ในช่วงนี้จะเกิดเหตุอาเพศอันต่อเนื่องมาจากเหตุอุบาทว์พระพาย ดังที่เป็นข่าวสนั่นหวั่นไหวในช่วงเวลาไม่ถึงสิบวันหรือไม่ก็ยากที่จะกล่าว แต่มีเรื่องสองเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและบ่งบอกถึงความฉิบหายวายวอดของกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยของเรา และได้เผยให้เห็นถึงหน้าที่รับผิดชอบของผู้มีอำนาจหน้าที่ว่าเหลวไหลเลอะเทอะเลอะเลือนขนาดไหน
เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประเทศนี้ไร้ธรรมอำไพ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงเตือนไว้แล้วว่าชาติใดไร้ธรรมอำไพ ชาตินั้นบรรลัยแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่คนทั้งหลายไม่พึงจะมองข้ามไป หากควรติดตามพิจารณาและใคร่ครวญโดยตระหนักอย่างถ่องแท้เพื่อแก้ไขอาเพศในบ้านเมืองร่วมกัน
เรื่องสองเรื่องนั้นคือ
เรื่องแรก คือเรื่องที่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในบ้านเมือง กลับตั้งตนเป็นผู้กระทำผิดในกฎหมายเสียเองในลักษณะเหลิงอำนาจ บังอาจขัดหมายบังคับคดีของศาลปกครองที่มีคำบังคับให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรายงานการตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารเพื่อดำเนินการต่อไป
ศาลได้ออกหมายบังคับคดีให้ ป.ป.ช. ปฏิบัติแล้ว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะประเทศไทยของเรานี้นับแต่มีสถาบันศาลเป็นต้นมาก็ไม่เคยมีส่วนราชการใดบังอาจขัดขืนหมายบังคับคดีของศาลเลย แล้วไฉนเล่า ป.ป.ช. จึงบังอาจท้าทายศาลสถิตยุติธรรม ซึ่งทำการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ไม่ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีของศาล
ดังนั้นศาลปกครองจึงมีคำสั่งลงโทษ ป.ป.ช. ด้วยการลงโทษปรับ 10,000 บาท แม้เป็นเงินจำนวนน้อย แต่ก็เป็นการลงโทษทางอาญาแล้ว ถ้าหากป.ป.ช. ไม่ชำระ ศาลได้แจ้งแล้วว่าให้ยึดทรัพย์ ป.ป.ช. ให้ชำระค่าปรับให้ครบ
แม้เพียงนั้นแล้วยังปรากฏว่ายังมิได้มีการปฏิบัติตามหมายบังคับของศาล ดังนั้นนายวีระ สมความคิดโจทก์ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 297 ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไปในการบังคับคดีร้องขอต่อศาลปกครองแต่ฝ่ายเดียว ขอให้ออกหมายจับ ป.ป.ช. มาขังคุกไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามหมายบังคับคดีได้ ซึ่งจะต้องติดตามดูกันต่อไป
เรื่องแบบนี้ก็ต้องถือว่าเป็นผลของอุบาทว์พระพายอย่างหนึ่งซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
เรื่องที่สอง คือเรื่องที่รัฐบาลเคยฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐจำนวนกว่า 70,000 ล้านบาท และได้รับชำระหนี้มาแล้วประมาณ 30,000 ล้านบาท ยังมีหนี้ตามคำพิพากษาอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งจู่ๆ ก็มีอาเพศเป็นเหตุต่อเนื่องจากกรณีอุบาทว์พระพาย ข่าวเรื่องนี้ซึ่งเคยเงียบไปนานแล้วก็ถูกสื่อมวลชนนำมาเปิดเผยตีฆ้องกลองดังสนั่น ว่าเหตุใดศาลตัดสินให้ชำระหนี้แล้วจึงไม่มีการบังคับคดีจนเวลาล่วงเลยไปนับสิบปี
ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกและเป็นอาเพศเหตุต่อเนื่องจากอุบาทว์พระพายอย่างชัดเจน และเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วก็มีคำถามในใจประชาชนไทยทั่วประเทศว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรและใครจะต้องรับผิดชอบ
ก็ต้องบอกก่อนว่า การบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเอ้อระเหยลอยชายปล่อยปละละเลยนับ 10-20 ปีได้ เพราะบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามคำตัดสินของศาลนั้นมีอยู่และหลายกรณีก็จะมีผลให้บังคับคดีไม่ได้ถ้าหากว่าเวลาล่วงเลยไปเกิน 10 ปี หลังจากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งจะต้องติดตามดูว่าเรื่องนี้ศาลตัดสินถึงที่สุดมากี่ปีแล้ว และมีกรณีใดบ้างที่ได้รับผลกระทบหรือบังคับคดีไม่ได้ และส่วนนี้จะมีใครรับผิดชอบ ข้อสำคัญคือต้องมีผู้รับผิดชอบแน่ๆ เพราะประโยชน์ของแผ่นดินนั้นตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ใครทำให้เสียหายต้องรับผิดชอบ
ก่อนอื่นก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้มีหน้าที่บังคับคดีในเรื่องนี้ ก็ต้องตอบว่าหน่วยงานของรัฐบาลหน่วยใดเป็นผู้ฟ้องคดีนี้ หน่วยงานของรัฐบาลหน่วยนั้นย่อมเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และมีหน้าที่ต้องทำการบังคับคดีตามหมายบังคับของศาลซึ่งกรณีนี้ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็น่าจะเป็นกระทรวงการคลัง
ดังนั้นถ้าหากมีความเสียหายเกิดขึ้นเพราะบังคับคดีไม่ได้เพราะเหตุใดๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงการคลังตั้งแต่ฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและทางอาญา
ดังนั้นเรื่องนี้คงจะเงียบไปง่ายๆ ไม่ได้อีกแล้ว และอาเพศจากอุบาทว์พระพายดีร้ายอาจจะดังระเบิดเถิดเทิง กวาดเอาใครต่อใครเข้าคุกเข้าตะรางและถูกยึดทรัพย์จนสิ้นเนื้อประดาตัวก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี