Paper mill หรือ “โรงโม่งานวิชาการ” เป็นโรงงานผลิตความรู้จอมปลอม (fake science) เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดวารสารวิชาการทั่วโลก มีทั้งที่ทำกันในรูปแบบบริษัทและปัจเจกบุคคลสไตล์ฟรีแลนด์ และเมื่อแกะร่องรอยดิจิทัล (digital footprint) ของโรงโม่งานวิชาการเหล่านี้ต่อไป ก็พบว่ามักจะตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย อิหร่าน ลัตเวีย จีนและอินเดีย ตามลำดับ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ Paper mill เป็นธุรกิจที่รับจ้างผลิต ตีพิมพ์งานวิชาการหรืองานวิจัยให้กับนักวิชาการกำมะลอ ในราคาประมาณตั้งแต่สองพันจนถึงห้าแสนบาทหรืออาจจะมากกว่านั้น เพื่อเอาไปตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างๆ ทั่วโลก อันนำไปสู่การขอตำแหน่งทางวิชาการต่อไป เพื่อความมั่นคงในอาชีพและเงินรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
ชุมชนวิชาการมีกฎเหล็กหนึ่งที่เรียกว่า “the rule of publish or perish” หรือ “ไม่พิมพ์ก็พัง” ในด้านหนึ่ง...กฎเหล็กดังกล่าวนี้ไม่เพียงกลายเป็นดัชนี ตัวชี้วัด ความเป็นความตายในสถานภาพและสถานะความมั่นคงทางวิชาชีพของนักวิชาการ ด้วยการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการที่ผูกโยงกับปริมาณและคุณภาพงานวิชาการที่ถูกตีพิมพ์
และอีกด้านหนึ่ง...ก็นำไปสู่ธุรกิจวารสารวิชาการที่เกิดขึ้นตามมา โดยก่อนหน้านั้นสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยจะมีบทบาทในการพิมพ์วารสารวิชาการ เช่น Cambridge University Press, Harvard University press หรือ The University of Chicago Press เป็นต้น การเติบโตของชุมชนวิชาการอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ความต้องการวารสารวิชาการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้สำนักพิมพ์เอกชนเริ่มเข้าสู่ธุรกิจวารสารวิชาการ เช่น สำนักพิมพ์ Elsevier, Springer Nature และ Wiley เป็นต้น ปัจจุบันอุตสาหกรรมวารสารวิชาการทั่วโลก มีมูลค่าเกือบสามหมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่กฎเหล็กอีกข้อที่เรียกว่า “plagiarism” หรือ การลอกเลียนผลงานของผู้อื่น หรือนำมาใช้โดยไม่มีการอ้างอิง ก็ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพนี้
ในรอบสามปีที่ผ่านมา มีนักวิชาการระดับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสหรัฐสามแห่ง ต้องลาออกด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการขโมยความคิด/คำพูด การคัดลอก
ผลงานโดยไม่อ้างอิง หรือการใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ปราศจากการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดมาใช้ในงานวิจัย
เริ่มจาก....พลโท Robert Caslen อธิการบดีมหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนา ที่ลาออกไปเมื่อพฤษภาคม 2021 เพียงเพราะว่าตัวเองพลาดไปลอกเอาคำพูดของ พลเรือเอกWilliam McRaven อธิการบดีมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน ที่กล่าวกับนักศึกษาในงานวันรับปริญญาเมื่อปี 2014 โดยไม่ได้อ้างแหล่งที่มา
ในพิธีรับปริญญา มหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนาปี 2021 พลโท Caslen ได้นำคำพูดบางส่วนของพลเรือเอก McRaven มากล่าวกับบัณฑิตจบใหม่ ประหนึ่งว่าเป็นคำพูดของตัวเองโดยไม่อ้างอิงแหล่งที่มาของคำพูดดังกล่าว และงานเดียวกันนั้น Caslen ยังเรียกชื่อมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเป็นผู้บริหารสูงสุดอยู่ผิด ว่าเป็น มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตาม Caslen ยังมีศักดิ์ศรีของนายพลโทแห่งกองทัพบกสหรัฐและอดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ เขาได้กล่าวขอโทษต่อ พลเรือเอก McRaven ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในปฏิบัติการสังหาร บิน ลาเดน เมื่อพฤษภาคม 2011 ที่ลอกคำพูดของ McRaven มาโดยไม่ได้อ้างอิง พร้อมกับขอลาออกจากตำแหน่ง หนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
Marc Tessier-Lavigne อธิการบดีมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดอันมีชื่อเสียง เป็นรายสองที่ต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อกรกฎาคมปีที่แล้ว เนื่องจากพบว่ามีการใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในงานวิจัยเรื่องโรคอัลไซเมอร์ของ Genetech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ ดร. Tessier-Lavigneเป็นซีอีโออยู่ในช่วงปี 2009 และมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนงานวิจัยชิ้นนี้ ก่อนหน้าที่จะมารับตำแหน่งอธิการบดีที่สแตนฟอร์ดในปี 2016
และคนสุดท้ายคือ Claudine Gay อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้หญิงผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยอายุ 387 ปี แห่งนี้ ที่เพิ่งลาออกไปเมื่อต้นปีนี้
ซึ่งนอกจากเหตุผลทางการเมืองแล้ว คือเรื่องที่ Gay ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อปลายปีที่แล้ว กรณีการชุมนุมต่อต้านยิวในมหาวิทยาลัยที่เธอเป็นผู้บริหารดูแลอยู่ แล้วไม่เป็นที่สบอารมณ์ของคณะกรรมาธิการและคนอเมริกันเชื้อสายยิว Gay ยังโดนกล่าวหาเรื่องplagiarism หรือ คัดลอกผลงานผู้อื่นมาใช้ในงานวิชาการของเธอโดยไม่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา แม้ Gay จะชี้แจงว่าผลงานของเธอมีการอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้องตามมาตรฐานทางวิชาการ แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังของกลุ่มยิวล็อบบี้ยิสต์ บวกกับการเป็นผู้บริหารหญิงผิวสีในสถาบันการศึกษาของชนชั้นอีลิท รวมถึงกฎเหล็กข้อที่สองของสังคมวิชาการ ทำให้ Gay ต้องลาออก หลังจากเข้ามารับตำแหน่งนี้ได้เพียงหกเดือนกว่า
ธุรกิจ Paper mill ทำให้ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา Wiley ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์เอกชนที่ประกอบธุรกิจวารสารวิชาการระหว่างประเทศมากว่า 217 ปี และพิมพ์วารสารวิชาการมากกว่า 2,000 วารสารทั่วโลก ได้ยกเลิกการตีพิมพ์บทความวิชาการกว่าหนึ่งหมื่นบทความ ขณะที่Springer Nature สำนักพิมพ์เอกชนอีกแห่งที่พิมพ์บทความวิชาการประมาณสี่แสนเรื่องต่อปี ก็ต้องเสียเวลามานั่งตรวจสอบบทความวิชาการ 3,000 กว่าเรื่องที่ถูกตีพิมพ์ไปแล้วในปี 2021 อีกครั้ง โดยก่อนหน้านั้นก็ปฏิเสธ 8,000 บทความที่กำลังจะถูกตีพิมพ์ เพราะงานวิชาการเหล่านี้ต้องสงสัยว่าถูกผลิตโดย paper mill
ปัจจุบันทั้ง Wiley และ Springer Nature ได้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาตรวจสอบความรู้จอมปลอมที่ถูกผลิตจากโรงโม่งานวิชาการเหล่านี้ หรือที่เรียกว่าa paper-mill detector ขณะที่นักวิชาการอีกกลุ่ม โดยเฉพาะนักวิทยาการข้อมูล (data scientist) ก็ได้สร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างเช่น The Paper-mill Alarm, the Problematic Paper Screener ขึ้นมาเช่นกัน
Bernhard Sabel นักจิตวิทยาประสาท มหาวิทยาลัย Otto von Guericke ประเทศเยอรมัน ใช้โปรมแกรมประเภท a fake-paper detector เพื่อตรวจจับงานวิชาการที่ไม่โปร่งใส ไม่ได้มาตรฐานและมีพิรุธทางวิชาการจำนวน 5,000 ชิ้น ที่พิมพ์ในปี 2020 พบว่า 34% หรือ 1,700 ชื้นของงานวิจัยทางด้านประสาทวิทยาและอีก 24% หรือ 1,200 ชิ้น ของงานวิจัยทางการแพทย์ เป็นงานวิชาการประเภทนั่งเทียนเขียนหรือคัดลอกจากผลงานของคนอื่นมาและอยู่ในข่ายต้องข้อสงสัยว่าถูกผลิตโดย paper mill
ปัจจุบันสงครามระหว่างสำนักพิมพ์วารสารวิชาการกับโรงโม่งานวิชาการ (paper mill) ยังคงดำเนินต่อไป เพราะขณะที่ฝ่ายแรกเริ่มนำเทคโนโลยีโปรแกรมคอมพิวเตอร์
อย่าง a paper-mill detector เข้ามาช่วย ฝ่ายหลังก็ไม่ลดราวาศอกเช่นกัน ด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง Generative AI เข้ามาเป็นเครื่องจักรตัวใหม่ในการผลิตงานวิชาการ
ดร.ธิติ สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี