การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เห็นชอบในหลักการอนุมัติ “โครงการเขียนแบบก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง” จ.เลย
โดยส่งมอบให้สำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อนุมัติให้องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เข้าไปสำรวจ เก็บข้อมูลสถานภาพทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและความเป็นไปได้ในโครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.2566-ก.ย.2568 โดยเป็นเพียงการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่ใช่ศึกษา EIA
1. นายณัฐพล เหลืองวงศ์ไพศาล ประธานหอการค้า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 5 จังหวัด สนับสนุนโครงการนี้
ระบุว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวชอบความสะดวกสบาย ที่ไหนไปลำบากมักจะไม่เป็นที่นิยม แม้กระทั่งกลุ่มของเยาวชน กิจกรรมที่จะทำอะไรหนักๆ ก็ไม่ค่อยตอบโจทย์มากนัก ตนเชื่อว่ากระเช้าขึ้นภูกระดึงเกิดขึ้นแน่ 100%
“แนวคิดนี้น่าจะผลักดันให้เป็นจริงได้ และการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง จะเป็นอีกแนวทางของการท่องเที่ยวที่เป็นตัวกระตุ้นสร้างรายได้ ไม่ว่าทั้งภาคอีสาน หรือทั้งประเทศก็ว่าได้ หากทำสำเร็จก็จะเป็นกระเช้าแห่งแรกของประเทศไทย และจะเป็นตัวโมเดลที่จะเกิดกระเช้าขึ้นในหลายแห่งกับสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างรายได้อย่างมหาศาล
ส่วนของการศึกษา ที่ให้ อพท.5 ได้ทำออกมาเท่าที่ทราบ ยังไม่พบข้อจำกัดหรือปัญหาและอุปสรรคอะไร เพียงแต่ศึกษาแล้ว ได้ว่างเว้นและไม่มีการก่อสร้าง รัฐไม่ทำต่อการทำผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ HIA ก็หมดอายุลง ครั้งนี้ก็คงขอดำเนินการใหม่ศึกษา HIA เพื่อได้ข้อมูลในปัจจุบัน และคาดว่าหลังจบขบวนการศึกษาออกมาใหม่ รัฐบาลชุดนี้คงจะนำเข้า ครม.และอนุมัติการสร้างออกมา
ในส่วนของงบประมาณการก่อสร้าง ในเรื่องเราไม่กังวล เพราะการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ในรูปแบบที่มีการศึกษาออกมาแล้ว ไม่ได้ทำกระเช้าที่ยาวมาก ระยะแค่ 1 กิโลเมตรเศษๆ ถ้าเทียบกับประเทศอื่นอย่างเวียดนาม จีน เขาจะสร้าง 10-20 กิโลเมตร ภูกระดึงสร้างขึ้นเพียงความสูง 1,200 เมตรเท่านั้น ตัวกระเช้าหรือเคเบิลคาร์ บรรจุได้แค่ 6 คนเท่านั้น ฉะนั้นงบประมาณที่ทำ และเชื่อว่าหากรัฐไม่ทำ เอกชนพร้อมที่จะทำ
แต่สิ่งที่ยังคงกังวลนอกจากศึกษาความเป็นไปได้ หรือจัดสร้างกระเช้าไปแล้วนั้น เราคงต้องดูในเรื่องของรูปแบบหรือระบบการจัดการที่ต้องทำอย่างไร ให้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปแล้ว ไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมด้านบนไม่ว่าทั้งต้นไม้ สัตว์ป่า บนภูกระดึง ตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า”
2. นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ตั้งข้อสังเกตน่าคิดว่า ผลประโยชน์ หรือ ผลกระทบ กระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงพิจารณาให้ดี
“1.ภูกระดึงเป็นป่าดิบเขาที่มีลักษณะเฉพาะตัวมีระบบนิเวศวิทยาที่สมบูรณ์ ซึ่งทั้งโลกมีเพียงแค่ 3% เท่านั้น จึงจัดให้เป็นพื้นที่ที่มีความเปราะบางต่อการถูกทำลายอย่างมาก
กระเช้าขึ้นภูกระดึงสามารถนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปได้ถึงวันละ 4,000 คน การควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวจะทำได้ทั่วถึงหรือไม่ ในเมื่อนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ยังดูแลได้ไม่ทั่วถึงเลย
2.การสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงอาจจะขัดแย้งต่อจุดประสงค์หลักของการจัดตั้งพื้นที่อุทยานแห่งชาติ นั่นก็คือเพื่อรักษาพื้นที่ป่าและเป็นแหล่งศึกษาวิจัย
ส่วนประเด็นรองลงมาคือการให้บริการเพื่อสันทนาการ แต่สิ่งที่ไม่ใช่จุดประสงค์ของการตั้งอุทยานแห่งชาติก็คือการกอบโกยรายได้เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
3.โครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นเขาภูกระดึง จังหวัดเลย ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องกำหนดประเภท และขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 24 เมษายน 2555
ต้องให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน จึงจะดำเนินการก่อสร้างได้
แต่ที่ผ่านมาหากเป็นโครงการของรัฐแล้ว มักจะผ่านความเห็นชอบเกือบทุกโครงการ
ดังนั้น การทำรายงาน EIA ให้ผ่านจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับการพัฒนาโครงการ Mega project ระดับแค่นี้
ยกเว้นจะมีเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวางจากพี่น้องประชาชนจำนวนมากจึงจะยอมถอย”
3. มุมมองของคนทำทัวร์ เพจ เพื่อนนักสะพายเป้ Backpacker’s friend ให้คิดว่า
“ดราม่า กระเช้า ภูกระดึง...
เคยพาลูกเพจ ไปเขาหวงซาน . ที่จีน
เขามีกระเช้านะ แต่ก็มีโซน ที่จัดสรร ให้ต้องเดิน ปีนป่ายด้วย
มีโรงแรมจุดพัก ร้านอาหารด้านบน แยกเป็นสัดส่วน
เขาบริหารจัดการดีอ่ะ
เขาหวงก็ยังสวยงาม ไม่ได้ถูกทำลาย ดึงพลังเงินเข้าท้องถิ่น มหาศาล
ถ้าทำได้แบบเขา ..ก็อยากให้ทำ
แค่หวั่นๆ ว่าจะทำได้ไหม..
ส่วนตัวเรามองกลางๆ ถ้าจะทำ อยากให้ทำ ให้ดี ทัดเทียม ประเทศอื่น
ถ้าทำไม่ได้ แบบขอไปที ก็อย่าทำเลย..
มาชูพิกชู ก็ มีทางเข้าสองทางนะ
ทางลำบากเดิน 5 วันถึง.ชื่ออินคาเทรล เคยไปมา แล้ว แพงสะบัด หลายหมื่น แต่นักท่องเที่ยวก็ยังบุกบั่นยอมจ่าย เพื่อไปลำบาก
แต่อีกทางเขาตัดถนนขึ้นไป ให้นักท่องเที่ยวที่เดินไม่ไหว ได้ขึ้นไปชื่นชม
มันอยู่ที่การบริหารจัดการ...”
4. สุดท้าย คุณ Withawatt Cozy Tansuhaj ให้ข้อมูลและรูปภาพที่น่าสนใจเพิ่มเติมในเฟซบุ๊คว่า ว่าด้วยกระเช้า
“ประเด็นเรื่องกระเช้าภูกระดึง มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
แต่อย่างหนึ่งที่อยากจะบอกแก่ฝั่งสนับสนุนที่ยกเอากระเช้าจีนที่ขึ้นหุบเขาสวรรค์กับกระเช้าเวียดนามที่ขึ้นบาน่า ฮิลล์ มาเปรียบเทียบ ซึ่งจะบอกว่ามันไม่เหมือนกัน
ยิ่งบอกว่าจะให้คนแก่หรือพิการขึ้นไปเพื่อจะได้เที่ยวเหมือนสองที่นี้ ยิ่งใช้ไม่ได้
เพราะกระเช้าทั้งสองที่มันแค่พาไปจุดราบกลางภูเขา เพราะทางที่ขึ้นมันเดินขึ้นไม่ได้จริงจริง นอกจากไม่สวยแล้วยังไกลมาก โปรดดูภาพแรก ข้างล่างนั่นแหละถนนที่ต้องนั่งรถมาถ้าไม่ขึ้นกระเช้า ๕ จุดแรก
ซึ่งต่างจากภูกระดึง เพราะมีจุดเดินชมริมทางมาตลอดจากต้นทาง
และ (ที่จีนกับเวียดนาม) ไปถึงถ้าเดินไม่ไหวหรือเดินไม่ได้ ก็อย่าหาขึ้นไปเลยครับ เพราะมันไม่มีอะไร คุณต้องเดินต่อตามรูปที่ผมลงให้ดูนั่นแหละ ที่ผมต้องเดินไต่เขาอีกเป็นชั่วโมงเพื่อจะดูจุดชมประตูสวรรค์และภูเขาสวรรค์ได้เต็มตา
บาน่า ฮิลล์ ก็เหมือนกันถ้าถึงแล้วไม่เดิน ก็ทำได้แค่นั่งรอมันร้านกาแฟจุดกระเช้านั่นแหละ เพราะจุดต่อจุดต้องเดิน ไกลด้วย
ส่วนของภูกระดึงก็คิดดูกันเอาเองว่า กระเช้าขึ้นไปถึงแล้ว จะเห็นหรือได้อะไร
ที่จีนเจอคนแก่แก่ขึ้นไปไม่น้อยนะครับ แต่อาม่าอากงพวกนั้นอีอึดมาก เดินนำผมลิ่วลิ่วตั้งแต่เชิงบันไดไปจนถึงยอดดอย ไม่เห็นมีใครขึ้นไปถ่ายรูปเช็คอินแล้วก็นั่งกระเช้ากลับ
ถ้าอ้างเรื่องให้คนแก่เดินไม่ไหวขึ้นไป นี่ไม่ใช่แน่และอ้างของจีนก็ผิดมากมาก
ปล.ส่วนอ้างเรื่องเด็กก็ดูคุณแม่อุ้มลูกปีนบันไดในรูปสุดท้ายเอานะครับ”
5. สุดท้าย สะท้อนชัดเจนว่า ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ “การสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง”
แต่คือ “แนวทางการบริหารจัดการหลังจากมีกระเช้า”
มันมีความรอบคอบ ครบถ้วน รัดกุม มีประสิทธิภาพแค่ไหน?
จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวตรงจุดไหน จะกระทบกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” แค่ไหน?
จะกระทบกับเสน่ห์แท้จริงของภูกระดึงแค่ไหน?
คนขึ้นกระเช้า จะจำกัดยังไง? จะให้เขาขึ้นไปดูจุดไหน เพราะหน้าผา ฯลฯ จุดท่องเที่ยวทุกจุดบนภูกระดึงล้วนต้องเดิน เดิน เดิน (ถ้าบอกว่าเดินไม่ไหว หรือไม่อยากเดิน)
จัดการได้จริงหรือไม่? หรือจะเละเทะ ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี