เป็นที่น่าสังเกตมากว่าทำไมเมื่อยิ่งใกล้จะถึงวันที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับการพักโทษ ทั้งๆที่นักโทษชายทักษิณไม่เคยเข้าไปรับโทษในคุกเลยแม้แต่วันเดียว ก็กลับมีข่าวอื่นๆ มากมายออกมา ซึ่งดูแล้วก็เข้าทำนองสร้างข่าวอื่นๆ ให้ไหลทะลักล้นออกมาเพื่อกลบข่าวนักโทษชายทักษิณ ซึ่งทำให้การช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณให้ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใดๆ ได้บรรลุเป้าประสงค์ได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น
น่าสงสัยไหมว่าทำไมอยู่ๆ ก็มีข่าวทะลุวังเกิดขึ้นในช่วงนี้ และเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมอยู่ๆ ก็มีข่าวตำรวจจับนักข่าว แม้จะมีข้อมูลว่านักข่าวใช้ความเป็นนักข่าวเข้าไปร่วมก่อสถานการณ์ในเชิงทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม
ขออภัยนะ บางคนดัดจริตบอกว่าการพ่นสีสเปรย์บนกำแพงพระบรมมหาราชวังไม่ใช่การจงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องถามกลับว่า ที่อ้างแบบนั้นเพราะว่าฉลาดน้อย (โง่) หรือไร้เดียงสากันแน่ถามต่อไปว่าเห็นแล้วใช่ไหมว่าคนที่จงใจพ่นสีสเปรย์บนกำแพงพระบรมมหาราชวัง พ่นข้อความอะไร แล้วข้อความนั้นเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่
แต่เอาเป็นว่าเรื่องนั้นเกิดมาหลายเดือน เกือบจะเป็นปีแล้ว แต่ทำไมตำรวจเพิ่งจะจับตัวนักข่าวสองคน รออะไรตั้งนานเกือบปี ทำไมไม่จับตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุใหม่ๆ ทำไมต้องรอมาจับในช่วงนี้ แล้วทำไมต้องจับในช่วงที่มีข่าวกลุ่มทะลุวังก่อเหตุ แล้วก็ต้องถามต่อไปอีกว่า กลุ่มทะลุวังรับงานจากใครหรือเปล่า จึงจงใจก่อเหตุในช่วงนี้
กลุ่มทะลุวังคงไม่โง่จนไม่รู้ว่านักโทษชายทักษิณกำลังจะได้รับการเกื้อหนุนจากลิ่วล้อบริวารให้หลุดออกมาจากคุก ทั้งๆ ที่นักโทษชายทักษิณไม่เคยอยู่ในคุกแม้แต่วันเดียว แล้วก็ไม่มีใครเชื่อว่านักโทษชายทักษิณป่วยหนักจนใกล้ตาย จึงต้องอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ณ ชั้น 14 ซึ่งไม่เคยมีใครทั้งนั้นบนโลกใบนี้เห็นว่านักโทษชายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจจริงๆ
18 กุมภาพันธ์นี้ ทุกคนพอจะทราบอยู่แก่ใจว่านักโทษชายทักษิณจะได้ออกไปเริงร่า เพราะได้รับการช่วยเหลือให้ได้รับการพักโทษ (ย้ำว่าเป็นเรื่องอุบาทว์ที่ได้รับการพักโทษทั้งๆ ที่ไม่เคยรับโทษแม้แต่วันเดียว) เรื่องนี้สมควรจะเป็นข่าวใหญ่ในสังคมไทย แต่กลับถูกเบี่ยงประเด็นให้เป็นข่าวเล็กๆ เบาๆ ด้วยการนำข่าวกลุ่มทะลุวัง ข่าวจับนักข่าว ออกมากลบข่าวใหญ่ของสังคมไทยคือข่าวนักโทษชายทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่ต้องติดกำไล EM และยังสามารถอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าได้ (เรื่องบ้านจันทร์ส่องหล้ามาจากปากของแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนักโทษชายทักษิณให้ข่าวเอง)
สาธารณชนไม่เห็นว่านายกรัฐมนตรี (หุ่นเชิด) จะกล้าวิพากษ์เรื่องความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีนักโทษชายทักษิณไม่ติดคุก ทั้งๆ ที่ทำผิดในคดีทุจริตอุกฉกรรจ์เป็นภัยอันตรายร้างแรงต่อประเทศชาติ เพราะคดีโกงประเทศเป็นคดีที่ร้ายแรงมากที่สุด แต่เรื่องนี้ไม่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีจะกล้าแสดงจุดยืนเรื่องความยุติธรรม ทั้งๆ ที่ชอบประดิษฐ์วาจาเรื่องความยุติธรรม เสมอภาค เป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา
คนในสังคมไทยถูกมองและถูกปฏิบัติว่าเป็นคนโง่มาโดยตลอด เพราะเป็นสังคมที่อำนาจรัฐเป็นใหญ่ ความจริงหาได้ยากเย็นแสนเข็ญ แถมนักการเมืองก็ยังจับมือร่วมกันฉ้อฉลปล้นประเทศมาโดยตลอด ถามจริงๆ จนถึงทุกวันนี้มีนักการเมืองพรรคไหนบ้างที่กล้าออกมาพูดตรงๆ ว่านักโทษชายทักษิณไม่ได้อยู่ในคุก พรรคการเมืองที่แสดงละครว่ากล้าตรวจสอบสารพัดเรื่อง แม้กระทั่งบอกว่าจะเข้าไปตรวจสอบพระราชทรัพย์ก็ยังไม่กล้าพูดเรื่องนักโทษชายทักษิณไม่ติดคุก ซึ่งก็ทำให้คนที่เข้าใจเกมการเมืองอย่างลึกซึ้งต่างวิพากษ์ตรงกันว่าเป็นเกมการเมืองที่ก้าวไกลร่วมเล่นกับเพื่อไทย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไม่เชื่อเลยว่าก้าวไกลจะมีปัญญาตรวจสอบและค้นหาความจริงในสังคมไทยได้ เพราะเรื่องทุจริตชัดเจนแบบกรณีนักโทษชายทักษิณไม่ติดคุก ก็ไม่เคยเห็นว่าก้าวไกลจะกล้าค้นกล้าคุ้ย
ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในยุคที่นักโทษชายทักษิณไม่ติดคุก ก็คือการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่านักการเมืองไทยทุกฝ่ายต่างร่วมมือกันช่วยให้นักโทษชายทักษิณไม่ต้องอยู่ในคุก แล้วยังช่วยกันสร้างข่าวกลบเรื่องนักโทษชายทักษิณไม่ติดคุกอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี