เดอะดิโพลแมต สื่อโฆษณาชวนเชื่อของ สภาวิเทศสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council of Foreign Relation=CFR) หรือ“ซีเอฟอาร์”สหรัฐอเมริกา ประโคมข่าวรัฐบาลเงาพม่าและพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลทหาร เผยแพร่โรดแมปทางการเมืองเพื่อยุติการปกครองของทหาร และนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ โดยกล่าวว่าพวกเขาพร้อมที่จะเจรจาสันติภาพหากกองทัพยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้น
เดอะดิโพลแมต เผยแพร่โรดแมปของรัฐบาลเงาพม่าหนึ่งวันก่อนครบรอบปีที่ 3 ของการยึดอำนาจโดยกองทัพจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางออง ซาน ซู จี และเป็นวันเดียวกันกับที่รัฐบาลทหารพม่าประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 เดือนแถลงการณ์ที่ร่วมลงนาม โดยรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติหรือ เอ็นยูจี ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาพม่า กับกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติชิน พรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะยา และสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ซึ่งทั้งสี่กลุ่มนี้ต่างส่งกำลังต่อสู้กับรัฐบาลทหาร และระบุ 6 เป้าหมายของขบวนการต่อต้าน หากพวกเขาได้ชัยชนะในสงครามกลางเมือง
ในแถลงการณ์ที่เดอะดิโพลแมต ประโคมข่าวว่าเป็นการเผยแพร่รายละเอียดมากที่สุดตั้งแต่ NUG และกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่า รายละเอียดในโรดแมป คือ 1.เปลี่ยนแปลงการปกครองทหารเป็น “สหพันธรัฐใหม่ประชาธิปไตยสหภาพพม่า 2.ยุติการมีส่วนร่วมของกองทัพในการเมือง 3.ให้กองกำลังทหารทั้งหมดอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง 4.ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2552 ที่เขียนโดยทหาร 5.ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รวมแนวคิดสหพันธรัฐและคุณค่าทางประชาธิปไตย และการสถาปนาสหพันธรัฐประชาธิปไตยใหม่ 6.จัดตั้งระบบความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านป้องกันไม่ให้ใช้นิติสงครามกับประชาชนผู้บริสุทธิ์
นักวิเคราะห์ชาวพม่ากล่าวว่า รัฐบาลเงาพม่า หรือ เอ็นยูจี ฉวยโอกาสที่นายอลุนแก้ว กิตติคุณ ทูตพิเศษอาเซียนได้พบปะเจรจากับพลเอกมิน อ่อง หล่าย และกลุ่มชาติพันธุ์ ที่เคยลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลพม่า ตลอดถึงพบปะเจรจากับ 40 พรรคการเมืองพม่า ที่พร้อมจะลงเลือกตั้ง นักวิเคราะห์ชาวพม่า มองว่า เอ็นยูจีเผยแพร่โรดแมปเพื่อกดดันให้รัฐบาลทหารพม่า ให้ความสำคัญกับรัฐบาลเงาของนางออง ซาน ซู จี
“เอ็นยูจีเห็นว่าความพยายามเข้าถึงทุกฝ่ายของทูตพิเศษอาเซียนกำลังก้าวหน้าประกอบกับจีนผลักดันให้มีการเจรจาครอบคลุมทุกฝ่ายเอ็นยูจีเลยเผยแพร่โรดแมปออกมาเพื่อให้รัฐบาลทหารให้ความสำคัญกับเอ็นยูจีมากขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชาวพม่ากล่าวว่า โรดแมปสุดโต่งของเอ็นยูจีที่มีสำนวนโวหารและนโยบายคล้ายกับนโยบายของพรรคการเมืองใหญ่ในประเทศไทยซึ่งไม่อาจนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้ในพม่า เช่น นโยบายยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยทหาร หรือนโยบายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม “เพื่อยุตินิติสงครามกับประชาชน”
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ทหารพม่าพร้อมจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตยตั้งแต่ก่อนปี 2550 แต่ไม่ยอมผ่อนปรนในประเด็นที่ฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้กองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง “พรรคเอ็นแอลดีและแนวร่วมทางการเมืองพยายามขจัดอิทธิพลทหารออกจากการเมืองมาตลอดเวลากว่ายี่สิบปี ตั้งแต่สมัยนายพลตาน ฉ่วย สมัยพลเอกขิ่น ยุ้นต์ จนถึงสมัยพลเอกเต็ง เส่ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้” แหล่งข่าวกล่าว และหลังจากฝ่ายต่อต้านการยึดนำอาจเปลี่ยนการต่อต้านการยึดอำนาจแบบอารยะขัดขืนเป็นการใช้กำลังติดอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมื่อต้นปี 2566 กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force=PDF) กับ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government=NUG) ที่สหรัฐและตะวันตกให้การสนับสนุนประกาศว่า
“ฝ่ายต่อต้านโค่นล้มรัฐบาลทหารลงได้ภายในปีนี้”
และต้นปี 2567 เมื่อกองกำลังพันธมิตรชาติพันธุ์สามกลุ่มประกอบด้วยชาติพันธุ์โกก้าง อาระกัน และ กองกำลังชาติพันธุ์ตะอาง ทำสงครามกับทหารพม่าทางเหนือของรัฐฉาน และสามารถยึดเมืองต่างๆ ใกล้ชายแดนจีนได้หลายเมือง มันกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ฝ่ายต่อต้านในรัฐยะไข่ ฝ่ายต่อต้านรัฐชินและฝ่ายต่อต้านในรัฐกะเหรี่ยงใกล้ชายแดนไทยอึกเหิมทำสงครามจรยุทธ์โจมตีฐานทหารพม่ารุนแรงขึ้น เป็นแรงกระตุ้นให้เอ็นยูจี เข้าใจว่ารัฐบาลทหารพม่าใกล้ล่มสลาย ถึงได้เผยแพร่โรดแมปเป็นแผนงานในการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลประชาธิปไตย แหล่งข่าวกล่าว
“เอ็นยูจีกับตะวันตกทึกทักว่ารัฐบาลทหารไปไม่รอดแล้ว แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลทหารยังควบคุมสถานการณ์เมืองสำคัญไว้ได้ทั่วประเทศ” แหล่งข่าวกล่าวว่า กองกำลังชาติพันธุ์ส่วนใหญ่เพียงแต่ทำสงครามจรยุทธ์กับกองทัพพม่ายกเว้นเมืองเล่าก์ก่ายทางเหนือรัฐฉานที่โกก้างได้รับการสนับสนุนจากจีน“เมืองเล่าก์ก่ายกองกำลังพันธมิตรสามฝ่ายยึดพื้นที่ได้ เพราะจีนให้การสนับสนุนโกก้างในการกวาดอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งก็เป็นชาติพันธุ์โกก้างด้วยกัน แต่ถึงแม้กองกำลังพันธมิตรสามกลุ่มยึดเขตปกครองพิเศษโกก้างได้ แต่บริหารไม่ได้ต้องยกสองเมืองที่เพิ่งยึดได้มอบให้ว้า”
ว้า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่แข็งแกร่งและมีอิทธิพลมากที่สุดในบรรดากลุ่มชาติพันธ์ุในพม่า กองทัพสหพันธ์รัฐว้า (The United Wa State Army=UWSA) มีทหารกว่า 30,000 นาย UWSA มีอิทธิพลเหนือกองกำลังชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในรัฐฉาน แต่ว้าไม่ทำสงครามกับรัฐบาลทหารพม่า เพราะรอเวลาประกาศตั้งรัฐว้าอิสระ จากรัฐฉานอย่างเป็นทางการ
ดังนั้นหากมองภาพรวมจะพบว่าภัยคุกคามรัฐบาลทหารพม่ามีน้อยกว่าที่สื่อตะวันตกปั่นกระแสมาก เนื่องจากว่า กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทยไม่เป็นเอกภาพ ไม่ว่าจะเป็นกะเหรี่ยง (KNU) เคเอ็นยู หรือ กองทัพคะยากู้ชาติ ล้วนแต่เป็นกองกำลังที่ล่มสลายไปแล้วตั้งแต่ปี 2545 แต่ถูกซีไอเอฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ หลังจากพลเอกมิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจ
ทุกวันนี้จึงมีกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู หรือ กะเหรี่ยงคริสต์ มีกะเหรี่ยง DKBA หรือกะเหรี่ยงพุทธ และกองกำลังกะเหรี่ยงกอตูเลย์ กะเหรี่ยง แต่ละกลุ่มเคลื่อนไหวตามอำเภอตัวเองและส่วนใหญ่รบแย่งชิงผลประโยชน์กันเองที่สื่อตะวันตกปั่นกระแสว่ากะเหรี่ยง KNU รบกับทหารพม่าในเมืองเมียวดีใกล้ชายแดนไทยนั้น ในความจริงคือทหารกะเหรี่ยงคริสต์ (KNU) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซีไอเอรบกับกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ซึ่งเป็นกองกำลังปกป้องชายแดน (Border Gaurd Forced=BGF) ของกองทัพพม่า
กองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่าส่วนใหญ่แบ่งออก เป็นกลุ่ม BGF กับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร ในรัฐมอญก็มีกองทัพมอญใหม่ กับ กองทัพฟื้นฟูรัฐมอญ กองทัพมอญใหม่เป็น BGF ของกองทัพพม่า
ในรัฐฉาน มีทั้งฉานที่เป็น BGF และฉานกู้ชาติ ในทางเหนือรัฐฉานก็มีโกก้าง BGF กับกองกำลังโกก้างฟื้นฟูชาติ จึงเห็นได้ว่า กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่าใช้เวลาส่วนใหญ่ปะทะกันเองมากกว่าสู้รบกับทหารพม่าอาจมีบ้างที่ทหารพม่ารวมอยู่ในกลุ่ม BGF ประปราย ภัยคุกคามรัฐบาลทหารพม่าจากกลุ่มชาติพันธุ์ฝ่ายต่อต้านจึงไม่ร้ายแรงดังที่สื่อตะวันตกปั่นกระแส
สรุปได้ว่าความพยายามของอาเซียนเพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มทุกฝ่ายในวิกฤตการเมืองพม่ายุคที่ สปป.ลาว เป็นประธานอาเซียน ประกอบกับจีน ช่วยผลักดันให้มีการเจรจาครอบคลุมทุกฝ่าย เป็นเหตุให้ NUG หรือรัฐบาลเงาพม่าที่สหรัฐหนุนหลังต้องเผยแพร่โรดแมปออกมาด้วยหวังว่าอาเซียนกับอเมริกากดดันรัฐบาลทหารพม่าที่พร้อมเจรจาสันติภาพกับทุกกลุ่มทุกฝ่ายยกเว้น “เอ็นยูจี กับ พีดีเอฟ” ที่คณะผู้บริหารแห่ง (State Administration Council=SAC) ขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้ายให้ตระหนักถึงความสำคัญของรัฐบาลเงา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี