คนไทยจำนวนไม่น้อยมีหนี้สิน แต่บางคนมีหนี้สินแล้วสามารถชำระชดใช้ได้ โดยก่อหนี้เพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจการค้าการขายการลงทุน แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ก่อหนี้สินด้วยความประมาท ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเองได้ ซึ่งเข้าข่ายผู้ก่อหนี้โดยขาดสติ
จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ล่าสุดระบุว่าสังคมไทยมีหนี้ครัวเรือน ในไตรมาสที่สองของปี 2566 สูงถึง 16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ที่ระดับ 90.6 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าหนี้สินทุกหมวดเพิ่มสูงขึ้น แต่ที่น่าสังเกตคือหนี้สินสำหรับอสังหาริมทรัพย์ และหนี้สินเพื่อการอุปโภค-บริโภคส่วนตัวแล้วที่น่าหนักใจมากคือ ในขณะที่มูลหนี้สูงขึ้น แต่ทว่ากำลังในการชำระหนี้กลับลดลง หรือพูดง่ายๆ คือเป็นหนี้แล้วไม่สามารถชดใช้หนี้ได้
ปัญหาหนี้สินของคนไทย นับเป็นปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่งของสังคม แม้รัฐบาลทุกชุดพยายามจะแก้ปัญหานี้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้สำเร็จ ดังจะเห็นว่ารัฐบาลพยายามตั้งหน่วยงานแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เช่น พิโคไฟแนนซ์ และการจัดการด้วยกฎหมายกับเจ้าหนี้เงินกู้ที่คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ก็ไม่สามารถจัดแก้ปัญหาให้หมดไปได้ ซึ่งส่วนหนึ่งของปัญหาเกิดมาจากตัวของลูกหนี้เอง โดยเฉพาะพฤติกรรมใช้จ่ายแบบเกินตัว ใช้จ่ายโดยไม่สมเหตุสมผล และขาดวินัยทางการเงิน ส่วนบางคนก็คิดว่าก่อหนี้ไปเรื่อยๆ แล้วรัฐบาลจะตามมาใช้หนี้ให้ โดยเฉพาะคนที่เชื่อในคำหลอกลวงของนักการเมืองบางจำพวก ที่โฆษณาชวนเชื่อว่า รัฐบาลจะปลดหนี้สินให้กับทุกคน แต่ต้องเลือกพรรคการเมืองบางพรรค
ล่าสุด รัฐบาลชุดนี้ ที่นำโดยเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้พยายามหาทางแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยสร้างวาทกรรมการเมืองว่า หนี้นอกระบบเป็นเสมือนการค้าทาสยุคใหม่ และกำหนดให้ประเด็นหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ว่าแล้วนายกรัฐมนตรีก็โปรยยาหอมว่า จะคืนศักดิ์ศรีให้คนไทย โดยเฉพาะคนเป็นหนี้ แล้วจะทำให้คนไทยมีรายได้ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานรากดีขึ้น เพื่อไม่ให้คนไทยกลับไปเป็นหนี้แบบท่วมหัวท่วมหูอีก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสังคมไทยมีปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวงเงินสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่ในความเป็นจริงตัวเลขหนี้อาจจะสูงกว่านี้มาก และบอกว่าต้องบูรณาการหน่วยงานของรัฐบาลหลายหน่วยเข้ามาแก้ปัญหานี้เช่น ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ และกระทรวงการคลัง โดยภาครัฐจะทำหน้าที่ตัวกลางแก้ปัญหา โดยใช้การไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ โดยให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมเสมอหน้ากัน เพื่อให้ปิดหนี้สินให้จบลง แล้วนายกรัฐมนตรีก็แสดงความหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินอีกต่อไป แล้วบอกในเรื่องที่ทุกรัฐบาลพูดเหมือนๆ กัน แต่ทำไม่เคยสำเร็จคือ จะหาแหล่งเงินกู้ให้กับคนที่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน โดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน
นายกรัฐมนตรียังบอกว่าจะห้ามคิดดอกเบี้ยเงินกู้เกินร้อยละ 15 ต่อปี แล้วต้องดูด้วยว่าตั้งแต่เป็นหนี้ไปแล้ว ผู้เป็นหนี้ชดใช้เงินไปแล้วเป็นจำนวนเท่าไร หากจ่ายเกินจำนวนมูลหนี้แล้ว ก็จะให้ยกเลิกการชำระหนี้ เมื่อฟังคำพูดหาเสียง หาคะแนนนิยมทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีแล้วหลายคนอาจจะเคลิ้มแล้วฝันหวาน แต่สำหรับคนที่อยู่ในโลกแห่งความจริงก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะรู้ดีว่ามันเป็นเพียงการหาเสียงของนักการเมือง คนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแย้งโดยพลันว่า หนี้บัตรเครดิต ซึ่งถือเป็นหนี้ในระบบ ยังเก็บดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปีเลย นายกรัฐมนตรีคงไม่เคยเป็นหนี้บัตรเครดิต ก็เลยไม่ทราบเรื่องนี้เพราะในสมัยก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีเคยแต่กู้เงินจำนวนมหาศาลจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจบ้านจัดสรร และอสังหาริมทรัพย์ จนทำให้บริษัทของนายกรัฐมนตรีมีกำไรจากการประกอบธุรกิจอย่างงดงาม นายกฯ อาจไม่เคยเป็นหนี้บัตรเครดิต จึงไม่รู้ว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นเกินร้อยละ 15 ต่อปี
ว่าแล้ว นายกรัฐมนตรีก็อ้างไปถึงเรื่องการลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เช่น ลดค่าไฟฟ้า ค่าน่้ำประปา ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และการพักหนี้ให้เกษตรกร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลก่อนๆ เคยทำมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถแก้ป้ญหาหนี้สินของประชาชนได้ โดยเฉพาะการพักหนี้ให้เกษตรกรนั้น ทำมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เห็นว่าหนี้สินของเกษตรกรจะหายไปได้จริงแต่กลับมีหนี้สินพอกพูนขึ้นตลอดเวลา แสดงว่าแก้ปัญหาได้ตรงประเด็น หรือแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ก็ยังดันทุรังจะทำต่อไปเพราะทำแล้วได้คะแนนนิยมทางการเมือง แต่เป็นการสร้างหนี้สินให้ประเทศอย่างสาหัส
ขอบอกว่า ปัญหาหนี้นอกระบบนั้น แก้ด้วยคำหวานของรัฐบาลไม่ได้อย่างแน่นอน แต่แก้ได้ด้วยการที่รัฐบาลต้องสร้างงานสร้างอาชีพที่มั่นคงให้ประชาชน ต้องไม่ปล่อยให้ประชาชนถูกนายทุนทุกระดับเอาเปรียบ และรัฐบาลต้องยุติพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐให้ได้ แล้วต้องทำให้ประชาชนมีวินัยในการใช้เงินให้ได้ หากทำได้เช่นนี้ ก็จะแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่ไม่จำเป็น และแก้ป้ญหาหนี้นอกระบบได้อย่างจริงจัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี