สิ่งที่เรียกว่าการเข้าร่วมเป็นภาคีแห่งยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก นั้นกลายเป็นเรื่องลึกลับและมิได้มีการจดแจ้งแถลงข่าวให้ประชาชนได้ทราบโดยเปิดเผยชัดเจน ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่โตมาก คนไทยได้ทราบเรื่องนี้จากเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกา และสื่อมวลชนบางสำนักได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยจึงได้มีโอกาสรู้เห็นเรื่องนี้
แม้กระนั้นก็ยังมีความพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงว่าการเข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก นั้นเป็นเพียงการลงนามในแถลงการณ์ร่วม ไม่ได้ทำเป็นสนธิสัญญาและไม่มีผลผูกพันอะไร
ถ้าไม่มีผลผูกพันอะไรก็จะต้องไม่มีการปฏิบัติใดๆตามข้อตกลงนั้น ข้อสำคัญคือหัวข้อเรื่องจะเรียกว่าแถลงการณ์ หรือประกาศ หรือข้อตกลง หรือ MOU หรือข้อความอื่นใดนั้นไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่เนื้อหาว่าเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่จะต้องมีการปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นหรือไม่ ถ้ามีลักษณะเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศและต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นก็ย่อมเป็นสนธิสัญญาที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
มาดูกันว่าหลังจากเข้าร่วมเป็นภาคีตามแถลงการณ์ร่วมของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก แล้วได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เท่าที่มีผู้ประมวลไว้และที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
เรื่องที่หนึ่ง สหรัฐได้แถลงสาธารณะต่อทั่วโลกว่าประเทศไทยเข้าเป็นภาคีของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และเป็นหนึ่งในแกนหลักของอาเซียน โดยที่ประเทศไทยไม่ปฏิเสธหรือโต้แย้งใดๆ ในขณะที่สิงคโปร์ได้ประกาศถอนตัว
เรื่องที่สอง ประเทศไทยได้จัดส่งผู้ประสานงานระดับพลตรีไปเป็นผู้ประสานงานของประเทศไทยประจำศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่สหรัฐ
เรื่องที่สาม ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ได้ถูกเปลี่ยนแปลง จนถึงวันนี้เวลาผ่านไป 9 ปีแล้ว การสร้างทางรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวก็เสร็จไปเพียง 3.5 กิโลเมตรและยังไม่สามารถใช้การได้ ในขณะที่ประเทศลาวและประเทศอื่นๆ ที่ได้ทำการภายหลังได้เปิดการเดินรถไปหมดแล้ว
เรื่องที่สี่ ปฏิญญาซันย่าที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก 6 ประเทศ ในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาสามารถใช้ในการเดินเรือท่องเที่ยวและเรือขนส่งสินค้าที่จะเป็นอาณาประโยชน์ยิ่งแก่ประเทศไทยที่ได้ลงนามไปก่อนแล้ว และจะต้องมีการลงนามในแผนปฏิบัติการที่ประเทศกัมพูชากลับถูกปฏิเสธ นั่นคือประเทศไทยปฏิเสธไม่ร่วมลงนามในแผนปฏิบัติการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ทำให้ 5 ประเทศที่เหลือเขาร่วมกันพัฒนาต่อไป ซึ่งก็คือปิดพื้นที่ด้านเหนือในการคมนาคม ค้าขาย กับจีนนั่นเอง
เรื่องที่ห้า ประเทศไทยได้คว่ำบาตรการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ร่วมไปกับพวกภาคียุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก แต่โชคยังดีที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปประเทศจีนร่วมงานนั้น
เรื่องที่หก ประเทศไทยได้เปิดการซ้อมรบภายใต้กรอบยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก หลายครั้งหลายหน ทั้งเป็นการซ้อมรบทางบก ทางทะเล และทางอากาศ
เรื่องที่เจ็ด ได้เกิดปรากฏการณ์ความขัดแย้งขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา ไทย-ลาว และไทย-พม่า อย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่แปด ได้เกิดปรากฏการณ์ต่อต้านจีนขึ้นอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ เรื่องจีนเทาเรื่องยึดทรัพย์ชาวจีน และเรื่องเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีนอย่างผิดปกติ
เรื่องที่เก้า การเชื้อเชิญบริษัทไอทีขั้นสูงของสหรัฐเพื่อมาทำธุรกิจเครือข่ายในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่จับตาว่าอาจมีการยกเลิกข้อตกลงกับบริษัทหัวเหว่ยของจีนก็ได้
เรื่องที่สิบ การเกิดเหตุสงครามกลางเมืองขยายตัวและรุนแรงขึ้นในพม่า กระทั่งเกิดการปะทะกันที่ชายแดนจีนจนกระทั่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนต้องจัดการซ้อมรบใหญ่และประกาศห้ามผู้อพยพล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนจีน
ในขณะที่สื่อมวลชนไทยนำภาพกองกำลังต่างชาติเข้าไปฝึกอาวุธให้กับชนกลุ่มน้อยในพม่าและมีปัญหาซุบซิบนินทาเรื่องการใช้ทางผ่านจากประเทศไทยให้กับกองกำลังต่างชาติและอาวุธจากต่างชาติรั่วไหลเข้าไปในพม่า
กระทั่งทำให้ชนกลุ่มน้อยมีขีปนาวุธ มีโดรนโจมตีที่มีลักษณะเป็นอาวุธที่ร้ายแรงมากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการหลั่งไหลเข้าไปของอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ที่มีความร้ายแรงเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ โดยผ่านเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งเข้าไปในพม่า และสำหรับประเทศที่มีระบบสืบราชการลับและระบบดาวเทียมตรวจสอบข้อมูลลับที่ทันสมัย มีหรือจะไม่ล่วงรู้ว่ามาจากไหนไปจากไหน
สถานการณ์สงครามกลางเมืองที่รุนแรงขึ้นในพม่าเท่าใดล้วนเป็นผลสะท้อนว่ามีกำลังจากต่างชาติในหลายรูปแบบและมีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยร้ายแรงจากต่างประเทศเข้าไปเสริมให้กับชนกลุ่มน้อยที่ทำสงครามกับรัฐบาลพม่า จนกระทั่งเกิดการปะทะกันที่ชายแดนจีน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมกระตุกหนวดหรือกระทบต่อจีนอย่างรุนแรง
จึงเป็นเหตุให้จีนต้องดำเนินการซ้อมรบในพื้นที่ชายแดนพม่าเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า
ประการแรก ประเทศอาเซียนบางประเทศจะต้องไม่ทำให้อาเซียนเป็นยูเครน 2 ประเทศอาเซียนบางประเทศนั้นเป็นประเทศไหนจะต้องตรวจสอบกันให้ดี
ประการที่สอง กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะปฏิบัติตามที่ได้ประกาศไว้ในการตั้งฐานทัพใหญ่ที่มองโกเลียใน ล่าสุดที่ว่าถ้ามีกองทหารต่างชาติเข้าไปในพม่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนก็จำเป็นต้องเคลื่อนกำลังเข้าไปในพม่าเช่นเดียวกับเมื่อครั้งสงครามเกาหลีด้วย
สงครามเกาหลีคือสงครามที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีนเคลื่อนกำลังพล 1,500,000 คน เข้าในประเทศเกาหลีเหนือ ตีตอบโต้กองกำลังของนายพลแมคอาเธอร์300,000 คน ตั้งแต่พื้นที่แม่น้ำยาลูชายแดนจีน จนแตกพ่ายไปถึงเส้นขนานที่ 38 และทำสัญญาหยุดยิงกันที่นั่น
หรือว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย แต่ถ้าจะซ้ำรอยก็อย่าให้มาซ้ำรอยที่ประเทศไทยของเราก็แล้วกัน และนี่คือภารกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลเศรษฐาที่จะต้องแก้ไขแก้เกมเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี