เสียงสำรอกสำรากดังสนั่นราวเห็นใบตองแห้งแกว่งไกวของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ทำเอาสลิ่มหูตาเบิกพองโอ้ว!! พระเจ้าช่วยกล้วยทอดนักโทษเด็ดขาดคดีทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติบ้านเมืองเยี่ยงโทนี่วู้ดซัม... นักโทษเด็ดขาดชายหน้าเหลี่ยม “เข้าเกณฑ์ตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เรื่องระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ”

ระเบียบราชทัณฑ์ที่มี 19 อรหันต์เป็นสถาบันที่อยู่สูง/ใหญ่กว่ามีอำนาจมากกว่ากระบวนการยุติธรรม

19 ชบาป่าที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 ให้เป็นคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่กรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 คน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีข้าราชการในกรมราชทัณฑ์เป็นผู้ช่วยเลขานุการ 2 คน

อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อชี้ว่าใครสมควรถูกบังคับโทษด้วยวิธีการอื่น นอกจากการควบคุม ขัง หรือจำคุกไว้ในเรือนจำ หมายถึงว่าให้ขังนอกคุกนอกเรือนจำอาจใช้บ้านจันทร์ส่องหล้า หรือใช้อาคารชินวัตรทาวเวอร์ ซึ่งทั้งสองแห่งมีเลขที่บ้านกำหนดไว้ชัดเจนเข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ที่ให้อำนาจชบาป่าพิจารณาตัดสิน

“สมศักดิ์ เทพสุทิน”อาจตั้งใจทำงานเพื่อให้ประเทศชาติเจริญพัฒนาโดยเร็ว จึงไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนเจ้าของเงินที่ถูกโกงไปจำนวนมหาศาลเหล่านั้น

ลืมหรือไม่ว่า “โจรหน้าเหลี่ยม ... นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” ต้องคำพิพากษาศาลจำคุก 8 ปี จาก 3 คดีที่มีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ติดคุก 1 ปีอย่างเสียงเห่าหอน เพราะนั่นเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี ให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี เพราะผู้ต้องโทษหน้าเหลี่ยมถวายฎีกา พร้อมรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง และยังมีคดีรอคำพิพากษาอีก 2 คดี หนึ่งในนั้นคือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

“สมศักดิ์ เทพสุทิน” ในวัย 68 ปี น่าจะผ่านการอบรมสั่งสอนจากบุพการีมาไม่มากก็น้อยว่าเด็กดีมีหน้าที่ซื่อสัตย์ “ความซื่อสัตย์เป็นสมบัติของผู้ดี” เคยไหมเคยได้ยินได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องนี้หรือไม่

“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” พระราชทานพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตธรรมศาสตร์เมื่อพ.ศ. 2496 ความว่า “...ข้าพเจ้าใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายจงมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต ถือเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพราะคุณธรรมอันนี้เป็นมูลฐานอันสำคัญที่ยังเจริญ และความเป็นปึกแผ่นแก่สังคม เป็นบ่อเกิดแห่งความกลมเกลียว ความซื่อสัตย์ที่ว่านี้ หมายถึงความสุจริตซื่อตรงต่อหน้าที่การงานต่อตนเองและต่อผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง มีเจตนาบริสุทธิ์ไม่เอารัดเอาเปรียบ สำหรับท่านที่ใช้วิชากฎหมายย่อมกินความถึงการรักษาความเป็นธรรม ไม่บิดเบือนความหมายของตัวบทกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นเสมือนหนึ่งเกราะคุ้มภัยแก่ท่านตลอดไป ดังบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ว่า “สุจริตคือเกราะบังศาสตร์พ้อง”

ท่านจบสถาบันอุดมศึกษาแห่งนี้น่าจะซึมซับน้อมใส่เกล้าฯอยู่บ้าง น่าจะคิดได้คิดเป็น

แล้วทราบอีกไหมว่า “...องค์การสหประชาชาติ ระบุว่าการทุจริต คอร์รัปชั่น โกงชาติ-โกงแผ่นดิน คือการบ่อนทำลายประเทศชาติและทำลายสังคมมนุษยชาติ ที่เลวทราม บัดซบ ที่สุด…”

พระไตรปิฎกยังให้คนผิดศีลข้อสองตกนรก 1,000 ปีนรก ก็เท่ากับ 12,960,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

ถ้าโคตรโกงทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ใช่คดีร้ายแรงอย่างสามัญสำนึกของคนในรัฐบาล

เราจะสอนเยาวชนรุ่นหลังอย่างไร และประชาคมโลกยังจะสังฆกรรมกับสังคมไทยประเทศไทยอีกหรือ