l ๑. สรุปบทเรียนปี ๒๕๖๖
หนึ่ง. เหตุการณ์สำคัญในประเทศ ปี ๒๕๖๖
-17 มีนาคม 2566 พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๖
-14 พฤษภาคม 2566 วันเลือกตั้ง พรรคก้าวไกล คะแนนเสียงอันดับ 1
-22 พฤษภาคม 2566 : พรรคร่วมรัฐบาล ร่วมกันแถลงร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU)ในการจัดตั้งรัฐบาล
-พรรคเพื่อไทย ได้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี (22 ส.ค. 2566)
-7 ส.ค. 2566 : ท่านอ้น-วัชเรศร วิวัชรวงศ์ เดินทางเข้ามาไทย และมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
-ปรากฏการณ์ทักษิณ : ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวด้วยบทบาทและอำนาจที่มีสูง
คำถาม : เป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ สิ่งที่ได้มา คุ้มหรือไม่ ?
ประเด็นที่มีสาระ คือ “คนไม่ได้เข้าใจ และมองไม่เห็น สิ่งที่ได้มา เห็นแต่ผลเสีย”
เรื่องนี้ ประวัติศาสตร์และกาลเวลาต่อไป จะให้คำตอบ***
(๑) มีการทำสัญญาพิเศษกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ ฯลฯ และ
(๒) การเจรจาลับกับ “ธนาธร เจ้าของพรรคก้าวไกล”
-22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเข้าเรือนจำเพียงไม่กี่ชั่วโมง อ้างว่าป่วย และไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ฯลฯ (โดยทักษิณได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยขอยอมรับผิดในการกระทำ และมีความสำนึกในความผิดจากจำคุก 3 คดี รวมเวลา 8 ปี เหลือโทษจำคุก 1 ปี)
-พรรคก้าวไกล ต้องผจญปัญหามากมาย จาก “กรอบคิดที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง” และการขาดประสบการณ์
-พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ แตกแยก ผู้นำคนสำคัญลาออกจากพรรค
-การแก้ปัญหาแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล : ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานทำได้ดีเยี่ยม
-งานครบรอบ ๕๐ ปี ๑๔ ตุลาคม (๒๕๑๖-๒๕๖๖)
จัดได้ใหญ่พอควร แต่เป็นการจัดรูปแบบเดิมไม่ได้มีการสรุปบทเรียนตามความเป็นจริงถูกต้องทำให้ไม่ได้เห็นจุดแข็งจุดอ่อน ข้อบกพร่องและผิดพลาดของการทำงานที่ผ่านมาและแนวทางการทำงานยังย่ำอยู่กับที่ ไม่ไปไหนจนถูกคนรุ่นใหม่บางส่วน วิจารณ์บทบาทของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
“ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศไทยได้ ทำให้ปัญหาต้องตกมาถึงคนรุ่นพวกเขา ฯลฯ”
l สอง. เหตุการณ์ใหญ่ระดับโลกที่เกิดขึ้นในปี 2566
-เรื่องต้องเฝ้าระวังปี 2567 กับมิติภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์
-24 กุมภาพันธ์ 2566 ความขัดแย้งจนระเบิดเป็นสงครามรัสเซีย vs ยูเครน
-เศรษฐกิจทรุด ธนาคารใหญ่หลายแห่งล้มอสังหาริมทรัพย์ ล้ม เมื่อเศรษฐกิจชะลอ และ AI ทำให้ 2566 กลายเป็นปีแห่งการเลย์ออฟ :
-7 ตุลาคม 2566 สงครามอิสราเอล-ฮามาส : ส่อเค้ายืดเยื้อ
-ความขัดแย้งในบริเวณทะเลจีนใต้ จีน vs ฟิลิปปินส์
-ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอาเซียน ลาว สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมา
-ความขัดแย้งระหว่าง อเมริกายูโร vs จีน รัสเซีย
-ปี 2024 คือปีแห่งการเลือกตั้งของบางประเทศที่อาจจะมีผลกระทบถึงไทย ไต้หวัน ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ฯลฯ
-สถานการณ์ในตะวันออกกลางลุกลามจากสงครามภูมิภาคสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของโลก
-ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนจะกลับมาฟื้นหรือไม่
-ความเสี่ยงจากการก่อหนี้เพิ่มของสหรัฐฯ และนโยบายการเงินการคลังที่ “ไม่รับผิดชอบ”
-วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศที่กำลังถูกบิดเบือน ภาวะโลกร้อน ภาวะโลกเดือด
l สาม. สรุปประเด็นที่มีสาระความคิดของผู้นำและสังคมต่อเหตุการณ์ที่ผ่านไป ๒๕๖๖
ก. ในเชิงหลักการ และหลักคิด
(๑) กรอบคิดที่ครอบงำสังคมไทย ยังคงเป็นความคิดเก่าและอคติ ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ มาจากการเลือกตั้ง (ที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม)ประเทศไทย ไม่มีแนวทาง นโยบายความคิดของตนเอง เอาความคิดตะวันตกมาครอบงำไม่ได้คิดแก้วิกฤตหรือพัฒนาโดยการแสวงหาสัจจะจากสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย
-ผู้นำเจ้าของพรรคที่มีอำนาจทุน บริวาร มวลชน สื่อ และสื่อสังคมออนไลน์ ได้สส.มากเป็นรัฐบาล
-พรรคที่ดีมีอุดมคติและคนดีที่มีอุดมการณ์เกิดเติบโตไม่ได้ และที่มีอยู่เริ่มถอยลงหรือยุบตัวไปเองในที่สุด
(๒) ผู้นำสังคมผู้นำรัฐบาลรัฐสภา นักวิชาการ ภาคประชาสังคม สื่อฯ ไม่ได้เป็นความหวังฯ ไม่คิดไม่วิเคราะห์สังเคราะห์และสรุปบทเรียน ไม่ตั้งคำถามว่า “ทำไมสังคมไทยจึงวิกฤตแก้ไม่ได้” คงย่ำต๊อกตามรอยเดิม ปัญหาเดิม ไม่มีอะไรใหม่ นายทุน นักการเมือง ข้าราชการ สื่อฯ มีทั้งการสมคบและแก่งแย่งอำนาจกัน
(๓) กลุ่มพลังที่มีโอกาสเกิด ต้องใช้ทุน อำนาจและสื่อโซเชียลยุคใหม่ที่ครอบงำความคิดคนรุ่นใหม่ การเกิดขึ้นมาของพลังกลุ่มนี้ จักเสนอความคิดอคติที่ล้มล้างวัฒนธรรมประเพณีและสถาบันเดิม โดยใช้ “ข้อมูลเก่า” ที่เสนออย่างเป็นระบบและกระบวนการอย่างต่อเนื่อง ต่อสังคม
(๔) กลุ่มเก่าที่ยึดมั่นในหลักการและสถาบันที่มีคุณค่าของสังคมเป็นหลัก ทำได้แค่ประคองตัว ไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าและเติบใหญ่ เป็นแกนหลักของสังคมการเมืองเศรษฐกิจไม่ได้เพราะยังยึดติดในหลักการคุณธรรมความดี และที่สำคัญคือ ยังคงกรอบคิดเก่าไม่ปฏิรูปตนเอง
(๕) อำนาจของสังคมไทย เป็นอำนาจของกลุ่มต่างๆ ที่ถ่วงดุลกัน ของทุกฝ่ายทุกสถาบันไม่มีสถาบันใดมีอำนาจเด็ดขาดเหนือกว่า และสภาพของสังคมประเพณีวัฒนธรรม ศักยภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและที่ตั้งของประเทศเป็นตัวค้ำจุนสังคมไทยไว้ มิให้เสื่อมทรุดลงไปมาก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถรักษาดุลของสังคมมิให้ตกต่ำ แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถพัฒนาเติบใหญ่ไปถึงขั้นสังคมอารยะได้
สรุป สังคมไทย ยังคงอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปอีกนาน จนกว่าจะมีเงื่อนไขปัจจัยใหญ่ที่จักเปลี่ยนแปลงได้ทั้งทางบวกและทางลบ
l ข. ในเชิงรูปธรรม เรื่องที่สำคัญ
(๑) แต่ละฝ่าย ต่างมีกรอบคิดของตน ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่ปัญหาใหญ่คือ มองฝ่ายอื่นเป็นศัตรู ไม่ได้ถือว่า เป็นผู้ที่ต้องประสานร่วมมือกันที่จะสร้างพัฒนา
(๒) แต่ละฝ่าย มีผลงานทั้งด้านบวกและด้านลบควรที่แต่ละฝ่ายจะต้องเอาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและส่วนรวมมาก่อน เรื่องที่ดีถูกต้องเป็นประโยชน์ ควรจะต้องสนับสนุน และค้านในเรื่องที่ผิดไม่ถูกต้อง
(๓) รัฐบาลเศรษฐา มีส่วนดี จุดแข็ง และส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง
(๔) เงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ ห้าแสนล้าน เป็นความพลาดใหญ่ของทักและรัฐบาลเศรษฐา
ฝ่ายค้านใหญ่ เช่น พรรคก้าวไกล มีเรื่องที่ดีอยู่ แต่เรื่องใหญ่ที่ยอมรับไม่ได้ คือ กรอบคิดที่เห็นและเข้าใจว่า “สถาบันหลักฯเป็นภัยต่อประชาชน” ต้องล้มล้าง ละเมิด ฯลฯ เป็นเรื่องที่ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้องเพราะเรื่องนี้ จะเป็น บูมเมอแรง boomerang ที่ย้อนกลับมาทำลายพรรคและผู้นำของตนและเป็นผลเสียหายใหญ่ต่อชาติบ้านเมือง
l ๒. เข้าใจแนวโน้มอนาคตตามความเป็นจริง
(๑) ประเทศที่แก้วิกฤตแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศได้ ต้องคิดจากสภาพความเป็นจริงของประเทศประชาชนของตนโดยต้องพยายาม ลงทุนศึกษาหา “แนวทางการพัฒนาประเทศ ที่จักสามารถก้าวพัฒนาไปได้”
(๒) ทุกฝ่ายจักต้องยึดเอาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมาก่อนเมื่อบ้านเมืองพัฒนาไปได้ด้วยดี ฝ่ายตนและพรรคของตนกลุ่มของตนจะสามารถพัฒนาก้าวไปได้
(๓) ต้องเข้าใจว่า “โลกในปีหน้าและต่อไป มีปัญหาใหญ่ทั้งการเมืองเศรษฐกิจการทหารสังคมฯ” ที่จักผลสะเทือนใหญ่มาสู่สังคมไทยการแก้วิกฤตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใหญ่และยากยิ่งกว่าเดิมมาก
ความร่วมมือกันแก้ไขวิกฤต จึงต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกฝ่าย จึงจะพาชาติไปได้
l ๓. การวางแผนบริหารจัดการที่ดีถูกต้องสอดคล้องกับความจริง จักนำมาซึ่งการบรรลุเป้าหมายปี ๒๕๖๗ การคิดและทำงานต้องมีแผนงาน และการสรุปบทเรียน ปรับให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
(๑) มีแนวทางที่ถูกต้อง เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองและส่วนรวม
(๒) มีแผนงานที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
(๓) คิดงานที่เป็นไปได้จริง
(๔) มีความมุ่งมั่นสูง เอาจริง ไม่ยอมแพ้ไม่เลิกรา เมื่องานยังไม่บรรลุ
(๕) ต้องมีการร่วมมือและประสานงานกันทุกฝ่าย โดยเฉพาะ
-ตัวเราเอง
-กลุ่มองค์กรและเพื่อนมิตรที่เราสัมพันธ์เชื่อมโยง
-กลุ่มองค์กรอื่นๆ
-ชุมชนที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์
-รัฐบาล รัฐสภา หน่วยงานต่างๆ
-กลุ่มทุน นักวิชาการ สื่อ เพื่อนมิตร มวลชนฯ
l ปีใหม่ ๒๕๖๗ งานใหญ่ยากลำบากมากขึ้นทั้งในประเทศและทั่วโลก
-เป็นช่วงของการลดลงอย่างร้อนแรงในภาวะเศรษฐกิจความตึงเครียดขัดแย้งใหญ่ทางการเมืองและการทหารของมหาอำนาจ
-และความขัดแย้งใหม่ ที่จะเติมเต็มความรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะทางการเมืองของสังคมไทย
จำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยพลังรวมหมู่ร่วมกายร่วมใจกันของผู้นำและประชาชนไทย
@ ขอให้ทุกคนทุกฝ่าย ทำงานตามความเป็นจริง ด้วยสติปัญญาความจริง
ด้วยความรักและความสุข ของตนและบ้านเมือง ตลอดปี ๒๕๖๗
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี