ระหว่างทัวร์นกขมิ้น ไปเยือนจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามนักข่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่มีอายุถึง 10 ปี ไปตรวจและพบสารก่อมะเร็งว่า ก่อนจะมีการส่งออกต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร

ส่วนที่มีการถกเถียงเรื่องนี้จนบานปลายและมองว่าข้าว 10 ปีกินไม่ได้แล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็อย่าให้มันบานปลาย อยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้าไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำ เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่ามีเสียงคัดค้านการนำข้าวไปรับประทาน นายกฯ จึงย้อนถามกลับว่าเสียงคัดค้านมาจากอะไร ถ้ามีข้อเท็จจริงร่วมอยู่ด้วย พิสูจน์ทราบได้ว่าสามารถบริโภคได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าทำการทดสอบแล้วมีปัญหาตนเชื่อว่าก็ไม่ขายอยู่ดี

นักข่าวถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการตรวจสอบก่อนที่จะนำออกมาเป็นข่าว นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวก็คงมีการตรวจสอบ และคิดว่าควรจะเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะหากเป็นหน่วยงานภาครัฐเดี๋ยวก็จะไม่เชื่อถืออีก ก็น่าจะต้องเป็นหน่วยงานที่สามารถตรวจสอบได้ แล้วก็มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะเราไม่อยากให้มีธงไว้ก่อนว่า ข้าวดังกล่าวจะต้องปลอดภัย แต่ธงของเราคือข้าวต้องมีความปลอดภัย แต่ถ้าไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำยืนยัน

เมื่อถามว่า ควรให้หน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือตรวจสอบเลยหรือไม่ เพื่อที่ได้จบดราม่า ว่า ข้าวกินได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ทราบกรรมวิธีในการตรวจสอบ แต่ถ้าเร่งก็จะไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีกขอให้ใจเย็นก่อน เชื่อว่านายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ตระหนักดีในข้อนี้

ในคำถามรัฐบาลจะเป็นผู้ตรวจสอบเองหรือให้เอกชนที่ประมูลได้ไปตรวจสอบ นายเศรษฐากล่าวว่า ตรงนี้ต้องเป็นที่สบายใจของทุกฝ่าย เราตรวจสอบแล้ว ถ้าเขาไม่สบายใจ เขาตรวจสอบอีกได้ ถ้าจะให้ดีทุกภาคส่วน ต้องมีส่วนรู้เห็น ไม่ใช่ว่าไปแอบทำ

เมื่อถามว่าท้ายที่สุดหากผลออกมา มีสารก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ต้องเอาไปทำอย่างอื่นหรือไม่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดาให้ผลออกมาก่อน แล้วค่อยไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไร หรือจะไม่ทำ

จะว่าไปแล้วเรื่องข้าวเก็บไว้ในโกดัง 10 ปี นั้นเป็นเรื่องใหญ่ กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ นายเศรษฐา ทำถูกต้องแล้วที่ต้องตรวจสอบให้ชัดว่ากินได้หรือไม่ได้ ส่วนเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้นอนคุกแม้แต่นาทีเดียว ทางนายเศรษฐาตีกรรเชียงรอดมาได้ ผู้คนก็ไม่ได้กังวลมากนักเพราะเป็นเรื่องภายในประเทศ

แม้คำพูดของนายเศรษฐา จะไปหักเหลี่ยมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ยืนยันข้าวในโกดัง 10 ปี ยังรับประทานได้ ทั้งกินโชว์ไปสองสามคำ และประกาศจะส่งไปขายให้ชาวแอฟริการับประทานก็ตาม

แต่ ณ วินาทีนี้จะเห็นได้ว่าภาวะผู้นำที่สมบูรณ์ของนายเศรษฐา ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว ที่จะยึดประโยชน์และภาพลักษณ์ของชาติเป็นสำคัญ ไม่คล้อยตามไปกับพวกพ้อง

จึงเป็นหน้าที่อันสำคัญ ที่นายเศรษฐาต้องรีบพิสูจน์ข้าว 10 ปี ในโกดังให้ชัดเพื่อจะได้จัดการไปตามความเหมาะสมต่อไป โดยที่ไม่ต้องอับอายขายหน้าที่บรรดาสมุนบริวารพูดล่วงหน้าไปก่อนว่าข้าว 10 ปี ในโกดังยังกินได้