สังคมไทยเป็นสังคมที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีความเอื้ออาทร มีน้ำใจไมตรีให้กันและกัน ดูแลแบ่งปันกันและกัน นั่นคือความเชื่อของคนจำนวนไม่น้อยในสังคมนี้ แต่ความเชื่อกับความจริงจะเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของปัจเจกบุคคล
แต่ทว่า สังคมไทยในบางมุมกลับถูกมองว่าเป็นสังคมที่เร้นแค้น ไร้น้ำใจ ไร้ความเมตตาให้กันและกัน เป็นสังคมที่เอาเป็นเอาตายกันแบบไม่คิดคำนึงว่าเราเป็นสมาชิกของสังคม เป็นเพื่อนร่วมสังคม เป็นพี่น้องร่วมชาติร่วมแผ่นดิน เพราะเราพบเห็นเสมอๆ ว่าในหลายต่อหลายครั้งมีการเข่นฆ่ากันอย่างโหดร้ายในสังคมไทย
คำถามที่ตามมาคือ ในสังคมของเราให้ความสำคัญกับความเสมอภาค ความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงหรือไม่ เราเป็นสังคมที่ปากว่าตาขยิบ ใช่หรือไม่ สังคมของเราให้ความสำคัญกับประเด็นความเท่าเทียม ความเสมอภาคแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จริงๆ หรือ
เราลองมาพิจารณาประเด็นการเสียชีวิตของบุ้ง ทะลุวัง กับกรณีนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษเทวดาที่ไม่ต้องคิดคุกติดตะรางแม้แต่วันเดียว แถมยังได้รับอภิสิทธิ์เหนืออภิสิทธิ์แบบสุดขีด โดยการส่งตัวไปนอนในห้องพิเศษในโรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลายาวนานประมาณ 6 เดือน แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็น หรือกล้ารับรองว่านักโทษชายทักษิณเข้าไปนอนในโรงพยาบาลตำรวจจริงๆ แถมกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลตำรวจก็ยังพร้อมใจกับเสียทุกตัว จนถูกใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่สามารถดูภาพการเคลื่อนไหวใดๆ ในโรงพยาบาลในช่วงที่นักโทษชายทักษิณถูกอ้างว่าส่งไปรักษาตัว
กลับไปตั้งคำถามว่า ทำไมบุ้งจึงเสียชีวิต ทั้งๆ ที่กรมราชทัณฑ์รับรู้มาโดยตลอดว่า บุ้งตั้งใจอดอาหารเพื่อประท้วงศาล แต่ก็ต้องตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ทำไมกรมราชทัณฑ์ปล่อยให้บุ้งเสียชีวิต ทั้งๆ ที่บุ้งอยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ เมื่อดูกรณีของบุ้งแล้ว ก็ต้องย้อนไปดูกรณีของนักโทษชายทักษิณ จึงทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมกรมราชทัณฑ์ดูแลบุ้ง แล้วบุ้งเสียชีวิต แต่ทำไมกรณีของนักโทษชายทักษิณ เหตุใดกรมราชทัณฑ์จึงให้ความดูแลมากเป็นพิเศษ
คำถามคือ กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญของความเป็นคนระหว่างนักโทษชายทักษิณกับบุ้ง เหมือนหรือต่างกัน ทำไมกรมราชทัณฑ์ไม่ส่งบุ้งไปรักษาตัวที่
โรงพยาบาลตำรวจ แล้วให้พักรักษาตัวให้ห้องพิเศษแบบสุดพิเศษเหมือนที่นักโทษชายทักษิณได้รับ กรมราชทัณฑ์ทราบดีอยู่แล้วใช่ไหมว่า บุ้งอดอาหารเพื่อประท้วงมาระยะหนึ่งแล้ว แล้วเหตุใดกรมราชทัณฑ์จึงไม่ระวังและป้องกันการเสียชีวิตของบุ้ง
ประเด็นต่อมาคือทำไมจึงส่งร่างที่ไร้สติของบุ้งจากโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ห่างไกลกันมาก ทั้งๆ ที่น่าจะส่งตัวบุ้งไปรักษาโดยเร่งด่วนในโรงพยาบาลที่ใกล้กับโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ ซึ่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์น่าจะดูแลอาการของบุ้งได้ดีกว่าการพาร่างไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลมาก
ขอบอกว่ากรณีของบุ้งกับนักโทษชายทักษิณเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นความแตกต่างกันอย่างมาก และยังบ่งบอกให้เห็นว่ากรมราชทัณฑ์น่าจะเลือกปฏิบัติต่อบุคคลอย่างชัดเจน ทำไมกรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญและให้อภิสิทธิ์กับนักโทษชายทักษิณอย่างมากมายจนเกินอธิบายได้ แต่ทำไมกรณีของบุ้ง ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าบุ้งมีพยาธิสภาพอย่างไร แล้วทำไมกรมราชทัณฑ์จึงปล่อยให้บุ้งตาย แล้วทำไมจึงรักษาชีวิตของนักโทษชายทักษิณไว้
แน่นอนว่าบุ้งไม่ใช่นักโทษชายทักษิณ และทั้งสองคนมีสถานภาพทางสังคมต่างกันมาก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าทั้งสองคนคือมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้น กรมราชทัณฑ์ต้องสำเหนียกไว้เสมอว่าต้องปฏิบัติต่อมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน แม้ในความเป็นจริงสังคมจะเข้าใจมาโดยตลอดว่า ไม่เคยมีความเท่าเทียมกันในการทำงานต่อผู้ถูกคุมขังโดยกรมราชทัณฑ์ เพราะกรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับผู้ต้องขังบางคน แต่ละเลยสิทธิของผู้ต้องขังจำนวนมาก
กรณีของบุ้งกับนักโทษชายทักษิณคือตราบาปที่ประจานกรมราชทัณฑ์ไปตลอดกาล และเป็นเครื่องประจานให้นานาชาติเห็นชัดว่าไม่มีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงในสังคมไทย แม้คนที่ต้องเสียชีวิตจะเป็นเหยื่อการเมืองของระบบการเมืองไทยก็ตาม
เรื่องความผิดของบุ้งกับความผิดของนักโทษชายทักษิณเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย วิญญูชนตระหนักดีว่าระหว่างบุ้งกับนักโทษชายทักษิณใครทำร้ายประเทศไทยหนักหนาสาหัสมากกว่ากัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี