พรรคก้าวไกล พยายามสร้างภาพลักษณ์ ว่าเป็นพรรคการเมือง นักการเมืองหัวก้าวหน้า ???
แต่จากพฤติกรรมจริงในระยะหลัง ทั้งการประท้วง การหมกมุ่นกับการประดิษฐ์วาทกรรมทางการเมือง การใช้วิธีการนับองค์ประชุมเพื่อล้มการประชุม คุณภาพ สส.ที่อภิปรายในสภาแบบน่าอับอาย ทั้งอ่านตัวเลขไม่เป็น ทั้งอภิปรายผิดมาตรา ฯลฯ หรือแม้แต่การพัวพันกับการคุกคามข่มขืนของ สส. หลายคน การคอยห้อยโหนกระแสกับแกนนำม็อบ 3 นิ้ว และทุกเรื่องที่เป็นกระแสข่าว โดยไม่ได้ทำการบ้าน ไม่ได้ทำงานจริงจัง ฯลฯ
ทำให้เกิดคำถามว่า พรรคก้าวไกล นักการเมืองก้าวไกล หัวก้าวหน้า หรือดักดานเหมือนนักการเมืองน้ำเน่า แค่พยายามสร้างภาพปิดบังอำพรางตัวเท่านั้น?
ปรากฏว่า ศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ได้แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์และพิพากษ์อย่างตรงไปตรงมา
สรุปประเด็นใจความสำคัญ ดังนี้
1. สส.คนรุ่นใหม่ แต่ใช้ข้อมูลเท็จอภิปราย
ศ.ดร.สังศิต แสดงความดีใจที่เห็นคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาว เดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองกันมากขึ้น
“..ผมมีความหวังว่านักการเมืองเหล่านั้นจะเป็นสะพานเชื่อมในการนำเอาความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่จากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาการเมืองไทยให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ผมเห็นว่าหาก นักการเมืองไม่มีความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ที่ทันโลก ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าทัดเทียมโลกได้ยาก
...คนไทยส่วนใหญ่ที่ไปศึกษาต่อในประเทศตะวันตก มักศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเฉพาะ ผมสังเกตว่าความรู้ที่เราไปศึกษาไม่ได้เชื่อมโยงกับความรู้ด้านอื่นๆ และความรู้ทางวิชาการมักไม่โยงเข้ากับเรื่องของมนุษย์หรือคน
ตัวอย่างเช่นไปศึกษาเรื่องวิศวกรรมศาสตร์ด้านน้ำ ก็จะไม่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างน้ำกับคน หรือน้ำกับชุมชน หรือน้ำกับสังคม ผู้ที่ไปศึกษาเรื่องป่า ก็รู้แต่เรื่องป่า แต่ไม่รู้เรื่องของคนหรือ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างป่ากับคน ควรจะอยู่ร่วมร่วมกันอย่างมีสันติสุขมีความปรองดองและมีผลประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร
เป็นเรื่องน่าแปลกใจว่าความรู้ทุกศาสตร์ของโลกตะวันตกมักไม่โยงกับคน ชุมชนและสังคม ทำให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาทั้งตรีโทและเอก มีความรู้เรื่องในวิชาที่ตัวเองสนใจ แต่ไม่รู้จักเรื่องของคนและมนุษย์
กรณีของ สส.พรรคก้าวไกลที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฝายแกนดินซีเมนต์อย่างรุนแรงว่าไม่มีประโยชน์ และใช้ไม่ได้จริง เป็นเรื่องน่าคิด เพราะตัวผมเองก็มาจากโลกวิชาการ เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ ผมจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะในโลกวิชาการเรามีประเพณีการวิพากษ์วิจารณ์ผลงานทางวิชาการกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่ที่ผมแปลกประหลาดใจมาก ก็คือ สส.ท่านนี้กลับใช้ข้อมูลเท็จหลักฐานเท็จทั้งหมดในการวิพากษ์วิจารณ์
รวมทั้งมีข้อน่าสังเกตว่า เขาได้ใช้ความคิดแบบด้านเดียว ทฤษฎีเดียว มาตรฐานเดียวคือมาตรฐานแบบตะวันตกมากล่าวโจมตีฝายแกนดินซีเมนต์อย่างเสียหาย โดยมองไม่เห็นด้านดีเลยแม้แต่น้อย
ผมคิดว่าการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้มีความเป็นการเมืองมากจนเกินไป และไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
เพราะสำหรับโลกวิชาการแล้วไม่สามารถยอมรับการวิจารณ์แบบที่นำหลักฐานและข้อมูลเท็จมาใช้อ้างอิงได้ มันขัดกับหลักการทางวิชาการอย่างร้ายแรง หากใช้หลักฐานที่เป็นจริงมาวิพากษ์วิจารณ์ผมคิดว่าจะน่าสนใจกว่า และน่าจะรับฟังมากกว่านี้
...เวลาที่เขาวิจารณ์ฝายแกนดินซีเมนต์โดยถือเอาว่าความรู้ของวิศวกรรมสมัยใหม่แบบตะวันตกเป็นมาตรฐานของความถูกต้องหรือเป็นสีขาวเสียแล้ว แล้วกำหนดให้ฝายแกนดินซีเมนต์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นจึงต้องกลายเป็นความไม่ถูกต้องไป เพราะเขาไปกำหนดว่าความรู้แบบตะวันตกเท่านั้นที่เป็นสีขาว หากไม่ใช่สิ่งนี้ ถือเป็นสีดำหรือเป็นสิ่งไม่ดี และจึงพลอยคิดถึงการทำลายสิ่งไม่ดีในโลกนี้ทิ้งไปเสียทั้งหมด
(หลักคิดแบบ สส. ก้าวไกล พบเห็นได้มากในหมู่นักการเมืองอเมริกันทั่วไปในปัจจุบัน เช่น ประธานาธิบดีไบเดน และอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่มีนโยบายด้านต่างประเทศ การเมืองและเศรษฐกิจที่แสดงออกถึงความจงเกลียดจงชังที่มีต่อประเทศจีนและรัสเซียจนถึงขั้นที่ประกาศว่าจะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับประเทศทั้งสอง และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพราะเหตุแห่งการมีอุดมการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง)…”
2. ก้าวไกล ก้าวร้าว และโกหกมดเท็จ ทำงานแบบสุกเอาเผากินตีนไม่ติดดิน
ศ.ดร.สังศิต ยังระบุด้วยว่า “ผมคิดว่า หากเขาได้เรียนรู้ปรัชญาของพระพุทธศาสนาหรือหลักปรัชญาตะวันออก พฤติกรรมที่ก้าวร้าว และการโกหกมดเท็จของเขาจะลดลงได้ เพราะปรัชญาตะวันออกน่าจะช่วยขัดเกลาจิตใจของพวกเขาให้ลดสัมมาทิฏฐิลง และง่ายต่อการที่จะน้อมรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกที่แตกต่างจากความรู้ และความเชื่อที่ครอบงำเขาเอาไว้หนาแน่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
หาก สส. ก้าวไกลอยากจะวิพากษ์วิจารณ์ฝายแกนดินซีเมนต์ได้ดียิ่งขึ้น รอบด้านมากขึ้น และฉลาดมากขึ้น ผมใคร่เสนอแนะให้เขาไป ศึกษาหาความรู้จากศาสตร์ของตะวันตกให้มากขึ้นอีกสักหน่อย อย่างน้อยที่สุดเขาควรจะหันกลับไปศึกษาปรัชญาไดอาเลคติก (dialectic) ของเฮเกล นักปรัชญาคนสำคัญของเยอรมันให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน รวมทั้งยังต้องศึกษางานของฮาเบอร์มาส นักทฤษฎีคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของเยอรมันยุคปัจจุบัน เรื่องทฤษฎีการวิพากษ์ (critical theory) ให้เข้าใจดีเสียก่อน
…น่าเสียดายว่า สส. ก้าวไกลเป็นคนรุ่นใหม่ แต่กลับนำเอาส่วนที่เป็น “อวิชชา” ทางวิชาการมาทำงานการเมือง ความรู้ของเขาที่ไม่รู้จริง ไม่เคยเห็นของจริง และที่สำคัญที่สุดคือไม่เคยผ่านการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นจริง ไม่ลงทุนศึกษาค้นคว้าความรู้เรื่องฝายแกนดินซีเมนต์ให้เพียงพอเสียก่อน เป็นความคิดที่เกียจค้าน แบบนักวิชาการบนหอคอยงาช้าง ทำงานแบบสุกเอาเผากิน ตีนไม่ติดดิน แล้วยังใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ตัดสินใจทีเดียวสามารถฆ่าอนาคตและความหวังของเกษตรกรนับล้านคนได้ทันที…”
3. ได้รับเลือกตั้ง แต่ความคิดคับแคบ ขาดประสบการณ์ในชีวิตจริง และไม่มีวุฒิภาวะทางการเมืองเพียงพอ
ศ.ดร.สังศิต ตอกย้ำว่า “...ผมไม่สนใจว่าสส.พรรคก้าวไกลจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์การเมืองโลกก็คือ เคยมีนักการเมืองที่เคยได้รับคะแนนนิยม หรือการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น ถล่มทลาย แต่เพราะมีความคิดคับแคบ ขาดประสบการณ์ในชีวิตจริง และไม่มีวุฒิภาวะทางการเมืองเพียงพอ ซึ่งเป็นส่วนที่ประชาชนไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่อนักการเมืองเหล่านี้มีอำนาจแล้ว กลับใช้อำนาจทางการเมืองไปเข่นฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นได้ จะด้วยความสุจริตใจหรือไม่ก็ไม่ทราบ ไม่ว่าจะเป็นฮิตเลอร์ที่ฆ่าคนยิว หรือสตาลินที่ฆ่าชาวนายากจนนับสิบล้านคนได้ เป็นต้น
เพราะผมมาจากโลกวิชาการ ผมจึงตระหนักดีว่าการวิเคราะห์ วิจารณ์นั้นง่าย แต่การหาทางออกนั้นทำได้ยากกว่า ดังนั้น เมื่อผมมาทำงานในคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำเพื่อหาทางออกในเรื่องการขจัดความยากจนให้แก่เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานทั้งประเทศ
ผมคิดว่าโจทก์ข้อแรกของการจัดการกับความยากจนให้แก่เกษตรกรก็คือจะต้องหาน้ำให้แก่พวกเขาให้ได้เสียก่อน ทั้งเพื่อการผลิต บริโภคและอุปโภคให้ได้ตลอดทั้งปี ผมจึงรู้ตั้งแต่เริ่มต้นว่านี่เป็นงานที่ทำได้ยากยิ่งกว่าการทำงานวิชาการมากมายมหาศาลทั้งในแง่ของการศึกษาค้นหาความรู้ทั้งเก่าและใหม่ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้รู้ นักคิด นักปราชญ์ การออกไปเสาะแสวงหาความรู้ในเชิงปฏิบัติได้จริง การวิเคราะห์ และการวิจารณ์ความรู้ดั้งเดิมเพื่อให้ความคิดใหม่ตกผลึกเป็นทางออกที่สามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมจริงที่เหมาะสมกับสังคมไทยในยุคปัจจุบัน
สิ่งที่พวกเราทำนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ สส.พรรคก้าวไกลทำ สิ่งที่พวกเขาทำคือการพูด การวิจารณ์ แต่สิ่งที่พวกเราทำคือการคิดใหม่ การหาความรู้ใหม่ การสร้างความรู้ใหม่ การหานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมาจัดการกับการไม่มีน้ำของเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่แล้งซ้ำซากมายาวนานทั้งชีวิต และการลงมือทำที่เป็นจริงและเกิดผลได้จริง...”
ท่านคิดว่า ก้าวไกล หัวก้าวหน้า หรือแท้จริงดักดาน ดื้อด้าน อันตรายยิ่งกว่านักการเมืองน้ำเน่าเดิมๆ เสียอีก?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี