แล้ววันนี้ การถล่มฉนวนกาซาทั้งทางทะเล ทางอากาศและทางบกของกองทัพยิว ก็ได้สังหารชาวกาซาตายไปแล้วกว่า 20,000 ราย (ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา) ตามที่สื่อทั้งหลายต่างคาดหมายไว้ล่วงหน้า

“ในจำนวนชาวกาซาที่ถูกถล่มตายไปกว่า 20,000ราย นั้น ร้อยละ 70 เป็นสตรีและเด็ก โดยเด็กๆ ตายไปกว่า 8,000 ราย ผู้หญิงตายไปกว่า 6,200 ราย”

ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นผู้ชายที่เป็นชาวบ้านธรรมดารวมถึงนักรบฮามาสที่ถูกฆ่าตายแบบ จิ๊บ จิ๊บ

ในขณะที่มียอดผู้บาดเจ็บมากกว่า 52,000 ราย สูญหายอีก 6,700 ราย และหมอที่ทำหน้าที่รักษาผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาลต้องเสียชีวิตไปอีก 310 ราย

สาเหตุที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งเด็กและผู้หญิงตายมากกว่ากลุ่มอื่น คำตอบที่ได้นั้น “ไม่ซับซ้อน” เพราะทั้งเด็กและผู้หญิงคือ “กลุ่มเปราะบาง” ที่ “หนีเอาตัวรอดจากความตายไม่ได้”

ส่วนนักรบฮามาสตายแบบจิ๊บ จิ๊บ นั้น เพราะทุกคนมีอาวุธไว้ป้องกันตัวเอง และทุกคน เป็นนักรบที่เชี่ยวชาญในการเอาชีวิตรอด

แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเกิดสงครามที่ไหน? ประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงมักจะ “ตกเป็นเหยื่อสงคราม ที่ตายเปลืองกว่าประชาชนกลุ่มอื่นๆ และตายมากกว่าทหารถึง หลายสิบเท่า”

ตัวอย่างจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยิวในยุโรปที่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก็ถูก “ฮิตเลอร์ หนวดจิ๋ม”สั่งให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตายไปกว่า 6 ล้านราย

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกเช่นกัน “เฮนรี่ เอช. ทรูแมน”ผู้นำอินทรีหัวขาวก็สั่งให้ “ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์” ชื่อ“ลิตเติ้ลบอย” ถล่มเมือง “ฮิโรชิมา” และสั่ง “ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์” ชื่อ “แฟทแมน” ถล่มเมือง “นางาซากิ”จนประชาชนชาวปลาดิบผู้บริสุทธิ์ต้อง “ตายทันทีและตายผ่อนส่งไปกว่าสองแสนราย”

สงครามจากสนามรบอื่นๆ ทั่วโลกที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ “ทุกสงคราม” ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่างตายมากกว่าทหารที่มีอาวุธ

ดังนั้น ประชาชนทั้งพิภพต่างจึง “ไม่ต้องการสงคราม” มีแต่ “นักการเมืองที่หิวอำนาจเท่านั้น ที่ขยันก่อสงครามอย่างเมามันสติแตก” เพราะนักการเมืองเห็นชีวิตของชาวบ้านไร้ราคายิ่งกว่าชีวิตของ มด ปลวก

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม