ศรัทธาของมหาชนคนไทย กลับมามีความเชื่อมั่น และมีความหวังต่อฟุตบอลทีมชาติไทย อีกครั้ง
เมื่อทีมฟุตบอลทีมชาติไทยรักษาโอกาสลุ้นฝ่าฟันผ่านฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เพื่อจะเข้าไปสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งประวัติศาสตร์ให้ได้
ทัพช้างศึกสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ หลังบุกไปเสมอทีมระดับโลก อย่างทีมชาติเกาหลีใต้ 1-1 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
การกลับมาแข่งขันที่ประเทศไทยในวันนี้ (26 มีนาคม) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เกิดกระแสคึกคักมาก
บัตรเข้าชมการแข่งขันถูกจำหน่ายหมดทุกที่นั่งไปแล้ว ความจุ 48,900 คน
แต่เป้าหมายและความฝันใหญ่สำคัญ คือ การผ่านรอบคัดเลือกไปสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
จะเป็นได้จริงแค่ไหน ปัจจัยสำคัญ คือ อะไร?
1. หากมองเฉพาะฟุตบอลโลกรอบนี้ นับว่า ไทยยังอยู่บนเส้นทาง
พูดง่ายๆ ยังไม่ได้ตกรอบ และยังมีโอกาสที่ดี
โดยทีมชาติไทย จะเปิดบ้านพบกับทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4 ในวันนี้ (26 มีนาคม เวลา 19.30 น.)ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
สำหรับการคัดเลือกรอบนี้ จะคัดเอาอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม เข้ารอบคัดเลือกรอบสาม ต่อไป
ซึ่งไทยยังมีโอกาส ประตูยังเปิดกว้าง เพราะแข่งมา 3 นัด ผ่านมาครึ่งทางไทยเราอยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม
โดยอันดับหนึ่ง คือ เกาหลีใต้ มี 7 คะแนน
อันดับ 2 คือ ไทย มี 4 คะแนน เท่ากับจีน ที่อยู่อันดับ 3 (เพราะไทยมีผลต่างประตูได้-เสียดีกว่า)
ส่วนอันดับ 4 คือ สิงคโปร์ มี 1 คะแนน
เหลืออีก 3 นัดที่เหลือ ไทยยังมีโอกาสที่ดีมาก เริ่มจากกลับมาเจอเกาหลีใต้ในบ้านเราวันนี้
หากผลการแข่งขันเป็นใจ นัดที่เหลืออีก 2 นัดสุดท้าย ล้วนแต่เป็นงานที่ง่ายกว่าเจอเกาหลีใต้
และที่สำคัญ เกาหลีใต้ยังจะต้องใช้ตัวจริง ตัวเก่งๆ ที่ค้าแข้งในยุโรป ยังต้องเอาจริงในเกมต่อๆไป เพื่อรับประกันการเข้ารอบอันดับหนึ่งของตนเองด้วย
นั่นหมายความว่า ทั้งจีนและสิงคโปร์ ที่จะเจอกับเกาหลีใต้หลังจากนี้ ก็จะยังเจอเกาหลีใต้ที่มุ่งมั่นเอาจริงด้วย
2. แฟนเพจ “ข้อมูล สถิติ ฟุตบอลทีมชาติไทย” ได้ประมวลข้อมูล สถิติที่น่าสนใจไว้ ระบุว่า
“สถิติ ทีมชาติจากเอเชีย ที่ได้ไป ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
...ผลงานอันดับสูงสุดในฟุตบอลโลกสำหรับทีมเอเชีย คือ อันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2002 โดยทีมชาติเกาหลีใต้
ประเทศที่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกมากที่สุด คือ เกาหลีใต้ 11 ครั้ง, ญี่ปุ่น 7 ครั้ง ตามมาด้วย อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย และ ออสเตรเลีย 6 ครั้ง (ออสเตรเลีย ได้โควตาสมัยอยู่โซนโอเชียเนีย 2 ครั้ง)
ในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ปี 2022 เอเชียได้โควตาทั้งหมด 6 ทีม 1.กาตาร์ (เจ้าภาพ), 2.เกาหลีใต้, 3.ญี่ปุ่น, 4.ออสเตรเลีย, 5. อิหร่าน, 6.ซาอุดีอาระเบีย
ในฟุตบอลโลกครั้งต่อไป ปี 2026 มีการเพิ่มทีมในรอบสุดท้ายจาก 32 ทีมเป็น 48 ทีม และโซนเอเชียได้โควตาเข้าร่วม 8 ทีม + 1 ทีมเพลย์ออฟ...”
จะเห็นได้ว่า ฟุตบอลโลก 2026 ที่กำลังคัดเลือกกันอยู่ขณะนี้ เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับทีมชาติไทย ในฐานะทีมจากเอเชีย เพราะเพิ่มจำนวนทีมรอบสุดท้าย และโซนเอเชียเรา ได้โควตามากขึ้นกว่าทุกครั้ง
3. ในความเป็นจริง การแข่งขันนัดนี้ ไม่ได้สำคัญสำหรับการผ่านเข้ารอบต่อไปเท่านั้น แต่ยังมีผลต่ออันดับคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้งของทีมชาติไทย ที่จะขยับขึ้นด้วยหากเสมอหรือชนะในเกมนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาฟุตบอลไทยในระยะยาว
เพจ “ข้อมูล สถิติ ฟุตบอลทีมชาติไทย” ลองคำนวณคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้งที่ทีมชาติไทยจะได้รับจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก นัดเจอกับเกาหลีใต้ครั้งนี้ไว้ ระบุว่า
“...เนื่องจากนัดแรก เราได้คะแนนมาจากเกาหลีใต้ ทำให้คะแนนในนัดที่สองที่จะพบกันที่ราชมังฯ คะแนนจะน้อยลงนิดหน่อยครับ
ถ้า ไทย ชนะ เกาหลีใต้ จะได้ +19.74 คะแนน ขึ้นไปอยู่ที่ 95
ถ้า ไทย เสมอ เกาหลีใต้ จะได้ +7.24 คะแนน อยู่ที่ 99
ถ้า ไทย แพ้ เกาหลีใต้ จะเสีย -5.26 คะแนน อยู่ที่ 100-101 โดยประมาณ
โดยอันดับของทีมชาติไทย จะขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันของคู่อื่นๆ ด้วยนะครับ”
4. การแข่งขันนัดนี้ จึงมีความสำคัญ และมีความหมายมาก
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ประกาศว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติเกาหลีใต้ วันที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 19.30 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เป็นนัดที่มีความสำคัญมากๆ กับทีมชาติไทยเรา ผมขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยไปชมและเชียร์ทีมชาติไทยร่วมกันที่สนามราชมังคลาฯ หรือเชียร์ผ่านทางการถ่ายทอดสดทางไทยรัฐทีวี
“ผมขอสนับสนุนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการระดมเงินจากแหล่งต่างๆ มาช่วยอัดฉีดนักเตะไทย แต้มละ 3 ล้านบาทครับ สู้ ๆ ครับทีมชาติไทย” - นายกฯ เศรษฐาประกาศ
ส่วนนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ “มาดามแป้ง” กล่าวเสริมว่า “ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ร่วมสนับสนุนฟุตบอลไทยในทุกมิติ ทั้งระดับทีมชาติไทย และฟุตบอลไทยลีก เพื่อสร้างกระแสศรัทธาฟุตบอลไทย ให้กลับมาอีกครั้ง”
กล่าวสำหรับนายกสมาคมฟุตบอลฯ มาดามแป้ง เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีความหวัง สมควรได้รับคำชื่นชมและแรงสนับสนุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะในการสนับสนุนการทำงานของโค้ชทีมชาติไทย การฝึกซ้อม การบำรุงทีม รวมตลอดถึงการแก้ปัญหาทางการเงินและการพัฒนาลีกในประเทศที่จะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาฟุตบอลไทยในระยะยาว ฯลฯ
ส่วนนายกฯ เศรษฐา หากมุ่งมั่นตั้งใจจริง ที่จะสนับสนุนส่งเสริมฟุตบอลไทยจริง ควรจะต้องทำมากกว่านี้
ไม่ใช่เฉพาะการอัดฉีดเฉพาะหน้า เฉพาะทัวร์นาเม้นท์
สิ่งที่ควรทำ คือ ระดมทรัพยากรทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศ การพัฒนาระดับยุวชน เยาวชน และระดับสโมสรอาชีพในประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อเกิดเป็นกระแสฟุตบอลทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี และตลอดไป
นั่นต่างหาก คือ พลังสำคัญแห่งความสำเร็จในระยะยาว
ต่อให้พลาดหวังในฟุตบอลโลกรอบนี้ ก็จะยังมีหวังในฟุตบอลโลกรอบหน้า
หรือต่อให้ยังไม่ได้ไปบอลโลก ก็เกิดความคึกคัก เกิดผลทางเศรษฐกิจแล้วในประเทศ
มิใช่ว่า ยังมี สส. ดูถ่ายทอดฟุตบอลไทยจากลิงก์เถื่อน ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้กลับไปสนับสนุนพัฒนาวงการฟุตบอล แต่ไปอุดหนุนวงการพนันที่ทำลายวงการฟุตบอลอีกต่างหาก
เมื่ออันดับแรงกิ้งทีมชาติไทยดีขึ้นเรื่อยๆ นักเตะไทยก็จะสามารถเตะในลีกระดับโลก เช่น พรีเมียร์ลีกอังกฤษจะได้พัฒนาฝีเท้า และแรงหนุนจากคนไทยแบบก้าวกระโดดต่อไปด้วย
ที่สำคัญ เกิดความฝัน แรงบันดาลใจ พลังดึงดูด ให้เด็กเยาวชน คนไทย ร่วมกันสนับสนุนฟุตบอลไทยอย่างเข้มแข็งตลอดไป
อย่าลืมว่า ญี่ปุ่น หรือเกาหลี สร้างฟุตบอลจนเป็นทีมชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่ด้วยการอัดฉีด แต่ด้วยการทำงานต่อเนื่อง ทีละก้าว สร้างฐานภายในประเทศเข้มแข็ง
ขอให้กำลังใจผู้เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลไทยทุกคน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี