สิ้นเสียงโหยหวนด้วยอาการอมยิ้มสะใจในชัยชนะที่นำมามอบให้ “ลิ่วล้อการเมือง” ของ “ท่านผู้นำ - เศรษฐา ทวีสิน” หนูน้อยถุงเท้าแดงอนุบาลการเมือง กรณีโพล่งกลางที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งมี ดีเอ็นเอโจรที่ถูกอุปโลกน์เป็น “เทวดา ชั้น 14” … “อุ๊งอิ๊ง- แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุม กรณีการโยกย้ายแต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้กำกับการฯ
หลายคนมองปรากฏการณ์นี้ว่า “ปลาหมอ ตายเพราะปาก” บ้าง “แกว่งเท้าหาเสี้ยน” บ้างแต่จะอะไรก็ตามทีมีอาการ ชะตากรรมของ “หนูน้อยถุงเท้าแดง” กระอักแน่นอน
เพราะอีกไม่นานนักก็จะถึงวาระการประชุม “รัฐสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ”ให้ท่านผู้ทรงเกียรติได้ทำหน้าที่ของตนเองอีก 4 เดือนในวาระสำคัญต่างๆ ทั้งการเสนอร่างกฎหมาย การตั้งกระทู้การเสนอญัตติ และญัตติที่สำคัญในแต่ละสมัยประชุมคือการเสนอญัตติตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560
วรรคทองในที่ประชุมพรรค “เรื่องผู้กำกับใหม่ผมมั่นใจว่าคงจะมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง”... “นี่คือใบเสร็จทางการเมือง”อย่างชัดเจน เป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
หาก “หนูน้อยถุงเท้าแดง - เศรษฐา ทวีสิน” จักตั้งสติให้มีสมาธิจนเกิดปัญญามากกว่านี้วรรคทองเยี่ยงนี้คงไม่เป็นพิกุลร่วงออกจากปากมาอย่างแน่นอน ทว่า “หนูน้อยถุงเท้าแดง” ขาดสติไร้วุฒิภาวะและสามัญสำนึกของการเป็นผู้นำที่ดีขาดความเป็นนักการเมืองที่มากด้วยจริยธรรมคุณธรรม
ฤๅนี่คือ “อาถรรพณ์ระบอบทักษิณ” ที่ถูกสาปแช่งมาจากเหตุทุจริตปล้นโกงเงินแผ่นดินนายกรัฐมนตรีที่มีสายป่านมาจาก “ตระกูลชินวัตร” จึงมีอันเป็นไปกับเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยความผิดตามกฎหมายที่ไม่มีใครวางแผนยัดเยียดให้เกิด “นิติสงคราม”
“หนูน้อยถุงเท้าแดง” ลองทอดสายตากลับไปข้างหลังจักพบข้อเท็จจริงว่า ท่านนายกฯ “ชมพู่ ผ่าซีก - สมัคร สุนทรเวช” พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 182 (7) และมาตรา 267 ประกอบมาตรา 182 วรรคสาม และมาตรา 91
ยุคต่อมาของการเมืองในตึกไทยคู่ฟ้านายกรัฐมนตรีชื่อ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ถูกตัดสินให้ตกจากเก้าอี้พ้นความเป็นนายกรัฐมนตรีอันเป็นผลมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบ “พรรคพลังประชาชน” พรรคการเมืองต้นสังกัด และตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค 5 ปีจากข้อหาทุจริตการเลือกตั้ง
ด้วยความหน้าด้านคงกระพันของระบอบทักษิณ อำนาจทางการเมืองก็ถูกส่งไม้ต่อมายัง “ปู จ๊าดง่าว - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แต่เวรกรรมอาถรรพณ์ก็ตามหลอกหลอนไม่เลิกรา ถูกให้พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรายจากการละเมิดมาตรา 157เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใดประกอบตามมาตรา 91 ให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182(7) ประกอบมาตรา 268 กรณีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจเอื้อประโยชน์ญาติ
วันนี้อาถรรพณ์ระบอบทักษิณกำลังจะซ้ำรอยถึงสองกระทอกกับ “หนูน้อยถุงเท้าแดง-เศรษฐา ทวีสิน” ทั้งกรณีปากพล่อยพาจนด้วยขาดวุฒิภาวะประเด็นผิดหวังสมหวังจากกรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับการฯประจำปี 2566 ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3), มาตรา 187 (2), ผิดจริยธรรมคุณธรรมนักการเมืองอย่างร้ายแรง, ผิดพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565
ฤๅวาสนาเสวยสุขบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจะมีเพียงแค่นี้
หรือมันคือกงล้อประวัติศาสตร์
ฤๅเป็นอาถรรพณ์ในระบอบทักษิณที่นายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยต้องมีอันเป็นไปแพ้ภัยตัวเองทั้งหมด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี