ใต้ฟ้าการเมืองไทยวันนี้ เวลาพูดเรื่องนายกรัฐมนตรีมีสองคนหรือสามคนนั้น ข้อเท็จจริงนายกรัฐมนตรีก็ยังมีคนเดียวเหมือนเดิมคือ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ดึงตัวมาเป็น “นายกฯหุ่นเชิด”
ที่พูดว่าถูกดึงตัวมาเป็นนายกฯหุ่นเชิดก็เพราะ นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งไม่มีฐานทางการเมืองและไม่ได้เป็นนักการเมืองที่เติบโตมาบนเส้นทางการเมืองเหมือนนักการเมืองทั่วไป จะเรียกว่า “ลอยมา” แบบถูกจับมาวางไว้บนกระดานแห่งอำนาจโดย “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เห็นจะไม่ผิดนัก
ในความเป็นจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ นั่นก็คือ เจ้าของพรรคและหัวหน้าพรรคตัวจริงของพรรคเพื่อไทยในทุกวันนี้ก็ยังเป็นนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่สามารถควบคุมสั่งการได้ทุกอย่าง โดยมี “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธารชินวัตร” เป็นผู้รับถ่ายทอดคำสั่งในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นทายาทอันมีสายเลือดโดยตรง ไม่ใช่ “หุ่นเชิด”เหมือน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หรือใครต่อใครที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาก่อนหน้านี้
ทำไม “ทักษิณ ชินวัตร” ถึงเลือก “เศรษฐา ทวีสิน”เป็นนายกรัฐมนตรี แทนที่จะเลือก “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวสุดรักซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยอีกคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ก็เพราะเหตุผลประการเดียวเท่านั้น คือไม่ต้องการให้เสีย “งานใหญ่”
งานใหญ่ที่เป็นภารกิจสำคัญเหนืออื่นใดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีเรื่องเดียวเท่านั้น คือ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกแม้จะมีโทษทัณฑ์จากคดีโกงชาติโกงแผ่นดินติดตัวอยู่ 3 คดีก็ตาม
และถ้าจะว่าไปแล้ว “เศรษฐา ทวีสิน” ก็เหมือนนายกฯขัดตาทัพ ซึ่งไม่ต่างจากโคนหรือม้าตัวหนึ่งบนกระดานหมากรุกที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้เล่น เพื่อตนเองจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ และมีอภิสิทธิ์เป็นนักโทษเทวดาเหนือนักโทษรายอื่นๆ โดยไม่ต้องติดคุก
ในทางกลับกัน ถ้าหากนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ชิงสุกก่อนห่ามด้วยการให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่แรกไม่ใช่ “เศรษฐา ทวีสิน” เรื่องราวของทักษิณก็คงจะไม่ง่าย เป้าการโจมตีก็จะพุ่งตรงไปที่แพทองธาร และอาจจะถูกประชาชนลุกขึ้นมาประท้วงขับไล่จนบานปลายถึงขั้นรัฐบาลอยู่ไม่ได้ดีไม่ดีอาจจะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีที่มีนามสกุล “ชินวัตร”ต้องระเห็จหนีออกจากประเทศไทยอีกคนหนึ่งก็เป็นไปได้สูง
6 เดือนของ “เศรษฐา ทวีสิน” บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จึงเป็น 6 เดือนของ “ทักษิณ ชินวัตร”ที่แม้จะเป็นนักโทษเด็ดขาดชายจากคดีทุจริตประพฤติมิชอบโดยถูกศาลพิพากษาจำคุก 8 ปี และได้รับโปรดเกล้าฯลดโทษเหลือ 1 ปี แต่ก็ไม่เคยเข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่วันเดียว จนกระทั่งได้รับการพักโทษกลับไปอยู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่เป็น “เรือนจำเทียม” และวันนี้ก็ได้กลายเป็น “ศูนย์กลางอำนาจรัฐ” หลังจากถูกปิดร้างไปนานกว่า 17 ปี ที่ทักษิณหลบหนีไปอยู่ต่างแดน
เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสงสัยว่าเวลานี้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีสองคนหรือสามคน เนื่องจาก “เศรษฐา ทวีสิน” ก็เป็นแค่เพียง “นายกฯหุ่นเชิด” ส่วนนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร คือ “ผู้ชักใย” ซึ่งมีอำนาจเหนือนักการเมืองและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทุกคน ไม่เพียงแต่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาอดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์คนเดียวเท่านั้น
นอกเหนือจากนั้น เวลา 6 เดือนบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะงานหลักจริงๆ คือเรื่องของ “ทักษิณ ชินวัตร” และอีกเรื่องหนึ่งคือโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” และวันนี้เรื่องของทักษิณได้บรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ด้วยการที่ทักษิณได้รับการพักโทษโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
ส่วนงานหนักของ “เศรษฐา ทวีสิน” เท่าที่เห็น จากที่ประกาศหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ว่า “จะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเททำงานหนัก” ก็คือ เห็นแต่ภาพนายกรัฐมนตรีนุ่งกางเกงขาลีบสวมถุงเท้าสีแดงเดินสายทัวร์ไปจังหวัดโน้นจังหวัดนี้เหมือนออกงานอีเว้นท์ และบินไปต่างประเทศด้วยข้ออ้างว่าเป็น “เซลส์แมน-เบอร์ 1ของประเทศไทย” เพื่อไปขายความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่สุดท้ายก็เห็นมีแต่น้ำลายที่ฟุ้งหายไปในอากาศ
การที่นายเศรษฐา ทวีสิน เข้าไปหานักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่เรือนจำเทียม ณ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”เลขที่ 440 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด ย่านฝั่งธนบุรี เมื่อวันเสาร์ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เหมือนเข้าไปกราบคารวะนักโทษคนหนึ่งที่อยู่ระหว่างพักโทษนั้น ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนในสังคม ว่าเป็นเรื่องที่“ไม่เหมาะสม” และไม่ควรพึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
นั่นก็เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะการไปเยี่ยมนักโทษที่อยู่ระหว่างได้รับการพักโทษคนหนึ่ง ถามว่าแล้วนักโทษอีก 929 คน จากจำนวน 930 คน ที่ได้รับการพักโทษในคราวนี้ ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมหรือไม่
อีกทั้ง “เศรษฐา ทวีสิน” ก็มิใช่ญาติสนิทหรือเป็นคนในครอบครัว “ตระกูลชินวัตร” การเข้าไปพบนักโทษคนหนึ่งที่อยู่ระหว่างพักโทษโดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและไปในวันหยุด ก็ต้องไม่ลืมว่าตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เป็นสถานภาพที่ติดตัวอยู่ และเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหารที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นคนเลือกให้มานั่งตำแหน่งนี้ในฐานะเจ้าของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
และต้องไม่ลืมว่า การไปเยี่ยมเยือนนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ของ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่เหมือนเข้าไปรับโอวาทและรับคำสั่งจากนักโทษเด็ดขาดชายผู้นี้ เศรษฐานั่งรถประจำตำแหน่งคันใหม่เลขทะเบียน “สร 30”ที่สำนักเลขาธิการนายกฯเพิ่งเช่ามาใช้งานในราคา 7.64 ล้านบาท และเป็นเงินจากภาษีอากรของประชาชน ไม่ใช่รถที่เช่ามาด้วยเงินส่วนตัวของนายเศรษฐา หรือเงินของบุตรสาวที่นายเศรษฐาโอนหุ้นบริษัทแสนสิริให้ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกฯ
สำคัญที่สุด “นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” มิใช่นายกรัฐมนตรีคนที่สองหรือที่สามของประเทศไทย แต่เป็น “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”มีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดที่ชื่อ “เศรษฐาทวีสิน” และสามารถชี้เป็นชี้ตายถึงการจะอยู่หรือจะไปของเศรษฐาบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี