให้เป็นแนวร่วมหรือพันธมิตร และสร้างความชอบธรรมให้เกิดสงครามโลกและอิสราเอลได้ฉวยโอกาสฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ในเวลาเดียวกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี