ประเด็นว่า รัฐบาลเพื่อไทย เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือละเว้นเพื่อประโยชน์ของนายทักษิณ ชินวัตร
กลับถูกฝ่ายทักษิณออกมาข่มขู่ ว่าคนที่ตั้งคำถามตรวจสอบเรื่องนี้ จะถูกดำเนินคดีเสียเอง
เรื่องแบบนี้ ถ้ามีการดำเนินคดีจริง ก็จะตอกย้ำความเลวร้ายในผู้มีอำนาจรัฐปัจจุบันเสียเองเช่นกัน
1.ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ “ทักษิณ” ได้โพสต์ข้อความเตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ร้ายว่า ไม่ได้ป่วยจริง และเรียกร้องเปิดข้อมูลผู้ป่วย ระบุว่า #อย่าล้ำเส้น
“ผู้ใดเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ได้รับความยินยอม
ด้วยการอ้างข่าวลือ ให้ร้ายนายทักษิณ ชินวัตร ว่าไม่ได้ป่วยจริง ไม่อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือเป็นอภิสิทธิ์ชน
ทั้งกล่าวหาพาดพิงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการกล่าวใส่ความ ยุยงส่งเสริม สนับสนุนให้บุคคลอื่นกระทำการละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น
เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิของผู้ป่วยและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
การอ้างข้อเท็จจริงเลื่อนลอยให้สังคมหรือประชาชนเกิดความสับสน โดยไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง หรืออ้างว่ามีหน้าที่ แต่ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่นโดยจงใจ หรือมุ่งหวังกระแสสังคมให้คิดลบหรืออาศัยสถานะของตนที่มีช่องทางสื่อสาร สัมภาษณ์ต่อสาธารณะ โดยยืนยันข้อเท็จจริงที่ทำให้เสื่อมเสียต่อ ชื่อเสียง เกียรติยศ นั่นคือเจตนากระทำความผิดต่อกฎหมาย
อนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขสำคัญและภายใต้อายุความ จึงจำเป็นที่ต้องใช้สิทธิ์ดำเนินคดีกับผู้ใดก็ตามที่กระทำการละเมิดสิทธิของ นายทักษิณ ชินวัตร”
2. ใครก็ตาม พึงสำเหนียกว่า การจะฟ้องร้องดำเนินคดีใครก็ตาม รวมถึงแจ้งความดำเนินคดี บุคคลที่จะกระทำเช่นนั้น ต้องทำด้วยมือสะอาด
การไปศาลต้องไปด้วยมือสะอาด
มิใช่ด้วยเจตนาต้องการยับยั้งการตรวจสอบอำนาจรัฐหรือปกปิดการกระทำผิดของตนเอง
ดีกว่าการฟ้องร้องดำเนินคดี คือ เอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาชี้แจงยืนยันกันด้วยหลักฐานที่อ้างอิงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด
3. นายชัยชนะ เดชเดโช ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ตอบโต้ชี้แจงกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากคณะกรรมาธิการฯ จะไปศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลตำรวจ ในเรื่องวิธีการ ขั้นตอนและมาตรการดูแลผู้ต้องขังเข้ากรณีเข้ารับรักษาตัว และรวมถึงเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีอาการป่วยจริงอย่างไร ก็ต้องระวังว่าจะถูกฟ้อง และ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ ที่ประกาศว่า จะดำเนินการฟ้องร้องคนที่ต้องการให้เปิดเผยข้อเท็จจริงถึงอาการป่วยของนายทักษิณ โดยอ้างว่า เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิของผู้ป่วยและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
ระบุว่า ตนเห็นว่า ทั้งสองกรณี มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ต้องการปกป้องสุดชีวิต และปกปิดไม่ให้สาธารณชนรับรู้
โดยให้เข้าใจเอาเองว่า นายทักษิณ ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล และกลายเป็นชุดความคิดที่จะสะกดจิตคนไทยทั้งประเทศ
ดังนั้น การที่ทางคณะกรรมาธิการฯ จะเดินทางไปดูงานที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อสอบถามถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง และ สอบสวนหาข้อเท็จจริงให้กับคนไทย ในวันที่ 12 มกราคม 2567 นั้น ถือว่าเป็นการทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทยที่ได้รับเลือกมาตามระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญฯมาตรา 129 ก็ได้รับรองการกระทำของคณะกรรมาธิการแต่ละชุด ในการสอบหาข้อเท็จจริง
ยืนยันว่า ทางคณะกรรมาธิการการตำรวจ มีอำนาจหน้าที่อย่างถูกต้องในการดำเนินการดังกล่าว เพราะฉะนั้น ตนก็ต้องขอบคุณนายสมศักดิ์ และนายวิญญัติ ในความปรารถนาดีที่เป็นห่วงกลัวว่า คณะกรรมาธิการฯ และประชาชนที่ต้องการทราบข้อเท็จจริง จะกระทำผิดกฎหมาย เพราะเชื่อว่าหากกระทำการโดยอาศัยอำนาจที่มีตามกฎหมายอย่างซื่อสัตย์สุจริตและตรงไปตรงมาแล้ว ก็จะมีกฎหมายและข้อเท็จจริงคอยคุ้มครองบุคคลเหล่านั้น ให้รอดจากภัยอันตรายและโทษทางกฎหมาย แต่ถ้าหากว่า รู้ทั้งรู้ว่าข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นอย่างไร ก็แต่ยังดันทุรังเพื่อช่วยเหลือให้บุคคลคนหนึ่งมีสิทธิมากกว่าคนอื่นๆ จนกลายเป็นคนไม่เท่ากันแล้ว นอกจากจะทำให้เกิดความไม่สบายใจกับตนเองแล้ว ยังจะทำให้ส่วนรวมขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทยด้วย
“ผมก็ไม่ได้แปลกใจที่ทั้งรองนายกฯ สมศักดิ์ และนายวิญญัติ จะใช้วิธีการฟ้องปิดปากกับทางคณะกรรมาธิการฯ และประชาชนที่ต้องการทราบว่า นายทักษิณ อยู่ที่ไหนและทำไมยังรักษาตัวไม่หาย
และผมคิดว่า บุคคลทั้งสอง ควรจะคำนึงประเด็นสงสัยของประชาชน
ขณะนี้ มีหลายข้อสงสัยที่ทางคณะกรรมาธิการฯ จะต้องหาคำตอบให้ได้ เช่น
ตกลงแล้วนายทักษิณป่วยหนักจริงหรือไม่
ทำไมได้เอกสิทธิ์และอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น
ตกลงแล้วนายทักษิณจะได้กลับเข้าไปเรือนจำเพื่อชดใช้ความผิดหรือไม่ เป็นต้น
ซึ่งการที่ผมและคณะกรรมาธิการฯ จะมีกำหนดการดูงานและสอบหาข้อเท็จจริง ที่โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 12 ม.ค.67 นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทำหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้อำนาจไว้ ไม่ได้กระทำการเกินเลยแต่อย่างใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางโรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์เองว่า จะตอบรับให้ทางคณะกรรมาธิการฯ เข้าไปดูงานและตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่อนุญาต ทางโรงพยาบาลตำรวจ กรมราชทัณฑ์และผู้เกี่ยวข้องก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ โดยเฉพาะข้อสงสัยของประชาชน” นายชัยชนะกล่าว
4. นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของลูกจ้างที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้าง แต่จะมีคนกลัว หรือไม่กล้าเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้ คงไม่มี
“ประเด็นสำคัญที่ประชาชนสงสัยในขณะนี้ก็คือว่า
1.กรณีจำคุกทิพย์
เมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศอภัยโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี เหตุใดยังไม่มีการลงโทษจำคุกในเรือนจำแม้แต่วันเดียว
ทำไมไม่ถูกขังคุกเหมือนนักโทษ 270,000 รายทั่วทั้งประเทศ
2.กรณีป่วยทิพย์
การอ้างว่าป่วยถึงขั้นไปรักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมถึงวันนี้ เกินกว่า 120 วันแล้ว
ป่วยจริงหรือไม่? อยู่ที่ชั้น 14 ตลอดเวลาหรือไม่?
และค่ารักษาพยาบาล น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ก็เบิกค่าใช้จ่ายจากบัตรทอง เป็นเงินภาษีอากรของประชาชน พี่น้องประชาชนก็มีสิทธิ์สงสัย ไม่ผิดกฎหมายแต่ประการใด
ถ้า น.ช.ทักษิณจะฟ้อง ผมก็ยินดีและไม่กลัวแต่ประการใด
ถ้าศาลมีคำพิพากษาว่าผมกระทำการผิดเพราะเป็นปากเสียงให้ประชาชนในเรื่องนี้ ผมก็ยินดีที่จะเดินเข้าคุกให้ น.ช.ทักษิณดู
ส่วนทนายความของ น.ช.ทักษิณ ก็ควรดูตัวอย่างทนายความในอดีตของ น.ช.ทักษิณที่ถูกใช้ให้ถือถุงขนม (2 ล้าน) ไปให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแล้วผลเป็นอย่างไร
ในฐานะที่จบรามคำแหงด้วยกัน จึงขอเตือนมาเป็นอุทาหรณ์
และอย่ากลัวที่ทุกคนอยากรู้ความจริง
อย่าปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ
ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด
นี่ไม่ใช่การล้ำเส้น แต่เป็นการพิสูจน์สัจธรรมตามรัฐธรรมนูญทุกประการ” – นายวัชระกล่าว
5. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“อย่าใช้กฎหมาย ปิดปากประชาชน
พี่หลายคนถามผมว่า ไม่กลัวถูกฟ้องคดีหมิ่นประมาทบ้างหรือ หลังจากเห็นข่าวคุณวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของคุณทักษิณ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศจะฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาท กับผู้วิจารณ์คุณทักษิณแบบล้ำเส้น
ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ตอบคำถาม ข้อสงสัยกับหลายคนว่า ผมได้วิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่คุณทักษิณเป็นนักการเมืองใหม่ๆ เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และเป็นนายกรัฐมนตรี ผมสู้กับระบอบทักษิณมายาวนาน ในฐานะนักการเมืองด้วยกัน คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเป็นสส.ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาลคุณทักษิณอย่างเข้มแข็ง
วันนี้ คุณทักษิณเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นนักโทษชายเด็ดขาด แม้ว่าจะเป็นนักโทษวีวีไอพี หรือที่เรียกกันว่านักโทษเทวดา
ส่วนตัวแม้จะเป็นนักโทษธรรมดา แต่ก็มีสถานภาพเดียวกันกับคุณทักษิณ คือเป็นนักโทษชายเด็ดขาดเหมือนกัน
ผมขอทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเพื่อนนักโทษ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศ จำนวน 400,000 คน ออกมาทวงถามความเท่าเทียมกัน วิพากษ์วิจารณ์สถานะนักโทษของคุณทักษิณ ที่นักโทษคนอื่นๆ มีความรู้สึกว่า คุณทักษิณเอาเปรียบเพื่อนนักโทษด้วยกันในทุกด้าน ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เหมือนกับนักโทษทั่วไป เช่น
1.การเข้าสู่เรือนจำ นักโทษทั่วไป ต้องนั่งรถกรงขังของเรือนจำ จากศาล มาสู่เรือนจำไม่ใช่รถหรูที่คุณทักษิณนั่งมา
2.การเข้าสู่เรือนจำต้องคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการแหย่จมูก ซึ่งไม่แน่ใจว่าคุณทักษิณทำหรือไม่
3.ต้องมีการกรอกประวัติลงทะเบียนนักโทษ หรือระบบข้อมูลผู้ต้องขัง แบบ ร.ท.101
4.นักโทษทุกคนก่อนเข้าสู่เรือนจำ ต้องปั๊มลายมือทั้ง 10 นิ้ว ลงในประวัติอาชญากรรม
5.ต้องตัดผมทรงนักโทษ คือตัดเกรียน 3 ด้าน บนศีรษะยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร
6.ต้องเปลี่ยนสวมชุดนักโทษสีน้ำตาล หรือสีฟ้า ซึ่งยังไม่มีใครเห็นภาพคุณทักษิณ สวมชุดนักโทษเลย
7.นักโทษเข้าใหม่ ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งคุณทักษิณก็ไม่ได้ถูกกักตัวแต่อย่างใด
ข้อมูลทั้งหมดนี้ เป็นข้อเท็จจริง ที่คุณทักษิณไม่ได้ปฏิบัติเหมือนนักโทษทั่วไป
ทั้งนี้ไม่รวมถึงสิทธิพิเศษในการอ้างเหตุเจ็บป่วยของคุณทักษิณ ที่แตกต่างกันนักโทษทั่วไป ซึ่งกว่าจะออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ ต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจอาการ เช็คประวัติและความเห็นของแพทย์ รวมไปถึงการอนุมัติของฝ่ายควบคุม และผู้บัญชาการเรือนจำเป็นผู้อนุมัติคนสุดท้าย
ดังนั้น การวิจารณ์ของผม ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงไม่ได้ไปละเมิดสิทธิ์ใดๆของคุณทักษิณแม้แต่น้อย
อย่าลืมว่า คุณทักษิณเป็นนักโทษวีวีไอพี เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตได้
ไม่อยากให้ทนายความประจำตัวของคุณทักษิณ ได้ใช้วิธีการเดิมๆ ลูกเล่นเก่าๆยกข้อกฎหมายฟ้องปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์ ควรจะใจกว้าง รับฟังความเห็นของทุกฝ่าย
ตราบใดที่ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ผู้เกี่ยวข้องยังไม่สามารถอธิบายข้อสงสัยให้เคลียร์ได้ การวิพากษ์วิจารณ์ และสืบหาข้อเท็จจริง จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี