วัคซีนโควิด mRNA ถูกตั้งคำถามตั้งแต่แรกถึงความเสี่ยง ความปลอดภัย ผลกระทบ เพราะยังไม่เคยใช้วัคซีนแบบนี้มาก่อน
ต่างจากวัคซีนโควิดประเภทเชื้อตาย (พวกซิโนแวค) ที่เคยใช้กับโรคอื่นๆ มานานนมแล้ว
แต่การเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ในบ้านเราขณะนั้น ก็ปั่นกระแสวัคซีนเทพ ด้อยค่าวัคซีนเชื้อตาย
มุ่งหวังเพียงเพื่อโจมตีรัฐบาล และบางรายหวังกระทบชิ่งถึงสถาบันเบื้องสูง
เชิดชูวัคซีนเทพ ด้อยค่าวัคซีนจีน
ปั่นกระแสให้จัดหาวัคซีนโควิด mRNA มาฉีดให้ประชาชนให้ได้ โจมตีบูลลี่ทำลายความเชื่อมั่นต่อวัคซีนที่เรามีในขณะนั้น
กระทั่งมีประชาชนบางคนไม่ยอมรับวัคซีนเชื้อตาย จนติดโควิดตายไปก่อนก็มี
อาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญเรื่องวัคซีน หมอยง พยายามให้ความรู้ แก้ไขความเข้าใจผิดแต่ก็ถูกกลุ่มการเมืองบ้าคลั่งบูลลี่ด้อยค่า
เพจอินฟลูฯ ที่กินส้ม ก็ออกมาอวยวัคซีนเทพ ช่วยปั่นกระแส
พอเวลาผ่านไป ก็เห็นความจริงชัดขึ้นว่า ไม่มีวัคซีนเทพที่แท้จริง
วัคซีน โควิด mRNA บางรายโดนฟ้องในสหรัฐว่าไม่มีประสิทธิภาพตามที่โม้ไว้
ระยะหลัง พอมีข่าวด้านลบของวัคซีนโควิด mRNA เช่น ข้อกังขาว่าอาการต่อสุขภาพในด้านลบที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากวัคซีนโควิด mRNA ที่ฉีดไปหรือไม่ ก็ยิ่งเขย่าความเชื่อที่เคยถูกปลุกปั่นโดยคนบางกลุ่ม
1. กรณี ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยพบปรากฏการณ์ที่ระบุว่าไม่เคยเห็นมาก่อนในร่างกายของคนที่ฉีดวัคซีน โควิด mRNA ในสหรัฐฯ ทั้งคนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว
ได้โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า “คนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว จากวัคซีนโควิด mRNA พบ: แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ไม่เคยพบมาก่อน”
แล้วนำเสนอรายละเอียดภาพนิ่ง และคลิปยูทูบ John Campbell white clots USA part 1 และ 2
“...ของเหลวที่ดูดจากช่องท้อง บริเวณใกล้ตับอ่อน คนป่วย ที่ยังมีชีวิต
รูปที่เหลือจากคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต รักษาด้วยการผ่าตัดไม่ทัน และตาย รวมทั้งรายอื่นที่เสียชีวิตไปแล้วและลากสิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแดง carotid ที่ไปเลี้ยงสมอง
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่ตายจากโควิด หรือโรคอื่น
และยังมีรายงานก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมัน ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา...”
นอกจากนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า
“...ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
ลักษณะที่เกิด เกิดได้ ขณะคนป่วยยังมีชีวิตอยู่ และเห็นในท่อระบายจากช่องท้องคนป่วยและ คนป่วยต่อมายังมีชีวิตอยู่ และพบในคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตได้ หรือหลังตายทันที
ลักษณะเหนียว ยืดไม่ขาด ดูต่างจาก การแข็งตัวหลังตายตามที่พบทั่วไป
มีความพยายามที่จะสื่อให้เห็นทางวิชาการตั้งแต่ปี 2021 แต่ถูกปิดกั้น เพราะเป็นภาพลบต่อวัคซีน และในอังกฤษ บันทึกของทางการต่อเรื่องนี้ คือต้องปฏิบัติตาม นโยบาย รัฐบาล
ปรากฏการณ์นี้ควรจะถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และประชาชนทั่วไปเริ่มได้รับรู้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะจากสื่อ YouTube ของ Dr.John Campbell ที่นำข้อมูลข่าวสารโดยที่มีหลักฐานอ้างอิงวิชาการอย่างรัดกุม
ทั้งนี้ ใน ตอน ของ new disease หรือโรคใหม่ โดยที่เริ่มจาก มีการสัมภาษณ์คุณ John O’Looney (registered enbalmer) ซึ่งบริการทำศพผู้เสียชีวิต Milton Keynes Family Funeral Services ซึ่งได้พบว่ามีก้อนหรือลักษณะที่เป็นแท่งสีขาวอยู่ในท่อของเส้นเลือดขนาดใหญ่ และกลางในร่างกายของผู้ที่เสียชีวิต ในช่วงเวลาหลังจากการที่มีการให้วัคซีน mRNA ประชาชนทั่วไปในต้นปี 2021 และหลังจากนั้นในเวลาไม่กี่เดือนเริ่มพบคนเสียชีวิตซึ่งลักษณะต่างจากที่เคยเป็น กล่าวคือเป็นผู้ที่มีอายุน้อยและเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน (sudden death) หลังจากได้รับวัคซีน mRNA และต่างจาก การตายที่สามารถคาดการณ์ได้จากการเจ็บป่วยต่างๆ (expected death)
ลักษณะเช่นนี้ไม่เคยพบมาก่อนหน้าปี 2021 แม้จะมีการเสียชีวิตอย่างมากมายจากโควิดก็ตาม และแท่งย้วยขาว ยังคงพบต่อเนื่องมาจนกระทั่งในปี 2024
และพ้องกันกับ ข้อมูลที่ได้จากอีกหลายคณะไม่ใช่แต่ในประเทศอังกฤษเท่านั้นแต่รวมถึงเครือข่ายในสหรัฐอเมริกาซึ่งพบลักษณะเช่นเดียวกัน
..ทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้นั่นก็คือจากการที่ mRNA ในอนุภาคนาโนไขมันซึ่งในปัจจุบันทราบกันดีอยู่แล้วว่าไม่ได้หายไปจากต้นแขนที่ฉีดยาภายในสองถึงสามวัน ตามที่บริษัทวัคซีนได้ให้ข้อมูลไว้แต่ ซึมเข้ากระแสโลหิตและเข้าเซลล์เนื้อเยื่อของทุกอวัยวะและสั่งให้เซลล์สร้างโปรตีนหนาม หรือสไปค์โปรตีน ออกมาที่ผิวของเซลล์ ดังนั้น จึงถูกรับรู้ว่าเป็นศัตรูและมีความพยายามของร่างกายในการทำลายทำให้เกิดการอักเสบ
ดังนั้น ในกรณีที่อยู่ที่ผิวชั้นในของเส้นเลือด จึงทำให้เกิดมีการอักเสบและมีการฟอร์ม โปรตีนที่มีโครงสร้างผิดรูป โดยรวมโปรตีนและสารเกี่ยวกับเลือดแข็งตัวเข้าไว้ด้วยกันและเกล็ดเลือดและกลายเป็นแท่งสีขาวที่อยู่ในท่อของหลอดเลือดซึ่งจะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือน จนกระทั่งเลือดไม่สามารถไหลผ่านได้
จากการสำรวจพบว่าก้อนแท่งสีขาวพบลดลงจาก 30% ในช่วงปี 2022 ลงมาเป็น 20% ในช่วง 2023
การสำรวจล่าสุด worldwide enbalmer blood clot survey ( United States, Canada, United Kingdom, Australia) ที่ทำการสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงมกราคม 2024 โดย Thomas Haviland มี enbalmer ทั้งหมด 269 ราย และมีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี ถึง 137 คนและทำงานมา 11 ถึง 20 ปีเป็นจำนวนถึง 60 คนด้วยกัน
กล่าวโดยสรุปคือ มีประสบการณ์เฉลี่ยทั้งหมดคือ 15 ปี ซึ่งสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่าก้อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของปกติหรือผิดปกติ
โดยทั้งหมดพบในช่วงประมาณกลางปี 2021 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น
โดยที่ในแต่ละคนนั้นจะทำการจัดการศพโดยเฉลี่ยปีละ 100 ศพ และมากสุดถึง 300 ต่อปี
ในปี 2023 มีถึง 73% หรือ เจ้าหน้าที่ 197 คน ที่พบแท่งยาวสีขาวนี้ในศพ และอีก 72 คนหรือ 27% ไม่พบ
ศพที่พบแท่งสีขาวจะมีประมาณ 20% ในปี 2023 โดยที่เฉลี่ยในปี 2022 อยู่ที่ 30%
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่พบลักษณะนี้ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด...”
2. อีกด้านหนึ่ง นาวาตรี นพ.อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย แผนกนิติเวชศาสตร์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ออกมาระบุสวนทางว่า ไวท์คอต ที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกนั้น เป็นการเข้าใจผิด
ระบุว่า จริงๆ แล้วแท่งสีขาวๆ ที่เห็น เป็นการตกตะกอนของเลือดภายหลังจากการตาย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พบได้ในผู้ตายทุกคน
อธิบายง่ายๆ คือเวลาเราเอาเลือดทิ้งไว้เฉยๆ ในเลือดไม่ได้มีแต่ตัวเลือดอย่างเดียว มีเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว และน้ำเลือด “ตัวน้ำเลือดตกตะกอนไปแล้ว มันจะเม็ดเลือดแดงจะกองอยู่ข้างล่าง ตามด้วยเม็ดเลือดขาว และน้ำใสๆ เมื่อมันแข็งตัวหลังตาย ก็จะเจอเป็นลักษณะแท่งสีขาวลื่นๆ นิ่มๆ คล้ายเจล”
“ไม่ได้มีความสำคัญอะไร เวลาผ่าศพ เจอเป็นประจำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีมาตั้งนานแล้วซึ่งเราเรียกว่า postmortem blood clot”
“ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือปรากฏการณ์ใหม่ แต่เป็นมานาน ตั้งแต่ผมเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว ” “มีลักษณะเหมือนยาสีฟันลื่นเป็นวุ้นคล้ายกับมันหนังไก่ กึ่งเจล ซึ่งอยู่ในท่อของหลอดเลือด เหมือนหากจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ลองนึกถึงข้าวหลาม เราผ่าข้าวหลามก็จะพบแท่งข้าวหลามเป็นแท่งตามทรงกระบอกไม้ไผ่ เช่นกันกับกรณีนี้ มันอยู่ในหลอดเลือด เมื่อตายก็อยู่ในหลอดเลือดเป็นทรงหลอดเลือด ก็จะเป็นเหมือนหนวดปลาหมึกและเป็นแท่งยาวๆ” - นาวาตรี นพ.อรรถสิทธิ์กล่าว
3. ล่าสุด ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ได้ชี้แจงว่า
“ประกาศให้ทราบทั่วกันนะครับ
เนื่องจากเรื่องของ white clot กับวัคซีน เป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างและโต้แย้งกันอย่างมาก
ทั้งเอาหลักฐานที่จะดิสเครดิตตัวบุคคลรวมทั้งเจ้าของช่อง YouTube ว่าเป็น คนต่อต้านวัคซีน (รวมทั้งตัวหมอเองด้วย) ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และท่านก็เป็นอาจารย์ทางการพยาบาลแต่ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์และศาสตราจารย์ของประเทศอังกฤษมาอย่างยาวนานและในระบบ NHS
หมอจะเลิกพูดถึงเรื่อง white clot นี้ เพราะได้ให้เรื่องราวตามนั้นแล้ว
แต่ยังให้ความสำคัญกับผลกระทบของวัคซีนที่มีผลต่อการเสียชีวิตความพิการที่เราดูแลอยู่โดยจุดประสงค์เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและครอบครัวและเพื่อให้วัคซีนที่เราต้องใช้นั้นมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดอย่างที่ต้องเป็นตามมาตรฐานครับ
บทความและข้อความที่เผยแพร่ไม่เข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของคนป่วย
หมอไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ สามารถตรวจสอบได้ว่าไม่เคยรับเงินในการ promote หรือมีเอี่ยวกับสถาบันใด หรือผลิตภัณฑ์ใด
ในส่วนของการได้รับเงินจากโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท จากการให้คำแนะนำทางวิชาการเรื่องทางสมองและเงินจำนวน 200,000 บาทนั้น ให้ส่งให้มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์จุฬาเพื่อนำมาใช้ในงานวิจัยและบุคลากรที่ทำงานวิจัยโดยมีหลักฐานชัดเจน
ขอบพระคุณทุกท่าน เป็นอย่างสูงครับ”
4. ข้อถกเถียงข้างต้น ไม่สามารถยืนยันว่า เป็นอาการจากวัคซีนโควิด mRNA จริงหรือไม่?
แต่สะท้อนชัดว่า วัคซีนโควิด mRNA นั้น ไม่ใช่วัคซีนเทพ และยังมีความเสี่ยงข้อกังวล ข้อกังขา และความไม่แน่นอน ติดค้างมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งเป็นคนละโลกกับการพยายามปั่นกระแสคลั่งวัคซีนเทพของคนบางกลุ่มในอดีตโดยสิ้นเชิง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี