“เศรษฐา ทวีสิน” อดีตพ่อค้าด้านอสังหาริมทรัพย์วัย 62 ปี กับระยะเวลา 7 เดือนบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในภาพ“ตัวสูงโย่งถุงเท้าแดงใส่กางเกงขาลีบสวมสูทคับติ้ว”นั้น พิสูจน์ให้เห็นว่าบ้อท่าไร้น้ำยาในการบริหารประเทศ
เมื่อวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีภาพให้เห็นสามภาพว่าเวลานี้ใครเป็นผู้บริหารประเทศที่แท้จริง
ภาพแรกในงานพระราชทานเพลิงศพนายอนันต์ฉายแสง อดีตสส.หลายสมัยนักการเมือง“บ้านใหญ่”แห่งฉะเชิงเทรา บิดาของนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ณ วัดเทพนิมิตรตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ได้ไปเป็นประธานในพิธี
ภายในวัดเทพนิมิตร คลาคล่ำไปด้วยนักการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทั้งรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี รวมทั้ง สส.และอดีต สส. ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทยในยุคปัจจุบัน แม้แต่นายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองบ้านใหญ่แห่งจังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้ว ซึ่งเป็นบิดาของนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบันก็มาปรากฏตัวในงานนี้
หรือแม้กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ไม่ได้เป็นลูกพรรคเพื่อไทยสายตรง ซึ่งคนในสังคมเห็นว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเอื้อประโยชน์ให้แก่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณชินวัตร ได้รับการพักโทษโดยไม่ต้องติดคุกในเรือนจำ ก็ยังมานั่งเป็นพระอันดับอยู่ด้านหลังของทักษิณ แถวเดียวกันกับนายภูมิธรรม เวชยชัย และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร สองรองนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
อีกภาพหนึ่งที่ซ้อนขึ้นมาในบ่ายวันเดียวกัน ที่ห้างเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้เป็นประธาน เปิดงาน“Art Toy Korat” ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เช่น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ และนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องมาเดินตามแห่คุณหนูอุ๊งอิ๊ง
ต่อจากนั้น“อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ก็ไปเป็นประธานเปิดงาน“ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว-เฟส 2” ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ“80 พรรษา 5 ธันวาคมฯ” จังหวัดนครราชสีมา ในงานนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาสมทบเดินตามคุณหนูอุ๊งอิ๊งร่วมกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง และนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจ
มีคำถามว่า ทั้งสองงานดังกล่าวทำไมถึงไม่มีนายเศรษฐา ทวีสิน ไปร่วมงานด้วย ซึ่งงานแรกที่มีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานในพิธีนั้น พอเข้าใจได้ เพราะถ้านายเศรษฐามางานนี้ นอกจากจะทำให้เกิดข้อครหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมระหว่างทักษิณที่อยู่ระหว่างการพักโทษกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐาจะถูกบดบัง ชนิดที่เรียกว่ารัศมีอับแสงลงทันที
แต่สำหรับทั้งสองงานที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตรไปเป็นประธานเปิดงานนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมาก เพราะบิดาของเธอคือนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ต้องการที่จะสร้างบารมีและส่งเสริมให้ลูกสาวได้มีบทบาทพร้อมทั้งมีผลงานเข้าตาประชาชน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันข้างหน้า
ดังนั้น ภาพที่สามในวันเดียวกันนี้จึงต่อจิ๊กซอว์กับสองภาพดังที่กล่าวนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นภาพที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”สวมกางเกงวอร์มใส่เสื้อยืดสีขาวโชว์ความฟิตกำลังซ้อมมวยเรียกเหงื่อ ระหว่างพักผ่อนเป็นการส่วนตัวในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่บ้านพักตากอากาศริมทะเล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน ได้โพสต์ภาพผ่านโซเชียลทั้งเฟซบุ๊ก “เศรษฐา ทวีสิน- Srettha Thavisin”พร้อมเขียนข้อความว่า “วันหยุด ออกกำลังกายให้พอได้เหงื่อสักหน่อยครับ” และทวีตผ่าน “X SretthaThavisin” ด้วยภาพซ้อมมวยและข้อความเดียวกับที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก
นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี“ขาลอย”ในพรรคเพื่อไทย และเป็นทั้งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ส่วน“อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร”ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่มีฐานแข็งแรงในพรรคเพื่อไทย และเป็นรองประธานคณะกรรมการที่มีนายเศรษฐาเป็นประธานทั้งสองคณะดังกล่าว เธอกลับมีบทบาทและโชว์ศักยภาพให้เห็นมากกว่านายเศรษฐา แม้จะเป็นงานอีเว้นท์เพื่อการสร้างภาพก็ตามที
นอกจากนั้น“เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งได้คุยโม้โอ้อวดว่าจะทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยแบบ“ทำงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง” ปรากฏว่านายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในจำนวน 30 คนของประเทศไทย ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่ถึงสี่เดือนก็ขอลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัวเพื่อ“ดูแลคุณแม่-พาลูกเที่ยว”
มิหนำซ้ำงานหลักของนายกรัฐมนตรีทั้งเรื่องซอฟต์พาวเวอร์“Art Toy Korat” และเรื่องการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ที่จังหวัดนครราชสีมา แทนที่จะไปเองก็ต้องยอมให้ลูกสาว“นายใหญ่”แย่งซีน และก็พยายามแก้เก้อด้วยการแพร่ภาพซ้อมมวยอยู่ที่บ้านพักริมทะเลออกมาทางสื่อโซเชียล ซึ่งแทนที่จะดูดีกลับยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดยิ่งขึ้นไปอีกว่า ที่แท้แล้วเศรษฐาก็แค่“นักแสดงสมทบชาย”
ในฐานะนายกรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน มักจะพูดบิดเบือนอยู่ตลอดเวลาว่า “8 ปีของรัฐบาล”ชุดก่อนไม่มีอะไร แต่ 7 เดือนของรัฐบาลเศรษฐากลับยิ่งไม่มีอะไรให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน และที่บอกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโต 1.8 เปอร์เซ็นต์ซึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่มีอะไรดี จากการกล่าวปาฐกถาพิเศษของนายเศรษฐาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม สัปดาห์ก่อน ที่โรงแรม“Bangkok Marriott Hotel” ก็แสดงให้เห็นอีกเรื่องหนึ่งว่า นายเศรษฐาชอบพูดปดเพื่อด้อยค่ารัฐบาลชุดก่อน
เพราะข้อมูลเชิงประจักษ์พบว่า บริษัทแสนสิริที่ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรติดต่อกันมาโดยตลอดในช่วงสี่ห้าปีมานี้ โดยเฉพาะในปี 2566 บริษัทแสนสิริมีกำไรสูงถึง 6,060 ล้านบาท จากยอดขายกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท ถือว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 42 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไร 4,280 ล้านบาท สรุปก็คือปีที่แล้วบริษัทแสนสิริมีกำไรสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา เมื่อดูจากภาพสามภาพที่นำมาเปรียบเทียบ สะท้อนให้เห็นว่านายเศรษฐา ทวีสิน นั้น นอกจากจะโดดเดี่ยวและไร้บารมีแล้ว เวลาบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนับวันก็ยิ่งเหลือน้อยลงทุกที ขึ้นอยู่กับว่า“เจ้าของพรรคเพื่อไทย”จะสั่งให้ลงจากตำแหน่งวันไหนเท่านั้นเอง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี