l ชีวิตการทำงานของผม ผ่านการเดินทาง โดยช่วงหลังมานี้ ใช้รถเมล์เป็นยานพาหนะไปหาความจริง ซึ่งความจริงของชีวิตคนที่สำคัญหนึ่ง อยู่ที่วัด ระยะหลังมานี้ ไปวัด ไปส่งเพื่อนมิตร ผู้ใหญ่ผู้น้อย ไปสู่สุคติไปงาน โดยไม่เลือกสี สีเหลือง แดง ส้ม หรือไม่มีสี ไปหมดทุกงานที่มีเงื่อนไข เพราะเขาเป็นเพื่อนฉันเพราะเป็นงานสุดท้าย ที่เราทำให้เขาและเธอได้
@ นอกจาก การใช้เวลาช่วงเช้า ประมาณสามชั่วโมง อ่านข่าวสารต่างๆ แล้วเลือกสรร ข่าวและเรื่องที่มีสาระ“นำมาส่งต่อให้เพื่อน” ในหลายหลากรูปแบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ปรับรูปแบบไปตลอด แต่คงหลักความจริงเอาไว้
หัวใจของการได้ข่าวที่มีสาระ มีคุณค่า คือ การลงพื้นที่ ไปหาความจริง ซึ่งผม มักใช้เวลาช่วงบ่ายๆ ใกล้เย็น และบางครั้ง ก็เป็นตอนค่ำผมเจอคนทุกสีทุกฝ่าย ในหลายระดับ ซึ่งส่วนใหญ่เรารักชอบกัน ด้วยการมีความจริงใจและเคารพกันผมชอบคุยกับบางคนบางท่านที่รู้จริง มีประสบการณ์จริง และคนส่วนหนึ่งชอบคุยกับผมด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ “ได้ความรู้ ความจริง” ที่หาได้ยากในสังคมยุคนี้
@ ผมจะพาเพื่อนมิตรมาเจอ “ผู้ใหญ่ อาวุโสท่านหนึ่ง” ผ่านโลกชีวิตการบ้านการเมืองมาก่อนผม นานพอควร และเป็นคนประเภท “ปิดทองหลังพระ” แต่ท่านยังคงแข็งแรง แม้เวลาเดินจะช้าลงไปบ้าง ผมถามว่า “ท่านกินอะไร จึงแข็งแรง”“เราต้องมีความสุขกายสุขใจ ไม่เครียด” เป็นคำตอบ ที่ท่านให้ซึ่งผม เห็นด้วย เพราะ “เป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติที่ผมได้ใช้มายาวนาน”
ท่านเป็นคนที่มองการณ์ไกล คิดถึงเรื่องอนาคต ของเยาวชนและประชาชนเป็นหลักอย่างถูกต้อง คือเยาวชนที่ดี และผู้ใหญ่ที่เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง คือ อนาคตของชาติท่านไม่ได้ออกความคิดต่อสังคม มายาวนานมากแต่ท่านมักจะคุยแลกเปลี่ยนกับผู้คนบางส่วนผมถามว่า “ท่านเลือกคนอย่างไร ในการคุยแลกเปลี่ยนกัน”
“คนที่เก่ง ฉลาด รอบรู้ มีประสบการณ์ มองโลกจากความเป็นจริง” เพราะ “เวลาผมมีค่า เวลาสำหรับคนชราเหลือน้อย ต้องพิถีพิถัน ในการคุยกับคน” ผมไม่ได้เจอท่าน มาหลายปี โดยเฉพาะในช่วงโควิดระบาดแต่ท่านก็ไม่ได้ติดโควิด
@ เมื่อสองสามวันก่อน มีโทรเข้ามา เป็นเบอร์ที่คุ้นเคยมาก แต่ไม่ได้รับสายมานาน.........เป็นท่านเอง
“คุณชัยวัฒน์ ว่างไหม? ผมอยากจะคุยด้วย”
ผมรู้เลยว่า เป็นเรื่องสำคัญแล้ว วันต่อมา “ผมได้เดินทางไปโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ณ.........” กดลิฟต์ ขึ้นไปชั้นสูงสุด มีเจ้าหน้าที่สาวสวย แต่ชุดงดงามมาก เป็นผู้บริการ และนำผมไปที่ห้อง ๑ ผมเดินเข้าไป.....ท่านเดินมารับ ผมยกมือไหว้ท่าน ด้วยความปลื้มปีติ เป็นสุขเพราะการมาพบกับท่านแต่ละครั้ง ผมได้อะไรกลับไปมากมาย และส่วนใหญ่ได้นำไปใช้ประโยชน์ได้มาก เพราะ “ส่วนใหญ่เป็นข้อเท็จจริง”
@ ในห้องหรู ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของกรุงเทพฯ และท่านพาไป ที่มุมห้องหนึ่ง ที่สงบเงียบบนโต๊ะ “มีไวน์ชั้นดี” พร้อมกับแก้วสองใบมีเพียงสองคน ที่นั่งคุยกันในเวลา ๒ ชั่วโมง ที่มีคุณค่าและความหมายมากผมเดินออกมา : ดูนาฬิกา ใกล้สามทุ่ม ระหว่างนั่งรถเมล์กลับใจผมคิดหนัก กับเรื่องที่ท่านได้เมตตา เล่าและอธิบายให้ผมฟังส่วนใหญ่ของการสนทนา : ท่านเป็นคนพูด ผมฟัง แล้วคิดตามไปด้วยมีอยู่สองคำถาม ที่ผมได้ถามกลับไป
@ ผมจะลองรวบรวมแบบสรุป อย่างกระชับ
เพื่อนมิตรลองคิดตามดู.............
@ ผู้ใหญ่อาวุโส คุยเรื่องจริงแต่แปลก ที่คนทั่วไปคิดไม่ถึง
1.เราต้องเข้าใจ ถ้าต้องเลือก ระหว่าง “ความอยุติธรรม และความอยู่รอดในอนาคตที่เป็นจริง” คนเรา ไม่ค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้ ใน “เรื่องความยุติธรรม”ความยุติธรรม เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นตัวชี้วัดถึงความก้าวพัฒนาของการเมืองไปสู่ยุคศรีอาริยะคิดกันว่า “เป็นหัวใจของการเมือง”เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของสังคมมาตลอด ทั้งอดีตและปัจจุบัน แท้ที่จริง คือ “ความสงบความสุข ของบ้านเมือง และผู้คนส่วนใหญ่” ประเทศเรา ก็เคยเจอมาแล้ว ในยุคฝรั่งล่าเมืองขึ้นการที่ประเทศไทยเรา ยอมเสียดินแดนบางส่วนไปฯ มันก็คือ “ความไม่ยุติธรรมใหญ่” “การยอมแลกมา ด้วยราคาแพงลิ่ว” มันคุ้มค่าไหม? แต่เรายอมแลกมา และทำให้เราสามารถดำรงความเป็นเอกราชได้มาจนทุกวันนี้
สรุปคือ มันต้องเรื่องใหญ่จริงๆ มีคุณค่าคุ้มกับ สิ่งที่เสียไปจากการขาดความยุติธรรม หรือไม่?
2.เรื่องที่เป็นข่าวใหญ่ที่สุดในเวลานี้ และต่อไปอีกระยะหนึ่ง คือ เรื่องของคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง ในสังคมการเมือง ที่คนทั่วไป นำมาพูดถึง “ความไม่ยุติธรรม” ซึ่ง เราได้เห็นและเข้าใจได้ เพราะ “มันโดดเด่น และอยู่นอกกฎกติกาความยุติธรรมของบ้านเมือง”?
@ ท่านได้ นำสำเนาฯ มาให้ผมดู
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2566 เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุก 8 ปี เหลือเพียง 1 ปี
เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ จงรักภักดี และมีอาการป่วย ยอมรับการกระทำผิดและสำนึกในความผิด
โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
@ เวลา เราต้องการเข้าใจปัญหาสำคัญหนึ่งๆ เราจะได้มา “ด้วยการตั้งคำถามที่ถูกต้อง สอดคล้องกับความจริง” เช่น
๑.ทำไม เหตุการณ์ใหญ่นี้ จึงเกิดขึ้นมาได้ จะต้องมีความพร้อมของบุคคล เงื่อนไขปัจจัยที่เป็นไปได้ สถานการณ์ที่สุกงอมและทุกฝ่ายที่ร่วมใจกัน ต้องเอา “ส่วนรวม ชาติประชาชน และบ้านเมืองเป็นหลัก” ต้องมองผ่านจากปัจจุบัน ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ของประชาชนและแผ่นดินของเราต้องใช้ “ความกล้าหาญเสียสละ ยอมสละเรื่องส่วนตัว ไปสู่เรื่องส่วนรวม”
เขามีบทบาทและอำนาจจริง ในการมีพรรค มวลชน สื่อ นักวิชาการ ทุนใหญ่ ฯลฯ
แต่เขามีอำนาจ และมีกระทำผิดหมด และมีอภิสิทธิ์ใหญ่หลวงจริง ฤๅทุกคนทุกฝ่าย ต้องยอมศิโรราบ ให้ ใครทำอะไรไม่ได้เลยหรือกระบวนการยุติธรรม ไม่ทำงาน และ ยกเว้น ให้กับบุคคลนี้ ฤๅ
๒.สังคมเสียหายใหญ่ ในเรื่อง “ความอยุติธรรม และความมีอภิสิทธิ์ล้นฟ้า” นักการเมือง นักวิชาการ ผู้นำหลายภาคส่วน ออกมาวิจารณ์หนัก เพราะ “รับไม่ได้ “และสังคมไทย ก็ติดกับดักเรื่องนี้ ตลอดเวลาในช่วงที่ผ่านมานี้บางคนบางกลุ่มทุ่มเท ทำแต่เรื่องนี้ โดยไม่คิดทำเรื่องอื่นที่อาจจะเกิดผลดีได้จริงฯ
๓.สังคมและบ้านเมือง เกิดอะไรในช่วงนี้
“ความสงบ ความไม่วุ่นวายใหญ่โต” ไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ได้อย่างไร ทำไม คนบางกลุ่มบางพรรค ที่เคยยิ่งใหญ่ ก่อการชุมนุมได้เป็นแสนสองแสนคน จึงเงียบไป ทำไม คนกลุ่มที่เคยชุมนุมใหญ่ ในปี ๒๕๕๓ จึงหยุดไปและมีความเข้าใจ ต่อ “เรื่องสถาบันชาติกษัตริย์ดีขึ้นมากขึ้น” หรือ ไม่ไปเข้าร่วมกับ คนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คิดรุนแรงกว่าทั้งๆ ที่ เคยมีความคิดใกล้เคียงกัน
๔. คนคนนี้ ครอบครัว และพรรคของเขาฯ มีแต่ได้อย่างเดียว จริงหรือ ส่วนหนึ่ง ทั้งตัวเขา ครอบครัว ลูกสาว และพรรคของเขา ถูกตีหนักมากทั้งจากคนบางส่วนของเสื้อเหลือง และจำนวนค่อนข้างมาก จากเสื้อส้มฯ เขายอมเสียใหญ่ในครั้งนี้ เพราะอะไร?
“เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ จงรักภักดี และมีอาการป่วย ยอมรับการกระทำผิดและสำนึกในความผิด”
“มองเห็นภาพ ๒ ภาพ ที่ตัดกัน”
ความป่วยและชราของภาพของคนที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต กับ ภาพการมีความสุข กับลูก ๓ คน และ หลาน ๗ คน ในอนาคต”
๕.คนคนนี้ และพรรคของเขา รวมทั้งรัฐบาลของเขาในตอนนี้คิดและทำเรื่องนี้ ขึ้นมาเอง ฤๅ คิดไหมว่า “เขาจะทำเองได้เอง ทำโดยตัวคนเดียว” หรือ
๖.หากคนไม่เชื่อและไว้ใจเขา แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่ง ที่น่าเคารพและน่าเชื่อถือ ในการคิดดีทำดีเพื่อแผ่นดินคนที่มีฐานะบทบาทอื่นๆ ที่ดี พอควรในสังคมและการเมือง ได้รับรู้รับทราบเรื่องนี้ไหม และพวกเขาคิดกันอย่างไรเขา “ต้องยอมถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งทางตรง โดยเฉพาะทางอ้อม” เพราะอะไรและเขาก็ได้พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นผลงาน ความรักความจริงใจต่อบ้านเมืองตลอดมา ๙ ปี
๗.กระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล คุกตะราง ราชทัณฑ์ ไม่คิดถึงความยุติธรรม ฤๅ
๘.หากประชาชน เห็นว่า “เรื่องนี้ และสภาพที่เกิดขึ้นนี้” คือ “ความไม่ยุติธรรม” และเป็นความผิดนอกจากคนคนนี้ พรรค และบริวารของเขา จะผิดแล้วนายกฯ คนที่แล้ว ซึ่งเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการลดโทษให้ “คนคนนี้” และรัฐมนตรี และคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะต้องมีความผิดใหญ่ด้วยสิเพราะเป็นการสมคบและร่วมมือกันทำผิดใหญ่นี้
๙.เรามองเห็นอะไรในช่วงนี้ ปัจจุบันนี้อย่างไร ใครเสีย ใครได้สังคมเสีย และสังคมได้ อะไรไหม
๑๐.เราได้มองไปสู่อนาคตไหม อะไรจะเกิดขึ้น นี่คือ คำตอบ อยู่ที่อนาคต ที่จะให้ความจริงในเรื่องนี้
ข้อสำคัญที่เป็นหัวใจอยู่ที่ไหน
ก.ฝ่ายคนที่ได้ไป พรรคและผู้คนของเขา ได้ทำอะไรตอบแทนแผ่นดินบ้างสังคมไทย ในอนาคตไม่ไกลนี้ จะเป็นอย่างไรเดือดร้อน วุ่นวายใหญ่โต ประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสไหม
ข.และหากสังคมเกิดความสงบ ไม่วุ่นวายและบ้านเมืองเดินก้าวต่อไป ตามปกติ
l @ สองคำถาม ที่ผม ได้ถามไป คือ
๑.สุขภาพของท่าน และภรรยาของท่านเป็นอย่างไร?
“เป็นไปตามอัตภาพ ตามที่เจ้าของร่างกายและใจ ได้คิดและทำไป” เป็นคำตอบสั้น กระชับ
๒.ท่านรักษาสุขภาพให้ดีเช่นนี้ ได้อย่างไร? ท่านได้ตอบแล้ว ซึ่งผมได้เล่าไปแล้ว ลองกลับไปอ่านดู
แล้วผมไม่ได้ถามอะไรกับสิ่งที่ท่านได้เล่าให้ฟังเพราะผมได้คำตอบแล้วจากอากัปกิริยาของท่าน ที่มองไปข้างหน้า ด้วยความสงบ อย่างมีความสุข และตลอดชีวิตของท่าน “ท่านคิดและทำ แต่เรื่องดีงดงาม เพื่อส่วนรวมมาตลอด” ท่านคิดและทำ มิใช่เพียงแต่ปัจจุบัน สำคัญคือ “อนาคต”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี