ข่าวใหญ่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่เพิ่งถูกแถลงการณ์เปิดเผย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีช้างป่ากว่าสี่พันตัว กระจายอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 93 แห่ง และตั้งแต่ปี พ.ศ 2558จนถึงปัจจุบัน รวม 9 ปี มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง210 คน
ทั้งนี้ ยังไม่นับความเสียหายของพืชที่กสิกรปลูกไว้ ไร่นาและบ้านช่องอีกไม่น้อย ที่ถูกช้างป่าเข้าไปทำลาย ตลอดจนภาระอันหนักอึ้งของเกษตรกรที่จะต้องช่วยตัวเองด้วยการไปขึงลวด ปล่อยกระแสไฟเข้าไป กันช้างเข้ามาทำลายพืชผล
ทั้งนี้ ยังไม่นับถึงบางท้องที่ ซึ่งต้องมีการจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง และผลักดันช้างป่า อย่างแถวชายแดนประจวบ ใกล้ด่านสิงขร ที่ต้องมีอาสาสมัครพลเรือนเข้าร่วมด้วยนับร้อย ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก แม้แต่จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ระยอง ก็ยังมีช้างดุร้ายออกมาอาละวาดอยู่ต่อเนื่อง
หวังว่ารัฐบาลของนายกฯเศรษฐา ซึ่งกำลังส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างขะมักเขม้น จะไม่รอช้าจนช้างป่าเข้าไปเหยียบและทำลายรถเก๋ง หรือรถตู้บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ชาวจีน หรือชาวอเมริกัน เสียชีวิตไปสัก 1 คันรถ เรื่องก็คงจะดังไปทั่วโลก และนักท่องเที่ยวก็คงจะหยุดมาเที่ยวดินแดนช้างดุร้ายนี้ไปอีกนาน
จึงควรจะต้องรีบมีมาตรการ แก้ไขป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ มิใช่รอไปดำเนินการเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว เช่น กรณีเรือบรรทุกนักท่องเที่ยวจมในทะเล นักท่องเที่ยว
สาวถูกข่มขืน และทำฆาตกรรมที่ชายหาด นักท่องเที่ยวถูกรีดไถจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งทำเอานักท่องเที่ยวชาวจีนต้องหยุดชะงัก หรือต้องคิดทบทวนให้ดีเสียก่อนหลายตลบ ว่าควรจะมาในประเทศที่มีความปลอดภัยน้อยหรือไม่
ช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง และในสมัยก่อนไม่ต้องมี พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่า ก็ยังอยู่กับเรามาได้ช้านาน สมัยโบราณมีการออกไปคล้องช้าง ตั้งเพนียด แล้วเอาช้างมาฝึกใช้งานให้เป็นประโยชน์ ก็เป็นวิธีการควบคุมแบบธรรมชาติที่ดูน่ารักดี หากทางราชการมีวิธีการออกใบอนุญาตให้มีการคล้องช้างแบบโบราณได้ก็น่าจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย และเป็นการส่งเสริมอาชีพแก่ควาญช้างและเจ้าของช้างอีกจำนวนไม่น้อย
ไม่ใช่แต่เรื่องช้าง ที่ทำเอาคนไทยตายไปหลายร้อยคน สัตว์คุ้มครองประเภทอื่น ซึ่งทำลายทรัพย์สินและการทำมาหากินของชาวบ้าน ก็ยังมีอีก เช่น ลิง เป็นต้น
ลิงลพบุรีก็อยู่กับประเทศไทยมาช้านาน นับวันก็ดูจะดุร้ายขึ้น จนชาวบ้านต้องอพยพหนี หวังว่าในอนาคตจังหวัดลพบุรีคงไม่ถูกยึดครอง และปกครอง โดยพลเมืองลิง จนกระทั่งคนไม่กล้าไปเที่ยว
ลิงเขาสามมุขก็ใช่เล่น ออกมาอาละวาด ตามถนนริมทะเลอยู่บ่อยๆ เข้าไปฉกฉวยของในรถนักท่องเที่ยว ของในร้านค้า จนแทบจะต้องปิดกิจการ
ลิงแถวริมเขา ริมทะเลตะวันออก (EEC) ก็มีอยู่ทั่วไป และก็เป็นสัตว์คุ้มครองเช่นกัน ในอดีตก็เคยทำร้ายนักท่องเที่ยวไทยและเด็กคนไทยมาแล้ว ในอนาคตอาจไปทำร้ายเด็กที่มากับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นได้ ก็คงจะทำให้การท่องเที่ยวของเรากระเทือนไป
การที่จะมีมาตรการควบคุมความสมดุลทางธรรมชาติ (Naturally balanced measure) ก็น่าจะมีได้ แต่ประชาชนธรรมดาคงคิดได้ยาก ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ตลอดจนนักการเมืองที่อาสาสมัครเข้ามาบริหารประเทศ ได้ใช้สติปัญญาวางมาตรการป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ ก็น่าจะเป็นการดี
สัตว์อีกประเภทหนึ่ง ที่ใคร่จะกล่าวถึงในคอลัมน์วันนี้ และเป็นสัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครองเช่นกัน ก็ได้แก่ ตัวเงินตัวทองหรือที่ชาวชนบทเรียกว่า “ตัวเหี้ย” ซึ่งขณะนี้ ก็อาละวาดอยู่มากมายหลายแห่ง
ในทำเนียบรัฐบาลก็มี ดังปรากฏอยู่ในข่าวบ่อยๆตามบ้านเรือนริมคลองแสนแสบก็มี ตามสนามกอล์ฟก็มี ถูกคุ้มครองมานานจนบัดนี้โตใหญ่เทียบเท่าจระเข้อยู่แล้ว หากเข้าไปคาบนักข่าว หรือรัฐมนตรีสาวๆ ลงน้ำไปสักคน คงเป็นข่าวไปทั่วโลกเช่นกัน
ถ้าใครอยากเห็นตัวเหี้ย ก็ขอให้ไปเที่ยวงานกาชาดที่สวนลุมพินี ท่านอาจจะขอจับมือกับตัวเหี้ยดูก็ได้
ตัวเหี้ยนี้ ก็ทำร้ายกุ้งปลาในลำคลอง หนองน้ำ บ่อเลี้ยง ไม่น้อยเหมือนกัน เราจะมีวิธีให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติได้อย่างไร แบบในสมัยโบราณ ก็น่าจะเป็นเรื่องของหน่วยงานของรัฐ ที่ดูแล พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่าจะต้องช่วยคิดและหาทางแก้ไข
หวังว่า บทความชิ้นนี้ คงจะทำให้นักการเมือง ผู้ใช้อำนาจบริหารแทนปวงชนชาวไทย ข้าราชการทั้งปวงที่กินเงินเดือนของประชาชน และเป็นลูกมือของผู้บริหารประเทศ จะได้ช่วยกันคิดต่อ สานต่อ และลงมือกระทำต่อไป เพื่อให้พ้นคำว่า “วัวหายแล้วจึงล้อมคอก” เสียที
ศิริภูมิ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี