“บุคคลแนวหน้า ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า/แนวหน้าออนไลน์ สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้ทุกโมเลกุลในสังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์ ทันเหลี่ยมนักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ติ่งแดงด้อมส้อม ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสีอย่างเท่าเทียม”...
nn เห็นกับตาได้ยินกับหูชัดเจนจากปาก “ท่านผู้นำ-เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” กับ “นโยบายแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท แก่ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป” ภายใต้ “เงื่อนไขรายได้ต้องไม่เกินเดือนละ 70,000 บาท มียอดเงินฝากธนาคารไม่เกิน 500,000 บาทพร้อมกติกาไม่สามารถใช้กับการบริการต่างๆ ได้ อาทิ สินค้าออนไลน์, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กระท่อม กัญชา, บัตรกำนัล บัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี, ชำระหนี้ ค่าเรียน ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟค่าโทรศัพท์, น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ, แลกเป็นเงินสดไม่ได้ เงิน 10,000 บาทใช้หนี้ไม่ได้ จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเทอมลูก ค่าน้ำมัน ค่าแก๊สไม่ได้” แล้วจะแจกมาเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มทุนใหญ่เดิมเท่านั้นหรือ ดีว่ากติกานี้ไม่อนุญาตให้ซื้อบ้าน-คอนโดฯได้ จะชัดเจนกว่านี้แยะ...
nn “ไม้หน้าสาม” รู้น้อยไม่เคยเป็นนักธุรกิจใหญ่ไม่เคยเป็นนักการเมืองบริหารประเทศ เป็นแค่หนึ่งโมเลกุลในสังคมไทย แต่คิดบวกลบสะระตะอยากสำลักกระโดดลงน้ำในปลักควายฆ่าตัวตายเสียจริง โครงการนี้ช่วยประชาชนผู้มีรายได้น้อยดีกว่า “โครงการคนละครึ่ง”ของ “รปภ.โง่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 29” ตรงไหน...
nn แล้วถ้าย้อนไปจุดเริ่มต้นนโยบายโครงการนี้ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า “ท่านผู้นำ-เศรษฐา ทวีสิน” นำ “พรรคเพื่อไทย” หาเสียงประกาศนโยบายนี้ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทุกโมเลกุลในสังคมไทยต่างตั้งตารอเงินฟรี 10,000 บาท ที่พรรคเพื่อไทยและท่านผู้นำเคาะกะลาผ่านเวทีปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย “ชุดความคิดที่ถูกป้อนข้อมูล” ไว้ว่า จะเป็น “พายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศครั้งใหญ่” จากเม็ดเงินมหาศาลที่ไม่ต้องกู้...“โครงการนี้ประเทศไทยจะมี Blockchain และจะมีระบบการชำระเงินแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างจาก แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” อย่างสิ้นเชิง Blockchain เหนือกว่า คือ สามารถเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ มีประโยชน์มากสำหรับการทำการคลังในอนาคต เช่น สามารถเขียนได้ว่าเงิน 10,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 12,000 บาท ได้ถ้าใช้จ่ายกับร้านเล็กร้านน้อย จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการนำไปใช้ซื้อสินค้าจากรายย่อยมากกว่าเพราะใช้เงินได้มากกว่า...” จำกัน ได้หรือไม่...
nn สัปดาห์นี้ “ท่านผู้นำ-เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ไม่อยู่ในประเทศเพื่อรับทราบเรื่องราวน่ารำคาญใจจากพรรคฝ่ายค้าน โดยมีหมายกำหนดการบินไปร่วมประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางความโล่งอกสบายอกสบายใจหลังแถลงที่มาและรายละเอียดโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท แก่ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา...
nn หลังคนไทยรู้แล้วว่าใครบ้างจะได้เงินฟรีโดยมิต้องเสียเหงื่อสักหยดจำนวน 10,000 บาท และทราบแล้วว่าเงินที่ได้รับนี้นำไปใช้จ่ายด้านใดได้บ้างเพื่อให้เกิดพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องต่อจากนี้ก็คือคอการเมือง โดยเฉพาะอุปกรณ์การเกษตรด้อมส้มจะต้องจับตาคำวินิจฉัยคดี “พรรคก้าวไกล” กรณีเสนอ “ยกเลิก/แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112” โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง “เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง” หรือไม่ และคดีถือครองหุ้นสื่อไอทีวีของ “พิธาคิโอ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กับ "นิยายสงคราม"ที่กกต.ร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภสพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของนายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)” หรือไม่โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่นัดแถลงวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น. ทุกวันนี้เหลือจำนวนท่านผู้ทรงเกียรติแค่ 149 ที่นั่งอาจจะไม่เหลือที่นั่งในวันนั้นก็เป็นได้ใครจะรู้ หรืออาจจะไม่เหลือเลยแม้แต่ “พรรคก้าวไกล” เฉกเช่น “พรรคอนาคตใหม่” ก็เป็นไปได้เช่นกัน เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ กรณี “วงแตก” วินาทีนั้น “บิ๊กต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน” จะมีเพาเวอร์ “ตกเบ็ด...เหวี่ยงแห” ทอด “ท่านผู้ทรงเกียรติมาเข้าข้องในระบบปูลิตบูโร"ได้มากน้อยเท่าใด ฤๅ “อู๊ดด้า-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” แล้ว กลับมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนต่อไปตามประวัติศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ในช่วง “ระบอบทักษิณ” เรืองอำนาจก็เป็นได้ อย่าง "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง ... “ฯพณฯ ชวน หลีกภัย” และอย่าง “มาร์คทาสแมว-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่างยุคสมัยที่รับตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” มาก่อนขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในสมัยถัดมา กงล้อประวัติศาสตร์/ลูปการเมืองจะหมุนกลับมาเช่นนี้จริงหรือ!?!?! “แม่ยกปชป.”คงได้ลุ้นกันขาดใจเชียวล่ะ...
nn ทิ้งท้ายด้วยคติพจน์ของขงจื้อที่ว่า “บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่องที่ชอบด้วยคุณธรรมคนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม” ฉะนี้แล้วทุกโมเลกุลในสังคมไทยคงจะประจักษ์ได้ว่าจะเกิดพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจจากเม็ดเงินมหาศาลนี้ได้หรือไม่ หรือสุดท้ายทุกโมเลกุลจะเป็นเพียง “เบี้ยบนกระดานหมากรุกในระบอบทักษิณ” ที่สนับสนุนให้ครอบครัว พวกพ้องและคนใกล้ชิดมีทรัพย์ทวีคูณเหมือนนโยบายที่ผ่านๆ มาของ “พรรคเพื่อไทย” แล้วปลาซิวปลาสร้อยจะรับบาปนั้นอีกเช่นเคย...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี