เมื่อก่อนเคยคิดว่ามีแต่นายกฯรถแห่คนเดียว ที่หาแสงโหนกระแสความดังของนักร้องอเมริกันนามว่า “เทย์เลอร์ สวิฟต์”แต่หลังจาก Sky News เสนอความลับออกมาจึงถึงบางอ้อว่า นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ผู้หมกมุ่นอยู่กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลห้าแสนล้านบาท ให้ชาวบ้านใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็คลั่งไคล้เทย์เลอร์ สวิฟต์ เช่นกัน
Sky News สื่อทีวีอังกฤษรายงานข่าวเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้สงสัยและคับข้องใจมานานว่าเหตุใด เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor AlisonSwift) นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน จึงไม่มาทำการแสดงในเมืองไทย และแล้ว อดีตเจ้าพ่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็หูตาสว่าง เมื่อได้รับคำชี้แจงจากโปรโมเตอร์ AEG (Anschutz Entertainment Group) ว่า นักร้องอเมริกันคนนั้น ได้ทำสัญญาไว้กับรัฐบาลสิงคโปร์ ที่เธอต้องแสดงคอนเสิร์ตเฉพาะในเกาะสิงคโปร์เพียงประเทศเดียว ในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน โดยที่รัฐบาลสิงคโปร์เสนอให้เงินอุดหนุนเธอ 2 ถึง 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 70 ถึง 100 ล้านบาทไทย)ต่อการแสดงหนึ่งรอบ จากข้อตกลงที่ต้องแสดงในสิงคโปร์ประเทศเดียวในอาเซียน นักร้องอเมริกันคนนี้ จึงมีโปรแกรมแสดงหกรอบในเดือนมีนาคม 2567 ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งตั๋วเข้าชม 55,000 ใบในแต่ละรอบขายล่วงหน้าหมดแล้ว
“รัฐบาลสิงคโปร์ฉลาดมาก”นายเศรษฐา กล่าวในเวที iBusiness Forum 2024 โดยที่ Sky News รายงานคำพูดของนายเศรษฐาว่า “ผมได้รับทราบจาก AEG ว่า เหตุที่เธอไปแสดงประเทศอื่นในอาเซียนไม่ได้ เพราะได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลสิงคโปร์ไว้แล้ว” นายเศรษฐากล่าวใน Keynote Speech และกล่าวต่อไปว่า “รู้งี้ผมซื้อเธอมาโชว์ในประเทศไทยก็ดีที่นี่จัดการแสดงได้ถูกกว่า คอนเสิร์ตของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ดึงดูดสปอนเซอร์ และนักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว...#ถึงแม้ว่าเราต้องจ่ายสินบนเธออย่างน้อย 500 ล้านบาท ก็คุ้มค่า “นายเศรษฐากล่าวและสรุปปิดท้ายว่า #คอนเสิร์ตของเธอสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจ”
Sky News รายงานด้วยว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ มีโปรแกรมคอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อปี 2557 แต่ยกเลิกโดยไม่แจ้งเหตุผลทั้งๆ ที่บัตรเข้าชมขายล่วงหน้าหมดแล้ว Sky News ทราบภายหลังว่า การยกเลิกคอนเสิร์ตคราวนั้น อาจเป็นเพราะทหารยึดอำนาจ
หากพิเคราะห์จากรายงานของ Sky News ก็จะพบว่านายเศรษฐามักพูดคำใหญ่ในเรื่องใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายในข้ออ้างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤต โดยที่นายเศรษฐาและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังไม่มีแผนงานล่วงหน้าว่า จะนำนโยบายมาใช้ในทางปฏิบัติได้หรือไม่อย่างไร กรณีที่พูดว่า หากให้สินบนนักร้องอเมริกัน 500 ล้านบาท มาเป็น “มูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจ” ก็เช่นกัน ยังนึกไม่ออกว่าจ้างนักร้องต่างชาติมาโกยเงินไปจากเมืองไทยแล้วมันเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจตรงไหน? และหากนายเศรษฐาต้องจ้างนักร้องดังในราคาร้อยล้านพันล้านบาทมาเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ ทำไมนายเศรษฐาไม่พูดถึง ลิซ่า หรือ ลลิสามโนบาล นักร้องและนักเต้นชาวไทยสมาชิกวงแบล็คพิ้งค์ ซึ่งดังคับฟ้าทั้งในเกาหลีใต้และโด่งดังไปทั่วโลกที่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศสถึงนำภาพของเธอไปขึ้นอิเล็กทรอนิกส์บอร์ดขนาดยักษ์ตามจัตุรัสต่างๆ ในนิวยอร์ก และกรุงปารีส เมื่อเอ่ยถึงชื่อลิซ่าเชื่อว่า คนทั่วโลกรู้จักและหลงรักเธอมากกว่า นักร้องอเมริกันที่นายเศรษฐากล่าวว่า“ถึงแม้เราต้องจ่ายเงินสินบนเธออย่างน้อย 500 ล้านบาท มาแสดงในประเทศไทยก็นับว่าคุ้มค่า”
ที่สำคัญนายเศรษฐาในฐานะนายกรัฐมนตรีพูดเรื่องนี้ในเวที iBusiness Forum 2024 ที่ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจนักลงทุนต่างชาติร่วมฟังย่อมสร้างความสับสนได้ว่า ประเทศไทยเศรษฐกิจวิกฤตดังที่รัฐบาลพร่ำพูดหรือไม่? หากวิกฤตเศรษฐกิจทำไมนายกรัฐมนตรีถึงได้กล่าวว่า“รู้งี้ผมซื้อการโชว์เทย์เลอร์ สวิฟต์มาแสดงในประเทศไทย ถึงแม้เราต้องใช้เงินสินบนเธออย่างน้อย 500 ล้านบาทถือว่าคุ้มค่า”
จึงอนุมานได้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีได้สร้างความสับสนให้แก่คนทั่วโลกว่าประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจหรือไม่ ในประเทศไทยเองด้วยความดื้อรั้นมุ่งมั่นเดินหน้านโยบาย “ดิจิทัลมันนี่” ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทย 50 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลพูดว่าวิกฤต แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทีดีอาร์ไอตลอดถึงสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่อยู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเพียงแต่เศรษฐกิจเติบโตช้าตามสภาวะทั่วโลก
นโยบาย “ดิจิทัลมันนี่” ที่ไม่มีแผนงานชัดเจนว่าจะหาเงินมาจากไหนใช้ในโครงการ โครงการดิจิทัลมันนี่เสี่ยงที่จะผิดกฎหมายวินัยการเงินหรือไม่ และโครงการที่ต้องใช้เงินกว่า 500,000 ล้านบาท จะสร้างหนี้ให้คนในชาตินานเป็นร้อยปีหรือไม่ ล้วนเป็นคำถามที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลใจและคัดค้านโครงการนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ออกหนังสือเตือนอย่างเป็นทางการให้รัฐบาลระมัดระวังผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงสำเหนียกแล้วว่า นโยบายดิจิทัลมันนี่ ไม่มีวันใช้ในทางปฏิบัติได้ แต่จะให้บอกเลิกทันทีนั่นมันมิใช่วิสัยพรรคเพื่อไทย สิ่งที่นายเศรษฐาและรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทำได้ในเวลานี้ คือ ตั้งกรรมการ ตั้งอนุกรรมการศึกษาถ่วงเวลาขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี