ได้แต่สมเพชเวทนา...
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 พรรคก้าวไกลเปิดเวทีที่วัดโบสถ์ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พูดเรื่องปัญหาที่ดิน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯของพรรค กล่าวว่า
“เราพบว่าหน่วยงานราชการต่างๆ ถือแผนที่คนละฉบับกัน ทำให้ที่ดินเกิดการทับซ้อนกัน เช่น ในหลายพื้นที่เป็นพื้นที่ป่าสงวน แต่ในความเป็นจริงแล้วคือป่าสงวนที่มีลักษณะเสื่อมโทรม มีประชาชนและชุมชนเข้าไปอาศัยอยู่แล้ว โดยตามตัวเลขที่ กมธ.ที่ดินฯได้มาเชื่อว่ามีแนวเขตตามกฎหมายป่าสงวนที่ดูแลโดยกรมป่าไม้ 60 กว่าล้านไร่ คงสภาพป่า 40 กว่าล้านไร่ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม เป็นที่ทำกินราษฎร และไม่มีสภาพเป็นป่าแล้วประมาณ 21 ล้านไร่ดังนั้น เราจะผลักดันให้หน่วยงานท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า และน้ำประปาหรือไม่ แทนที่จะเป็นอธิบดีกรมหรือรัฐมนตรีประจำกระทรวงที่นั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อลดปัญหาการติดขัดคอขวดในการตัดสินใจ...”
พรรคก้าวไกลไม่พูดความจริงกับประชาชนว่า หนึ่งในกรณีที่เอกชนอ้างว่าได้ที่ดินมาโดยชอบ แต่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก็คือกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และครอบครัวมหาเศรษฐีจึงรุ่งเรืองกิจ เฉพาะป่าที่ราชบุรีก็ครอบครองกันอยู่ 2 พันกว่าไร่
วันนี้ พรรคก้าวไกล กำลังเอาชาวบ้านออกหน้าเวลาพูด แต่ไม่เปิดเผยถึงกรณีนายทุน หรือเศรษฐี หรือกลุ่มอำนาจที่ใกล้ชิดกับพรรคพวกตัวเองเลย
น่าผิดหวังอย่างมาก
ตอกย้ำเนื้อแท้ของพรรคก้าวไกล ว่าไม่ตรงปก ไม่ตรงความคาดหวังที่ประชาชนหลงเชื่อ อุตส่าห์ให้โอกาสได้เข้าสู่อำนาจรัฐ ได้มีสส.ในสภา สุดท้าย ก็อาศัยตำแหน่งและใช้โอกาสนั้น ไปรับใช้หรือเอื้อประโยชน์แก่เจ้าของพรรคตัวจริง หรือไม่
ทั้งกรณีแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และกรณีฟอกป่านี้ด้วย
1. กรณีหมุด ส.ป.ก.รุกป่าเขาใหญ่
น่าจะมี “ไอ้โม่ง” ขบวนการปักหมุด ส.ป.ก. เพื่อออกเอกสารส.ป.ก.ให้กับประชาชน ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่า
ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติเปิดเผยว่า พื้นที่พิพาทบริเวณเขาใหญ่ พบหมุด ส.ป.ก.เบื้องต้น ส.ป.ก 27 หมุด เสาหลักเขต 5 ต้น แจ้งความดำเนินคดีแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ทีมพญาเสือตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ของสำนักจัดการแผนที่และสารบบที่ดิน พบว่า มีการกำหนดพื้นที่สำหรับการปฏิรูปที่ดิน (เส้นสีเขียวที่ตีผังในแผนที่) มากถึง 2,933 ไร่
โดยมีการตีเป็นรูปแปลงเพื่อออกเอกสาร ส.ป.ก.4-01 ถึง 42 แปลง เนื้อที่ประมาณ 972 ไร่
และยังพบรายชื่อบุคคลผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ไม่ใช่ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายการเป็นเกษตรกร (ขณะนี้ กระทรวงเกษตรฯให้ตรวจสอบแล้ว และรมว.ธรรมนัสประกาศจะให้เพิกถอน ส.ป.ก.ทั้งหมดในบริเวณดังกล่าว)
นายชัยวัฒน์ ระบุว่า ทั่วประเทศอาจจะมีกรณีรุกป่าอุทยานแห่งชาติแบบนี้กว่า 2 แสนไร่
เรื่องนี้ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการปักหมุด ส.ป.ก.ล้ำที่ดินเขาใหญ่ และมีขบวนการจ้องงาบที่ดินเขาใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลจริง จะต้องลงโทษและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
2. กรณีที่ดินรุกป่าสงวนแห่งชาติ 2 พันว่าไร่ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี”
คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ลงวันที่29 มีนาคม 2565
คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565
เนื้อหาระบุชัดเจนว่า
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ดังต่อไปนี้
“1.น.ส. 3 ก เลขที่ 153 - 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 7 ฉบับ ออกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา 58, 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน (รายละเอียดปรากฏตามบัญชีแนบท้าย)
2.น.ส. 3 ก เลขที่ 704 - 707, 709, 711 - 729, 761, 1121 - 1133, 1135,1137 - 1144, 1158, 1159 และ 1161 - 1163 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 52 ฉบับ ออกเมื่อปี พ.ศ.2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดินและไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน ตามมาตรา 58, 58 ทวิ วรรคสอง (2) และ (3) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
น.ส. 3 ก จำนวน 69 ฉบับ ตามข้อ 1 และ 2 ได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏจากการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดินว่า ตำแหน่งที่ดินของ น.ส. 3 ก พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)”ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562
จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส. 3 ก ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) ข้อ 3 ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ข้อ 8 (2) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และรองอธิบดี ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 557 - 558/2564 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แล้ว “คณะกรรมการสอบสวนฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก)เลขที่ 153 - 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี และน.ส. 3 ก เลขที่ 704 - 707, 709, 711 - 729, 761, 1121 - 1133, 1135,1137 - 1144, 1158, 1159 และ 1161 - 1163 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็น น.ส. 3 ก ที่ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจริงสมควรเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) จำนวน 59 ฉบับนี้” - หนังสือคำสั่งฯ ระบุ
จึงมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) จำนวน 59 ฉบับดังกล่าว ตลอดจนเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสียทั้งหมด...”
น.ส. 3 ก ข้างต้นนั้น เนื้อที่รวม 2 พันกว่าไร่
ทั้งหมด มีชื่อบุคคลระดับมหาเศรษฐีถือครองอยู่ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และนางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ
3. คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ตอกย้ำ คำสั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก ชอบแล้ว
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ฟ้องต่อศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดราชบุรีข้างต้น เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2218/2565คดีหมายเลขแดงที่ 1839/2566 โดยแสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เนื้อที่43 ไร่ 3 งาน และเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา ตามลำดับ
คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ชี้ว่า
“จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ดิน ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดิน มาตราส่วน 1 : 30,000 ระวาง 4836 II 5006 แล้วเห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก)เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี อยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85
และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
รองอธิบดีซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมายจึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) ได้
ดังนั้น คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี อาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน”
4. กรณีข้างต้น ไม่ผูกมัดกับความผิดทางอาญา ซึ่งจะต้องพิสูจน์เจตนาต่อไป
โดยส่วนของคดีอาญาฐานรุกป่า นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกแจ้งข้อหานั้น คดีก็ยังเนิ่นช้า ยาวนาน และยังไปไม่ถึงศาลเสียที
มีรายงานว่า อัยการและพนักงานสอบสวนจะมีคำสั่งไม่ฟ้องบุคคลใด อย่างไร แต่ก็ยังไม่มีการแถลงชี้แจงอย่างเป็นทางการ
5. น่าสงสัยว่า ปัจจุบัน สถานะของที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ข้างต้นนั้น ถูกดำเนินการให้กลับมาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือยัง?
พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ประดิษฐ์วาทกรรมพื้นที่ทับซ้อนทั่วประเทศ เอาประชาชนบังหน้า อ้าง“ป่าสงวนที่มีลักษณะเสื่อมโทรม” มีจุดยืนและความคิดเห็นอย่างไรต่อที่ดิน 2 พันกว่าไร่ ที่ครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจครอบครอง และถูกชี้ขาดโดยหน่วยงานรัฐแล้วว่าเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จะทำอย่างไรต่อไป?
เลิกเล่นขายของหลอกเด็ก ทำตัวดีแต่ปั่นกระแส แต่เจอของจริงไม่กล้าทำอะไร เสียทีเถอะ!
นี่คือเรื่องรุกป่า ที่ก้าวไกลไม่กล้าแตะ
อย่าให้ก่อเค้าเป็นขบวนการประชาธิปไตยรุกป่า ฟอกป่าเป็นของเอกชน!!!
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี